มีอยู่วันหนึ่ง ฉันเห็นภาพสาวน้อยและพ่อคุยกันอยู่ พ่อกำลังบอกเธอให้รู้ว่า มีชาวต่างชาติติดต่อให้พ่อไปทำงานไกลบ้าน ไกลถึงบราซิลโน่นแน่ะค่ะ เรื่องราวที่คุยกันในเวลานั้นทำให้สาวน้อยฝัน ฝันว่าพ่ออพยพครอบครัวไปอยู่ด้วยกันในต่างประเทศ แล้วภาพฝันนั้นพลันจางหายไป พร้อมกับเสียงพ่อที่ดังขึ้นว่า พ่อไม่ไปหรอกลูก เขาให้พ่อไปแค่คนเดียว ถ้าพ่อไปแล้วแม่กับลูกจะอยู่กันอย่างไรไม่รู้ พ่อปฏิเสธเขาไปแล้วลูก
ระหว่างที่เธอเรียนต่อมัธยมต้นที่โรงเรียนเดิมอยู่นั้น มีเพื่อนๆหลายคนโยกย้ายเปลี่ยนไปเรียนที่อื่น คนที่รวยเขาย้ายมาเข้าเรียนในกรุงเทพฯ คนเรียนต่อที่เดิมได้ก็เรียนต่อไป มีคนที่ต้องย้ายไปโรงเรียนต่างจังหวัดไม่กี่คน
เพื่อนสนิทคนที่พ่อเป็นหมอเขาย้ายไปเรียนกรุงเทพฯที่โรงเรียนดังแห่งหนึ่งเป็นนักเรียนอยู่ประจำ เสาร์-อาทิตย์จึงออกมาได้ ปิดเทอมใหญ่เขาได้กลับมาเยี่ยมบ้านปีละครั้งทำให้สาวน้อยยังได้พบเขาอยู่ เพื่อนคนนี้ให้ความรู้สาวน้อยว่าเครื่องบินนะเขาให้เด็กนั่งได้ด้วยนะ และถ้าเด็กเดินทางคนเดียวก็ได้ด้วย พนักงานเครื่องบินเขาคอยดูแลอยู่
ความจริงสาวน้อยบอกว่าในตอนนั้นเธอนึกอิจฉาความร่ำรวยของครอบครัวเพื่อนอยู่บ้าง แต่อิจฉาในระดับไม่มากนัก จึงไม่จูงใจให้เธอทะเยอทะยานอยาก อยากเป็นอยากมีเหมือนเขา ไม่มีปมให้รู้สึกแย่ๆว่าครอบครัวตัวเองด้อยค่าหรือยากจน แต่ในใจนั้นหมายมาด ถ้ามีโอกาสมีเงิน เธอจะหาโอกาสนั่งเครื่องบินให้ได้
เพื่อนคนนี้ทำให้เธอได้รู้ว่าโรงเรียนประจำเขาสร้างวินัยให้นักเรียนกันด้วยวิธีกำหนดกฎเกณฑ์ให้เด็กทำตาม เธอได้เห็นตารางแล้วรู้สึกทึ่งแล้วอยากลองดู อืม! คิดแล้วไม่รอ เธอจดเอาตารางที่โรงเรียนของเพื่อนให้เพื่อนมา มาลองทำทันทีไม่รอช้า ทำไปทำมาเธอก็พบว่าทำไม่ได้แฮะ
ระหว่างที่เธอเล่าเรียนในโรงเรียนราษฎร์แห่งที่สอง มีเรื่องใหม่ที่เธอได้สัมผัส คือการเรียนวิชาใหม่ๆที่โรงเรียนเดิมไม่ได้สอน อย่างเช่นวิชาหน้าที่พลเมือง ศีลธรรม กฎหมายครอบครัว เธอจำได้จนวันนี้ว่ามีข้อสอบหน้าที่พลเมืองข้อหนึ่งถามว่า “ใครคือครูคนแรกในชีวิต” เธอจำได้เธอตอบว่า“พ่อแม่” ซึ่งจนบัดนี้เธอยังไม่รู้ว่าคำเฉลยของครูตรงกับคำตอบของเธอหรือไร ในวิชาหน้าที่พลเมืองนี้เขาสอนด้วยว่า คนไทยทุกคนมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเมื่ออายุครบยี่สิบปี
วิชากฎหมายครอบครัวเขาสอนเรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่ การมีคู่และสินสมรส เธอแปลกใจนะที่ครูเอาเรื่องกฎหมายเหล่านี้มาสอนให้รู้ วิชาศีลธรรมนั้นมีเรื่องของประวัติพระพุทธเจ้า ทิศหกเป็นต้นที่ครูมาเล่าให้ฟัง การสอนวิชาเหล่านี้ครูให้อ่านและเขียนตามคำบอกไม่มีหนังสือให้อ่าน บรรดาครูสมัยนั้นทำงานในเรื่องเดียวกับที่เด็กต้องทำ ครูเรียนก่อนให้เด็กเรียนหรือไม่นั้น สาวน้อยบอกว่าเธอไม่รู้แต่เธอรู้สึกดีๆกับครูเมื่อเธอเห็นตำราครูที่เอามาสอนเป็นลายมือครูในสมุดเล็กๆแบบนักเรียน
ทุกเช้านักเรียนทั้งหมดมายืนรวมกันใต้อาคารเรียน ร่วมสวดมนตร์ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพระบุตรและพระจิต เธอรู้จักพระเยซูคริสต์ผ่านกิจกรรมวันที่ยี่สิบห้าธันวาคมของทุกปี เรื่องราวที่ได้ยินมันถูกใจเด็กๆทั้งนั้น เรื่องที่เล่าวนเวียนอยู่ในรูปตำนานที่ไม่น่าเบื่อ เวลาฟังเรื่องราวเหล่านี้ใจของเด็กมีจินตนาการเพริดดี ฟังดูแล้วรู้สึกดีรู้สึกสนุกกับการได้ฟัง ฟังแล้วฟังเล่าเธอจึงไม่เบื่อนั่งฟังได้นาน
ส่วนเรื่องของพุทธศาสนา เธอเรียนรู้ผ่านการไปวัด สถานที่ที่เธอชอบเวลาผู้ใหญ่ทิ้งเธอไว้เมื่อไปวัดคือศาลาวัดที่มีรูปวาดให้อ่านให้เงยดูได้ ตำนานมี-ไม่มีให้อ่านไม่ใช่เรื่องที่เธอเกี่ยงอะไร ถ้าศาลาวัดมีรูปภาพอยู่เธอก็อยู่ได้สนุกสนานอยู่ได้อยู่นานไม่เบื่อเลย นึกแล้วไม่น่าเชื่อว่าซนปานนั้นอยู่ได้อยู่ดี บุญคงมีอยู่จึงดลบันดาลให้ใจสาวน้อยถือเอาวัดที่สงบเป็นที่ชอบๆ เวลาที่ผู้ใหญ่พาไปวัด เธอเต็มใจขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ไปทันทีไม่มีใจอิดเอื้อนเลย ไม่เคยรู้สึกว่าเบื่อไม่เคยขัดข้องให้ผู้ใหญ่ข้องใจ
แถวบ้านมีวัดแห่งหนึ่งเดินไปถึงได้ก็จริงแต่มันก็ดูไกลโขอยู่ในตอนนั้น ส่วนใหญ่แม่พาเธอไปวัดมากกว่าพ่อค่ะ แม่มักพาเธอไปนมัสการสมภารเจ้าวัดบ่อยๆ ได้พบสมภารทีไรได้จิบชาพร้อมคุยสุขใจ ตอนนั้นเธอไม่รู้ผู้หญิงนะแตะพระเณรไม่ได้ สงสัยมีอยู่ในใจแต่ไม่เอ๊ะเลยจึงไม่เคยถาม โตขึ้นมันถึงรู้ว่าทำไม่ได้ รู้จากการเห็นผู้ใหญ่ไม่ทำให้เห็น เคร่งครัดไม่ทำแม้อยู่ลำพัง
บทเรียนจากชีวิตจริง
เมื่อได้ยินเรื่องราวของพ่อหรือแม่ เด็กมีความฝันเกี่ยวกับครอบครัวเกิดขึ้นพร้อมไปด้วย
เด็กที่มีความอิ่มเต็มในอารมณ์นั้นมีความมั่นคงในใจมากเพียงพอที่จะเผชิญกับความหวั่นไหวต่อการยอมรับความด้อย ความเด่นของสิ่งที่สังคมให้ค่าที่อยู่ในวิถีแห่งตนได้อย่างเข้มแข็ง
เด็กทุกคนมีความใฝ่ดีอยู่เป็นธรรมชาติของตัว และเขามีเรื่องดีๆที่อยากเรียนอยู่ในใจเสมอ
เด็กไม่เข้าใจหรอกว่า เหตุใดเขาจึงควรเรียนเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผู้ใหญ่ต่างหากคือคนที่กะเกณฑ์ว่าเขาควรเรียนมัน
ความอิสระซึ่งเป็นธรรมชาติตามวัย ทำให้เด็กทำเรื่องที่มีกรอบไม่สำเร็จ แม้ว่าเขามีความอยากทำและเต็มใจทำมัน
เด็กเรียน รู้ และจำ สิ่งที่ผู้ใหญ่ทำให้เห็นเสมอ จำนานอย่างที่ผู้ใหญ่คาดไม่ถึงด้วยซิ
การใช้ตาดู หูฟัง การได้สัมผัสกับเรื่องราวจริงๆ การเรียนผ่านเรื่องเล่า การเรียนที่มีโอกาสใช้จินตนาการโดยอิสระ เป็นวิธีเรียนที่เด็กใช้อยู่เสมอเวลาเรียน
Keywords :
พ่อแม่คือครูคู่แรกของเด็ก
ผู้ใหญ่ควรเข้าใจว่า สิ่งที่เด็กเขาอยากลองทำดู คือ สิ่งที่เด็กอยากเรียน
พ่อแม่คือ ครูคนแรกของเด็กๆ
ครอบครัว..คือ จุดเริ่มต้นของชีวิต ของความดีงาม
สร้างความรัก ความเข้าใจในครอบครัว
ครอบครัวอบอุ่น..จะเผื่อแผ่ ทำให้สังคมอบอุ่น ร่มเย็น
ขอบคุณค่ะ
แวะมาทักทายค่ะ
ด้วยความเคารพค่ะ
ที่นี่หนาวๆๆๆๆค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
เด็กเรียน รู้ และจำ สิ่งที่ผู้ใหญ่ทำให้เห็นเสมอ จำนานอย่างที่ผู้ใหญ่คาดไม่ถึง
จริง ๆ ด้วยค่ะหมอเจ๊
แวะมาอ่านสาระดี ๆ จากคุณหมอค่ะ
สวัสดีครับป้าหมอเจ๊
มาเยี่ยมป้าครับ สบายดีนะครับ
บทเรียนจากชีวิจจริงๆ นั้นทำให้เราได้เข้าใจถ่องแท้กว่าการได้รู้-ได้อ่านตามตำรา
ทำไมต้อมคิดถึงพ่อก็ไม่รู้สิคะ หลังจากที่อ่านบันทึกนี้จบลง..
ขอบคุณค่ะ ^^ และเสียดายที่ไม่ได้ไปตะลอนปายด้วยกันนะคะ..
สวัสดีครับ หมอ
พี่ตาจ๋า
น้ามารออ่านรวดเดียวนะคะ
กำลังคร๊อกฟี๊รอ
อิอิอิ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ....ป้าหมอเจ๊
จำข้าวฟ่างได้มั้ยคะ...อิอิ
ข้าวฟ่างอ่านแล้ว..วึ้งเลยค่ะ
ทำให้ข้าวฟ่างคิดว่า
ชีวิตของเรายังอีกยางไกล
ไม่ใช่อนาคตอันใกล้นี้เท่านั้น
ขอบคุณป้าหมอเจ๊มากๆค่ะ
ที่มาให้คติสอนใจ
สวัสดีค่ะพี่หมอ
- แวะมาทักทายค่ะ
- พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก
สวัสดีค่ะ พี่หมอเจ๊
มื้อเที่ยงนี้กินอะไรค่ะ ใยมดอยากกินส้มตำค่ะ
อิอิ คิดถึงค่ะ โชคดีมีความสุขน่ะค่ะ
สวัสดีค่ะ
..เด็กต้องการ หรือรู้ได้อย่างไรว่าเด็กมีความสุขจริง ๆ
.......................................
ขอบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
จิตวิทยาที่ร่ำเรียนมา เลือนหายไปกับตำราเป็นส่วนมากค่ะ
มาหลงลืมเอาเป็นเอาตายกับการสอนวิชาเอก ของแต่ละคน
ต้องกลับไปรื้อฟื้น โดยการกระทำและปฏิบัติจริง โดยด่วนค่ะ