ในปัจจุบันมีผู้หันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับสุขภาพ และการดำรงชีวิตให้ห่างไกลจากสารเคมีที่เป็นอันตรายเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ มีความพิถีพิถันเรื่องอาหารการกินโดยจะมีการสืบค้นเสาะหาแหล่งที่มาจนเกิดความแน่ใจว่าปลอดภัยจริง ๆ ถึงจะซื้อหามาบริโภคไม่เว้นแม้แต่ผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตร เช่น พืชผักผลไม้ต่าง ๆ ผู้บริโภคต่างเริ่มตระหนักถึงพิษภัยและหันมาปลูกพืชผักไว้ทานกันเองในครอบครัว มากกว่าที่จะไปซื้อหาจากท้องตลาด เพราะไม่มั่นใจว่าผักผลไม้ที่รับประทานอยู่นั้นผ่านการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงต่างๆอะไรมาบ้าง ซึ่งอาจจะส่งผลข้างเคียงหรือก่อให้เกิดปัญหาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ตามมาในอนาคตได้
นี่ก็เป็นชีวิตอีกด้านหนึ่งของเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ใส่ใจต่อคุณภาพและพิถีพิถันต่อการปลูกพืชผักแบบปลอดสารพิษและมุ่งมั่นพัฒนาไปสู่เกษตรอินทรีย์ในอนาคต คุณอาทิตย์ เสริมทรัพย์ บ้านเลขที่ 63/3 หมู่ 2 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10170 เป็นสมาชิกของชมรมเกษตรปลอดสารพิษ เลขที่ 10007228 เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่นิยมการทำเกษตรอินทรีย์ โดยเพาะปลูกพืชเป็นแบบสวนผสม ปลูกผัก ชนิดต่าง ๆ เช่น บวบ ถั่วฝักยาว มะเขือ ผักบุ้ง ฯลฯ อีกทั้งยังมีแปลงไม้ดอกเช่น มะลิ ดาวเรือง สร้อยทอง อยู่บนเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ส่วนใหญ่จะปลูกเอง ขายเอง โดยตลาดที่ไปส่งอยู่เป็นประจำคือ ปากคลองตลาด
คุณอาทิตย์ ได้แจ้งว่าทุกครั้งที่จะใส่ปุ๋ยเคมีจะใช้ภูไมท์ซัลเฟต คลุกผสมกับปุ๋ยทุกครั้ง ในอัตราส่วน ปุ๋ยยูเรีย 5 กิโลกรัม ต่อ ภูไมท์ซัลเฟต ½ กิโลกรัม และให้อาหารเสริมในกลุ่มจุลธาตุจาก ซิลิโคเทรช ฉีดพ่นทางใบเพื่อบำรุงสภาพต้นโดยรวมของ มะลิ ดาวเรืองและพืชผักต่างโดยใช้ ทุก ๆ 5 วัน ส่วนในช่วงที่ต้องการให้เกิดดอก จะทำการบำรุงต้นให้สมบูรณ์และปล่อยให้มีการสะสมอาหารอย่างเพียงพอจึงจะใช้ ไวตาไลเซอร์กระตุ้นตาดอก ร่วมกับ ฮอร์โมนไข่ โดยฉีดพ่น ทุก ๆ 7 วัน ส่วนใหญ่จะใช้กับ มะลิ และดาวเรือง ในช่วงที่ มะลิ และดาวเรืองแพง ซึ่งจะอยู่ในช่วงฤดูหนาว และ ฤดูฝน ช่วงเทศกาล วันแม่ คุณอาทิตย์บอกว่า ขายดอกมะลิได้ราคาดีมากโดยตกอยู่ที่ลิตรละ 800-1,000 บาท
ส่วนปัญหาโรคพืชและแมลงศัตรูพืช ก็คง หนีไม่พ้น เรื่องของ หนอน เพลี้ยไฟ ไรแดง เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง ด้วงหมัดผัก แต่คุณอาทิตย์ ก็สามารถ แก้ปัญหาต่างๆ ได้โดยง่าย โดยจะใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ ทริปโตฟาจ 1 ขีด ต่อ น้ำ 20 ลิตร ทำการฉีดพ่นในช่วงที่ระบาด ทุก ๆ 3 วัน ติดต่อกัน 3-4 ครั้ง ถ้าจะกำจัดหนอนไปด้วยก็จะใช้ร่วมกับเชื้อบีทีชีวภาพอัตราตามคำแนะนำในฉลาก ซึ่งวิธีการทั้งหมดจะไปไม่ใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมเลย และคุณอาทิตย์ยังได้บอกต่ออีกว่า หลังจากที่เริ่มทำเกษตรแบบปลอดสารพิษ รู้สึกว่าสุขภาพของตัวเองดีขึ้นมาก ชีวิตที่มีแต่ความปลอดภัย ชีวิตที่มีแต่ความสุข ชีวิตที่อิงอยู่กับเกษตรและธรรมชาติหรืออาจจะเรียกว่าชีวิต “สีเขียว” ผู้ใดที่ไม่อยากมีชีวิตแบบสีแดงสีเหลืองก็ลองหันมาใช้ชีวิตแบบสีเขียวก็ไม่ว่ากันนะครับ สนใจข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 089-4442366
มนตรี บุญจรัส
ไม่มีความเห็น