รัชดาวัลย์ วงษ์ชื่น(อิงจันทร์)
รัชดาวัลย์ วงษ์ชื่น(อิงจันทร์) ครูตาล วงษ์ชื่น

๓๓.หนึ่งกำลังใจ.....สู่ปลายฝัน


จันทร์ที่งาม ดาวที่ส่อง มองด้วยกัน

              

                 หนึ่งกำลังใจ....สู่ปลายฝัน

                      เพียงแค่แสง รำไร ในฟากฟ้า

                      เพียงสองตา คอยติดตาม ความเคลื่อนไหว

                      เพียงสองหู รับรู้ข่าว  อยู่ไกลไกล

                      เพียงหนึ่งใจ คอยสดับ รับเรื่องราว

                                        ขอเป็นหนึ่ง กำลังใจ สู่ปลายฝัน

                                        ขอเห็นเธอ มุ่งมัน ทางสีขาว

                                        ขอส่งแรง ศรัทธา มากับดาว

                                        ขอเห็นก้าว ทุกก้าวล้วนก้าวงาม

                    เธอผู้เก่ง เธอผู้กล้า  เธออย่าท้อ

                   งานมากรอ   เหนื่อยมากมั้ย  อยากไต่ถาม

                   หากเหนื่อยนัก  พักเหนื่อยล้า  มองฟ้าครา

                   จันทร์ที่งาม  ดาวที่ส่อง มองด้วยกัน

Dsc04528

     คนดีของฉัน...วันนั้นถึงวันนี้   

ตีพิมพ์ใน  หนังสือขายดีฉบับหนึ่งของเมืองไทย  เมื่อปี ๒๕๕๐

"นครปฐม วันนี้ ฟ้าสีฟ้า

ที่สงขลา ฟ้าหม่น  เพราะคนหมอง

คนสุขใจ ฟ้าที่ไหน ก็ขวนมอง

คนใจหมอง มองอะไร ไม่งามตา"

ันแต่งกลอนบทนี้ลงในจดหมายฉบับหนึ่ง ในจำนวน ๗๔ ฉบับ ที่เขียนถึงหนุ่มวิทยาลัยครูนครปฐม  เมื่อ ๒๕ ปีที่แล้ว ขณะนั้นฉันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีที่ ๓  และ ๑ สัปดาห์ต่อมา ฉันก็ได้รับจดหมายตอบพร้อมด้วยบทกลอนอันไพเราะและมีแง่คิดตอบกลับมาในจดหมาย เหมือนกับจดหมายฉบับก่อน ๆ ของเขา

" เขาที่เห็น เด่นไกล ในข้างหน้า

ไกลสุดตา  เพียงใด ได้แต่เห็น

เมื่อเข้าใกล้ ได้สัมผัส ให้ชัดเจน

เขาที่เห็น เด่นไกล ใช่เรียบเลย"

        ความจริงฉันไม่ใช่คนนครปฐม แต่แปลกมากที่เมื่อถวิลหาอดีตยามใด ฉันกลับคิดถึงนครปฐมมากกว่าที่อื่น  เมื่อเริ่มเรียนระดับประถม คุณครูก็จะป้อนความรู้เรื่องตำนานพระปฐมเจดีย์ ตามด้วยคำขวัญ "ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว  ลูกสาวสวย....."สมัยเด็กจำได้แค่นั้น  และรู้สึกว่าเด็กส่วนใหญ่จะจำกันได้มากกว่าจำคำขวัญจังหวัดของตัวเอง ในสมัยนั้นเด็กบ้านนอกอย่างฉันมีความรู้สึกว่า นครปฐม นั้น ไกลแสนไกล

เมื่อเรียนระดับปริญญาตรี  ก็แอบปลื้มผู้ชายคนหนึ่ง ในงานแข่งกีฬาของสถาบัน  ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม  ไม่มีเหตุผล แต่ประทับใจในภาพที่เขาแสดงออก  "มันเหมือนเคยเจอมาตั้งแต่ชาติปางก่อนมั้ง"  (อิ  อิ....) ทราบภายหลังว่าเขาเป็นหนุ่มนครปฐม  และเป็นเจ้าของจดหมายที่แทรกบทกลอนอันไพเราะ จำนวน ๗๔ ฉบับนั้นเอง แต่ฉันเป็นได้แค่เจ้าของจดหมายเท่านั้น ไม่ได้เป็นเจ้าของหัวใจของสุภาพบุรุษผู้นี้หรอกนะ สำหรับในหัวใจฉันนั้น เวลาเพื่อนสนิทตำหนิเขาที่ทำให้ฉันอกหัก ฉันได้แต่บอกเพื่อนว่า

" จุ๊ จุ๊ ... อย่าเอ็ดไป  ที่รักฉันอยู่ในใจ  เดี๋ยว เขาจะได้ยิน "

เมื่อเรียนจบ ฉันได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการครู  ผู้บริหารโรงเรียนก็เป็นคน อำเภอบางเลน  นครปฐม ฉันเลยได้มีโอกาสไปเที่ยวนครปฐมสมใจอยาก  เพราะบังเอิญผู้บริหารเป็นญาติสนิทกับผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง และปีนั้นประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๑ มี  กฐินดารา  ที่วัดลาดสะแก  ฉันและเพื่อน ๆ ครูในโรงเรียน ๑๐ กว่าคน  ได้ไปร่วมงานด้วย  จำได้ว่าปีนั้น คุณสิเรียม กำลังเริ่มดังเพราะฝีมือการปั้นของผู้กำกับภาพยนตร์คนนั้น นอกจากคุณสิเรียมแล้วฉันยังได้มีโอกาสสัมผัสกับดาราหลายคน

      แต่ที่ประทับใจมากกว่าเหล่าดาราก็ตรงที่บรรยากาศของงานกฐิน  เรียกได้ว่าเป็นงานรวมญาติจริง ๆ เพราะเดินทางกันมาจากหลายจังหวัด  ฉันกับเพื่อน ๆ และผู้บริหารโรงเรียนไปจาก หัวหิน  ญาติจากระยองก็มี  แต่ที่มากที่สุดเห็นจะไปจากกรุงเทพฯ หลายคนกางมุ้งนอนที่ลานวัด  หลายคนไปนอนที่บ้านญาติที่กระจายอยู่ใกล้ ๆ วัดนั่นเอง

      สำหรับฉันอยู่ในกลุ่มแรกคือนอนที่วัดเมื่อตื่นนอนตอนเช้า ก็ชวนลูกสาวลูกชายของครูใหญ่(ตำแหน่งในสมัยนั้น) ไปอาบน้ำที่บ้านญาติที่อยู่ใกล้วัด  กำลังชี้ชวนกันดูโน่นดูนี่  เนื่องจากอำเภอบางเลนเป็นอำเภอที่มีพื้นที่มากที่สุดของนครปฐม มองออกไปจึงเห็นเป็นทุ่งนาเขียวขจีกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา  และที่ลำคลองส่วนใหญ่จะมีเป็ดลอยตัวอยู่เหนือน้ำเต็มไปหมดสมดังคำขวัญที่ว่า"แหล่งข้าวอุดมดี มากมีเป็ดปลา วัฒนธรรมล้ำค่า งามตาท่าจีน" และสิ่งหนึ่งที่ห้ามไม่ได้ก็คือกลิ่นของน้ำและขี้เป็ด  ขณะเดินไปบ้านญาติ ต้องเดินข้ามสะพาน  ซึ่งใต้สะพานเป็นแอ่งน้ำสำหรับเลี้ยงเป็ด 

" นี่....เจ้าต่อ ถ้าแก ตกลงไปในน้ำขี้เป็ดนี้หละก็.....ไม่ต้องบอกใครว่าเป็นน้องของฉันนะยะ"   ลูกสาวของครูใหญ่พูดกับน้องขาย  เพราะสภาพสะพานไม่ได้แข็งแรง เป็นเพียงกระดานแผ่นกว้าง ๆ วางพาดไว้เฉย ๆ ฉันก็ได้แต่หัวเราะขำ ๆ  แต่ในใจก็นึกหวั่นว่าตัวเองจะเป็นคนตกลงไปเสียก็ไม่รู้   ผ่านสะพานไปหน่อย  ก็เจอเรือแจวลำเล็ก ๆ ลอยอยู่ในลำคลองผูกโยงอยู่กับต้นไม้  ด้วยความดีใจ ทั้งพี่ทั้งน้อง ไม่ได้คิดอะไรมากตามประสาเด็ก  คงคิดว่าเรือที่ผูกติดอยู่กับต้นไม้ คงปลอดภัยไม่ล่ม  จึงพากันขึ้นเรือ เพียงครู่เดียว

      " ตูม......"  ฉันหันไปดู เห็นลูกสาวครูใหญ่ หล่นลงไปอยู่ในน้ำเป็นพวกเดียวกับเป็ดไปในพริบตา   " ตูม...." ตูมที่ ๒ นี้ เป็นลูกครูใหญ่ผู้น้อง  ลงไปอยู่อีกด้านของเรือ  หลังจากหัวเราะงอหงายตอนที่เห็นพี่สาวตกน้ำ ด้วยคำพูดล้อเลียนพร้อมอาการจุ๊ปากว่า

        " อย่าบอกใครนะว่าเป็นพี่สาวของต่อ"

ในที่สุด ๒ คนพี่น้องก็ขี้หน้าต่างโทษว่าเป็นความผิดของอีกคน  สำหรับฉันกลั้นหัวเราะจนปวดท้อง แต่ในที่สุดก็กลั้นไม่ไหว ดีที่ได้ตัวข่วย เพราะครูใหญ่เดินมาพอดี เลยได้หัวเราะกันทั้ง ๔ คน 

        "จุ๊ ๆ ๆ ... เป็นความลับเฉพาะ  ห้ามนำไปเล่าให้ใครฟังนะ"  ฉันแกล้งกระซิบบอกครูใหญ่ จากนั้นก็พาเด็กทั้งสองไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่

       เสร็จจากงานกฐิน คณะของฉันที่นำโดยครูใหญ่ยังได้พากันไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ของนครปฐม ที่ขาดไม่ได้ก็คือพระปฐมเจดีย์และไม่ลืมที่จะแวะซื้อขนมเปี๊ยะร้านอร่อย และส้มโอข้างทางติดไม้ติดมือไปเป็นของฝากพวกพ้องที่หัวหิน

สอนหนังสืออยู่ได้ ๓ ปี  ฉันก็ลาศึกษาต่อในระดับปริญญาโท  สถาบันแรกที่สอบเข้าเรียน คือมหาวิทยาลัยศิลปากร นครปฐม  ฉันกับเพื่อนอีกคนไปเช่าบ้านพักใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย ก่อนสอบไม่ลืมที่จะไปนมัสการพระปฐมเจดีย์  สมัยนั้นนครปฐมไม่พลุกพล่านและแออัดเหมือนตอนนี้ ในใจก็อดคิดถึงหนุ่มนครปฐมเจ้าของจดหมาย ๗๔ ฉบับคนนั้นไม่หาย  แต่ก็ไม่ได้รันทดเท่าไหร่  เริ่มทำใจได้ แต่ก็ยังไม่เปิดใจรับใครเข้ามาแทนที่ได้เลย

    เมื่อผลสอบออกมาปรากฏว่าผิดหวังทั้งฉันและเพื่อน สาเหตุใหญ่คือไม่ผ่านวิชาภาษาอังกฤษ

             "เฮ้อ....คราวนี้คงบ๊าย..บาย นครปฐมแล้วหละ...."  ฉันคิด

      แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะปีถัดมาฉันได้เข้าศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยศรีนค-รินทรวิโรฒ ภาคใต้  สาขาวิชาไทยคดีศึกษา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะฉันได้กลับมานครปฐมอีกแล้ว  คราวนี้ฉันมาศึกษาวิถีชีวิตของชาวไททรงดำ หรือที่เรียกว่า ลาวโซ่ง ที่ตำบลดอนตูม อำเภอบางเลน  ทราบว่าลาวโซ่งกลุ่มนี้ได้อพยพไปจากตำบลเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรีนั่นเอง  จากการศึกษาทำให้ฉันทราบวิถีชีวิตของพวกเขา รู้สึกชื่นชมที่อิทธิพลจากภายนอกยังไม่สามารถครอบงำเขาได้  เขายังคงดำเนินวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและรักษาประเพณีดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น  ที่เห็นได้ชัดเจนคือการแต่งกายด้วยผ้าสีดำ หรือสีคราม 

    เมื่อต้องทำวิทยานิพนธ์    ฉันเลือกที่จะศึกษาวิถีชีวิตของชาวไทยอีกกลุ่มหนึ่งคือชาวมอญ  (คราวนี้ไม่ไปนครปฐมแล้วหละ)  เริ่มแรกออกภาคสนามที่ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ  จังหวัดชุมพร  ไปพักอยู่กับแม่ชีที่วัดพ่อตาหินช้าง  อยู่ร่วมกับชาวมอญร่วมงานประเพณีต่าง ๆ ของชาวมอญ แต่ข้อมูลที่ได้ยังไม่ครบ เพราะต้องศึกษาประเพณีในรอบปี 

      จะด้วยเหตุบังเอิญหรืออะไรก็สุดคิด เพราะเมื่อถึงวันออกพรรษา ชาวมอญตำบลสลุยบอกว่า พวกเขาจะต้องเดินทางไปร่วมประเพณีออกพรรษากับญาติพี่น้องที่ ตำบลบ้านม่วง  อำเภอบ้านโป่ง  ราฃบุรี ฉันจึงได้เดินทางล่วงหน้าไปรออยู่ก่อน  โดยไปตั้งหลักที่ มหาวิทยาลัยศิลปากรอีกตามเคย เพราะระยะทางไม่ไกลกันมากนัก  และฉันเองก็ได้สืบค้นข้อมูลได้สะดวก

 ตำบลบ้านม่วงมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดม่วง มีวัดประจำหมู่บ้านขาวมอญคือ วัดม่วง  ขาวมอญเรียกว่า "เพลียเกริก"

ฉันยังได้ร่วมถ่ายรูปกับสาวชาวมอญ  ได้ฟังพระชาวมอญสวดมนต์ได้ร่วมพิธีค้ำโพธิ์  และอื่น ๆ อีกมาก ยังประทับใจมิรู้ลืม  เห็นมั้ยว่า  "สะตอ เมืองสองทะเล"อย่างฉันผูกพันกับจังหวัดนครปฐมแค่ไหน และที่ยังผูกพันอยู่ในใจไม่รู้ลืม ก็คือหนุ่มนครปฐมเจ้าของจดหมาย ๗๔ ฉบับคนนั้น  ซึ่งปัจจุบันฉันก็ยังคงติดตามข่าวคราวของเขาเสมอ  ด้วยการคลิ๊กที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ได้เห็นทั้งภาพและได้ฟังทั้งเสียง  เพราะเขามีข่าวทางเว็ปไซด์บ่อยมาก  ล้วนเป็นข่าวที่น่าชื่นชมแสดงถึง อุดมการณ์อันแรงกล้าเกี่ยวกับ พุทธศาสนา  เกี่ยวกับคลื่นชุมชน  เป็นผู้มีความสามารถด้านบทกวีมาก สงสัยเพราะมีวันเกิดใกล้กับวันสุนทรภู่รำลึก  และเป็นนักการเมืองที่ดีที่หายากมากในสังคมปัจจุบัน   แม้เขาจะไม่เคยมีฉันอยู่ในหัวใจ แต่สำหรับฉันเขาคือสิ่งดีงามในความคิดคือสุภาพบุรุษที่สถิตกลางใจ อย่างใสสะอาด อยากให้เขารับรู้เหลือเกินว่า (แต่คงเป็นไปไม่ได้) ฉันแอบเป็นกำลังใจให้เขาอยู่ไกล ๆ โดยมิเคยหวังสิ่งใดตอบแทน  และมีความสุขใจเสมอที่คิดถึงเขา ได้ติตตามข่าวคราวของเขาทุกวัน  สำหรับเขามันจบแล้วตั้งแต่จดหมายฉบับที่ ๗๔ เมื่อ ๒๔ ปีที่แล้ว  แต่สำหรับฉัน จดหมายฉบับที่ ๗๕ เป็นต้นไป  ฉันยังคงเขียนถึงเขาอยู่เสมอแม้จะไม่เคยส่งถึงเขา  แต่มันคือวิธีเดียวที่ทำให้ฉันมีความสุข รวมทั้งได้ระบายความทุกข์  ความลำบากยากเข็ญ ที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเดียวดายอยู่ในเมืองหลวง ถ้ามีเวลาฉันจะทยอยบันทึกไว้ในอนุทิน  แต่คงจะเป็นความลับที่อยู่ในใจ....และคงจะปล่อยให้มันตายไปพร้อมกับเจ้าของอนุทินก็แล้วกัน 

 

Dsc04524

                          เธอคือ...หยาดเพชร บนใบหญ้า  ..............        

                           พาความชื่น-ฉ่ำเข้า มาพราวพร่าง 

                           แต่ก็เปราะ บางเบา และบอบบาง

                           เธอพาร่าง สลาย กลางสายลม

          เพชรพราวพริ้ง  กลิ้งลา  ดอกหญ้าสะอื้น

          น้ำตาชื้น กลืนโศก วิโยคขม

         แดดยามสาย ร่ายรำ เคยฉ่ำพรม

         กลับโศกตรม แดดแผดเผา เจ้าโศกซ้ำ

                                  หยาดเพชรเอ๋ย เจ้าระเหย  ไปสู่ฟ้า

                                 หยาดเพชรจ๋า ดอกหญ้า ฝากรักร่ำ

                                 ขอขับกล่อม ย้อมใจ เป็นลำนำ

                                หยาดเพชรจ๋า จงฟังคำ จากเมืองโน้น

        ว่าดอกหญ้า ยังคง อยู่ทางนี้

        ไกวชิงช้า ความดี ที่เคยโหน

        เก็บสายหมอก จากหยาดเพชร ที่อ่อนโยน

        ประคองตน ด้วยรัก และผูกพัน

                                หยาดเพชรจ๋า ถ้าหาก เป็นไปได้

                                อยากจะไกว ชิงช้า ถึงเมืองนั้น

                               แต่ก็เกรง กลัวว่า จะจาบัลย์

                               ดอกหญ้านั้น ไปลับ ไม่กลับคืน

       เธอหยาดเพชร กับฉัน นั้นดอกหญ้า

       เธอเข้ามา เพียงเวลา หลับแล้วตื่น

       คือน้ำค้าง พร่างพรม เพียงค่ำคืน

       แดดลมรื้น ยามสาย ก็หายไป

                               ในโลกนี้ ยังมี.... ตั๊กแตน

                              อีกหมื่นแสน เข้ามา สั่นหญ้าไหว

                              แต่ไม่นาน สิ่งนั้น ก็ผ่านไป

                              แต่หยาดเพชร ในใจ ยังรื่นริน

      ยังแหงนมอง หยาดเพชร เกล็ดน้ำแก้ว

      ถึงแม้จาก พรากแล้ว ยังถวิล

     ส่งคำรัก ฝากแฝงเงา เป็นอาจิณ

     หยาดเพชรสิ้น  แต่ดอกหญ้า ยังอาวรณ์  

                         ครูเมืองสองทะเล

                      ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๐ 

 

หมายเลขบันทึก: 226755เขียนเมื่อ 2 ธันวาคม 2008 06:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ชื่อเพราะจังค่ะ...

 ขอเป็นหนึ่ง กำลังใจ สู่ปลายฝัน

แวะมาทักทายค่ะ

มีกำลังใจดีๆเสมอๆนะคะ

แม้บางที..เหนื่อยล้ามากมายกับชีวิต..แต่ยังไงชีวิตก็ต้องก้าวเดินต่อไป

ยิ้มสู้กับทุกๆสิ่งนะคะ  :)

  • หุหุ
  • มาแว้วครับ กลับมาทักทายกันแล้ว
  • ผ่านร้อนผ่านหนาว      ผ่านเรื่องราวเจ็บร้าวจากใหน ใหน
  • ถึงได้รู้ส่วนแข็งแรงที่สุดของร่างกาย     คือหัวใจดวงใหญ่เท่ากํามือ
  • คิดถึงนะครับ พี่ครูตาล

 

สวัสดีตอนเช้าครับ แวะมาฟังเพลงเพราะ ๆ ก่อนทำงาน   ... ดีเจ จัดเพลงเพราะ ... ขอให้มีความสุขเช่นกันครับ...

สวัสดีตอนเช้านะคะพี่ครูตาล

ก่อนไปทำงานแวะมาทักทายพี่สาวเราหน่อย

สบายดีนะคะ

พระจันทร์ที่บ้านยิ้มสวยไหมคะพี่ครูตาล

  • สวัสดียามเช้าครับอาจารย์
  • มารับกำลังใจ
  • เพื่อทำงานในวันนี้
  • ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ
  • และขอให้อาจารย์ได้รับสิ่งดีๆ
  • เช่นเดียวกันนะครับ

หนึ่งกำลังใจ...ในทุกยามที่ข้ามฝัน

หนึ่งกำลังใจ...ในทุกวันขันอาสา

หนึ่งกำลังใจ...ในชีวิตตลอดมา

หนึ่งกำลังใจ...จากปลายฟ้าชะโลมใจ

ให้เธอเป็น...ประกายที่ปลายฟ้า

ให้เธอเป็น...ดวงตาฟ้าสดใส

ให้เธอเป็น...กำลังร่วมสร้างไทย

ให้เธอเป็น...หนึ่งแรงใจได้ร่วมเดิน

สู่ปลายฝัน...วันพรุ่งนี้ที่สดใส

สู่ปลายฝัน...ก้าวไปไม่ห่างเหิน

สู่ปลายฝัน...ก้าวไกลได้จำเริญ

สู่ปลายฝัน...สรรเสริญเจริญธรรม

เพลงเพราะดี..มีความหมาย..ขอบคุณมากในการสร้างสรรค์

แต่ฟังเพลงเพื่อความเพลิดเพลิน  เพื่อการพักผ่อนนะ

...อย่าเอาเพลงเป็นเพื่อน

...จะทำให้เราตกอยู่ในภวังค์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท