แกล้งเส้นไหม ทำไม


เรื่องเล่าจากโรงทอผ้า

ในกระบวนการทอผ้าไหมนั้นมีกระบวนการแกล้งเส้นไหมอยู่ในหลายกระบวนการเพื่อให้เส้นไหมแข็งและอ่อน ซึ่งแต่ละกระบวนการมีจุดประสงค์แตกต่างกัน ทั้งนี้การกระทำแบบนี้ช่วยให้เราเรียนรู้การเตรียมเส้นไหมของช่างทอพื้นบ้านได้เป็นอย่างดี

 

เส้นไหมดิบ จากรังไหมสู่เส้นใย

          ในกระบวนการสาวไหมแบบพื้นบ้าน เส้นไหมที่สาวขึ้นจะประกอบด้วยเส้นใยและส่วนที่เป็นสารเคลือบเส้นใย ช่างทอผ้าโบราณฉลาดและเรียนรู้ว่า เส้นไหมดิบแบบนี้ทอผ้าใช้ไม่ดี เนื่องจากเป็นเส้นไหมแบบแข็ง ๆ กระด้าง ดังนั้นช่างทอโบราณจึงจัดการเอาสารที่เคลือบผิวไหมเหล่านั้นออกเสียด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์แบบพื้นบ้านที่ถ่ายทอดต่อ ๆ กันมา

 

วิทยาศาสตร์แบบพื้นบ้าน

          การล้างสารเคลือบผิวเส้นไหมดิบนั้นจะถูกนำใจไหมมาผ่านกระบวนการต้มโดยการเติมน้ำดั่ง(น้ำด่าง) ซึ่งน้ำดั่งนี้ได้จากการเผากาบกล้วย กาบมะพร้าวหรือหญ้าโคยงู แล้วนำเอาถี่เถ้ามาผสมน้ำแล้วกรองเอาแต่น้ำ ซึ่งเป็นน้ำด่างแบบเข้มข้น  ก่อนที่จะต้มก็จะแช่ไหมดิบในน้ำด่างและนำไปต้มจนกระทั่งได้เส้นใยที่ปลอดสารเคลือบเส้นใย  ไหมที่ได้จึงอ่อนนุ่ม  หากการผลิตเส้นไหมในแต่ละปีได้ไม่มากก็สามารถเก็บไว้ได้นาน เส้นใยไม่กรอบไม่แห้งเหมือนการเก็บแบบไหมดิบ

 

นุ่มสู่แข็ง(แรง)

          เมื่อช่างทอผ้าสะสมไหมได้ในปริมาณที่พอเพียงจะลงมือทอผ้าสำหรับใช้งาน ซึ่งกระบวนการต่อไปนี้เป็นการทำเส้นใยให้แข็งแรง โดยเฉพาะเส้นใยที่ต้องนำมาทำเส้นยืน ก่อนนะไปย้อมจะต้องตีเกียวไหมให้แข็งแรงไม่ขาดง่าย เรียกว่าจากไหมที่เป็นเส้นพองนุ่มตีเกียวไปจนกว่าเส้นไหมจะกลม  ยิ่งกลมเท่าไหร่ก็จะได้คุณภาพผ้าที่เรียบสวยงามมากขึ้น

 

แข็งแรงจากการย้อม

          เส้นไหมที่ตีเกียวแล้ว เส้นใยจะแข็งแรงในระดับหนึ่ง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและเพิ่มสีสันลงในเส้นใย กระบวนการย้อมก็เป็นกระบวนการหนึ่งที่ทำให้เส้นมีความแข็งแรงมากขึ้นเนื่องจากสีจะเคลือบเส้ยใยเอาไว้ เพิ่มความแข็งแรงให้เส้นใยในอีกระดับหนึ่ง ทั้งการย้อมร้อนและการย้อมเย็น

 

แข็งแล้วแข็งอีก

          เมื่อมีการย้อมเส้นไหมให้มีความแข็งแรงทั้งเส้นยืนและเส้นพุ่งแล้ว ยังีกระบวนการเพิ่มความแข็งแรงของเส้นใยอีกครั้งในกระบวนการหวีและการตบน้ำแป้ง(น้ำข้าวเหนียว)ของเส้นยืน ซึ่งก่อนการทอผ้าเพื่อเส้นใยที่จะต้องผ่านตะกอและทนแรงเสียดสีของฟันฟืมได้โดยขาดหรือเป็ฯขุยก่อน ช่างทอผ้าโบราณจะต้องหวีเส้นยืนด้วยก่อน โดยมีการลงน้ำเปล่าเพื่อให้เส้นใยคลายตัวหลังจากนั้นก็จะหวีน้ำแป้งลงไปหวีจนกระทั้งแข็งก่อนจะตบด้วยการหวีขี้เผิ่ง(ขี้ผึ้ง) ซึ่งกระบวนการนี้เป็นการเพิ่มความแข็งในอีกขึ้น

 

จากแข็งเป็นนุ่ม

          เมื่อทอผ้าได้จนหมดเส้นยืนแล้ว ช่างทอจะฤกษ์งามยามดีในการจัดผ้าไหมมาเก็บไว้ ซึ่งก่อนจะเก็บก็จะมีการซักเพื่อให้ผ้ามีความอ่อนนุ่ม และเป็นการล้างน้ำแป้งที่เคลือบเส้นไหมออก กระบวนการนี้เส้นไหมที่โดนล้างน้ำแป้งออกจะนุ่มนวลชวยสวมใส่ และไม่ถูกแมลงสาบ มดกัดกินผ้า  การเก็บรักษาก็ง่ายอีกด้วย

บันทึกแกล้งไหมครับ แต่อย่าเอาไปแกล้งใครนะครับ

 

หมายเลขบันทึก: 232030เขียนเมื่อ 26 ธันวาคม 2008 14:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ค้นบ่ออกจากบ้าน..........บ่เห็นด้านแดนไกล

คันบ่ออ่าน "บทความไหม"...แมนบ่มีความฮู้

ใผสิโสดาด้วย............ฮีตเก่าคองอีสาน

คันลูกหลาบบ่จื่อไว้.........เทียวอฺย้องผู่อื่นดี

ป้าด มาจ่ายผะหยาถึงหม่อง

ข่อยกะคึดความผะหยา บ่ทันได้ออก

คิดได้แล้ว สิมาจ่ายตอบเด้ออาจารย์เด้อ

แวะมาอ่านข้อมูลดีดีนะคะ

ขอเขียนใหม่แก้ตัว(เขียนครั้งแรกมีคำผิดอยู่เพราะเขียนสด หวังว่า อ.ออต จะอภัย)

ค้นบ่ออกจากบ้าน..........บ่เห็นด่านแดนไกล

คันบ่อ่าน "บทความไหม"...แมนบ่มีความฮู้

ใผสิโสดาด้วย............ฮีตเก่าคองอีสาน

คันลูกหลานบ่จื่อไว้.........เทียวอฺย้องผู่อื่นดี

  • มีความสุขทุกวันปีฉลู
  • ขอให้รู้ยังยืนอยู่ไม่ไปไหน
  • จะเคียงข้างเป็นทั้งเพื่อนกำลังใจ
  • สู้ต่อไป.ในแนวทาง..ตามความดี
  • มีความสุขนะคะ..พิมญดา

เป็นความเข้าใจอันลุ่มลึก ทุกสิ่งที่ทำมีเหตุผลทั้งสิ้นนะคะ

ได้ความรู้มากจริงๆค่ะ

อาจารย์นุชครับ

  • ขอบพระคุณครับที่แวะมาเยี่ยม
  • และมาให้กำลังใจในการเขียน

มีการจัดเสวนา เรื่อง มหัศจรรย์ผงใหม ลองเข้ามาแลกเปลี่ยน ข้อมูลกันได้นะค่ะ สามารถเข้าไปดูรายละเอีดยเพิ่มเติมได้ที่

http://portal.in.th/scitalk/

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท