เมื่อหมอเรียกผมว่า CA Upper Rectum ตอนที่2


เทคนิคทำอย่างไรให้ทานอาหารได้ ต้องนึกว่าเรากินเพื่ออยู่ หากรับข้าวสวยไม่ได้ผมแนะนำให้ทานข้าวต้มเครื่อง ผมใช้วิธีก้มลงสามครั้งหมดถ้วย ทุกครั้งที่ก้มทานให้กลั้นลมหายใจไว้เพื่อจะได้ไม่ต้องรับรู้รสชาดและกลิ่นของอาหาร

ตอนที่ 2 การักษาตามอาการ               

หลังจากที่ตัดสินใจว่า ถึงเวลาแล้วที่จะเยียวยาตนเองเสียที  ผมเข้าพบแพทย์ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ขอสงวนนามของแพทย์ที่ตรวจรักษาครับ ทำการตรวจหาสาเหตุของอาการผิดปกติของร่างกายอยู่สองสัปดาห์ครับเริ่มตั้งแต่ เอ็กซเรย์  ฉีดแป้ง( ปกติหากเป็นระบบย่อยอาหารส่วนบน จากกระเพาะขึ้นไปแพทย์จะให้กลืนแป้ง  ถ้าเป็นส่วนล่างจากกระเพาะลงมาจะใช้วิธีฉีดแป้งเข้าทางทวารหนัก ที่เรียกว่า Barium  Enema  ,BE) และส่องด้วยกล้อง colonoscope  โดยเฉพาะการส่องกล้องนี่แหละทำให้ผมทราบว่าอาการที่ผมเป็นตามที่กล่าวมาว่ามาจากสาเหตุอะไร แต่ก่อนที่จะทำการตรวจส่องด้วยกล้องต้องทำความสะอาดลำไส้หรือเตรียมลำไส้เสียก่อนโดยขับถ่ายออกให้ลำไส้สะอาดที่สุดขั้นตอนนี้เหนื่อยเอาการเลยทีเดียว  เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ดำเนินการส่องกล้องตามนัด  คุณหมอกรุณาให้ผมดู monitor ขณะที่นำกล้องเข้าส่องในลำไส้ด้วยและท่านอธิบายให้ฟังไปพร้อม ทำให้มีโอกาสเห็นลำไส้ของตนเองจนมาพบ ก้อนเนื้อที่งอกขึ้นขวางลำไส้ที่รู้จักกันดีในนาม “เนื้องอก” และคุณหมอก็สำรวจจนคิดว่าสุดลำไส้ใหญ่ จึงบอกว่าเป็นจุดเดียว กะคร่าวน่าจะห่างจากทวารหนักประมาณ 6-7 ซม. ดูจากภายนอก คุณหมอบอกว่าน่าจะเป็น “เนื้อร้าย” ครั้งแรกเมื่อได้ยินผมตกใจมากแต่คุณหมอบอกว่าไม่แน่อาจไม่ใช่ก็ได้  แต่เพื่อความแน่ใจต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจสอบที่ห้องแล็บ คุณหมอบอกว่าต้องผ่าตัดจึงจะหาย  หลังจากทราบอาการผมได้ปรึกษากับทางครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน หลายท่านบอกว่าควรไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์  จังหวัดขอนแก่น  เพราะที่นั่นมีอุปกรณ์ที่มีความพร้อม  ผมจึงขออนุญาตคุณหมอให้ออกใบ ส่งตัวไปที่ขอนแก่นให้  คุณหมอก็อำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี  ขอขอบคุณจริงๆครับ

                ผมเริ่มต้นตรวจรักษาตามอาการและขั้นตอนของแพทย์ที่ รพ.ศรีนครินทร์ ตั้งแต่ อัลตร้าซาวด์ เอ็กซเรย์  ฉีดแป้ง  ตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ โดยเข้าพักรักษาเพื่อเตรียมลำไส้  เป็นระยะเวลานานถึง 1 เดือน  และที่นี่เองทำให้ผมทราบอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับ “มะเร็ง” ซี่งมีผู้ป่วยจากทุกสารทิศแทบทุกจังหวัดในภาคอีสานเข้ามารักษาตัวที่นี้ ต้องขอขอบคุณทีมงานพี่ๆพยาบาลจาก ตึก 5วอร์ต 3 และเจ้าหน้าที่ทุกๆคนที่ให้ความสะดวกแนะนำความรู้การปฏิบัติตัวเป็นอย่างดี ขอบคุณจริงๆครับ  และได้มีโอกาสได้พบกับผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันหลายต่อหลายคน หลายรูปแบบ  หลายอาการ  แต่ทุกๆคนที่มารักษาตัวมาด้วยใจจริงๆครับ

  

ักษณะและตำแหน่งมะเร็งลำใส้ใหญ่

                อ้อลืมบอกไป อาการเริ่มแรกที่ผมสังเกตตนเองก่อนเข้าพบแพทย์ คือ เป็นไข้บ่อย  ท้องผูก  ปวดท้องเบ่ง  มีลมพิษขึ้นบ่อยๆ อุจจาระมีมูกเลือดผสม และออกมาลักษณะแบบมูลแพะ ทั้งที่สุขภาพโดยรวมถ้าดูจากภายนอกไม่รู้หรอกว่าป่วย เพื่อนๆไม่เชื่อว่าผมต้องพบแพทย์

                ทีมแพทย์ รพ.ศรีนครินทร์ลงความเห็นว่าผมเป็น  มะเร็งลำไส้  คุณหมอเรียกเคสผมว่า

 CA UPPER RECTUM   ca น่าจะมาจากศัพท์คำว่า cancer ที่แปลว่ามะเร็ง  ผมก็ได้แต่ทำใจว่า ทำไงได้เมื่อเป็นแล้วเราต้องต่อสู้กับเจ้าโรคนี้ให้ได้นานที่สุด  โดยบอกกับตัวเองว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของเราแล้ว ก็พยายามศึกษาว่าพฤติกรรมแบบใดที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค โดยเข้าศึกษาในเว็ปไซต์ต่างๆ จนผมได้รับการผ่าตัดเอาเจ้าก้อนเนื้อร้ายออกโดยฝีมือจากสุดยอดอาจารย์ด้านศัลยกรรมอาจารย์และทีมงานของท่านท่านเก่งจริงๆครับ (ผมไม่ขอเอ่ยนามท่านเพราะยังไม่ได้ขออนุญาตจากท่านครับ) จากนั้นเข้ารับเคมีบำบัดอีก 6 ครั้ง  โดยเฉพาะช่วงเข้าเคมีบำบัด   มีบทเรียนที่ต้องจดจำไปตราบนานเท่านาน เรื่องแพ้ยาที่ให้ หลายคนผมร่วงชนิดเกลี้ยงเลย  แต่ห่างประมาณ 2 เดือนผมก็งอกดกดำอีกเหมือนเดิม   แพ้อาหารนี่ซิแทบทุกคน แค่เห็นเจ้าหน้าที่เข็นอาหารมาบริการแค่นั้นแหละ ก็อาเจียนแล้ว  บางคนน้ำหนักลดตั้งแต่วันมารายงานตัว  เทคนิคทำอย่างไรให้ทานอาหารได้ ต้องนึกว่าเรากินเพื่ออยู่ หากรับข้าวสวยไม่ได้ผมแนะนำให้ทานข้าวต้มเครื่อง  ผมใช้วิธีก้มลงสามครั้งหมดถ้วย  ทุกครั้งที่ก้มทานให้กลั้นลมหายใจไว้เพื่อจะได้ไม่ต้องรับรู้รสชาดและกลิ่นของอาหาร แต่บางท่านไม่แพ้อาหารก็มีเยอะนะครับ  การเข้าเคมีบำบัดสำหรับผู้ป่วยมะเร็งแล้ว ถือว่าเป็นวิธารรักษาที่ป่วยหวังว่าจะช่วยยืดอายุให้ได้นานอีก หากได้รับการผ่าตัดก็จะช่วยให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น  ช่วยกวาดล้างเซลเนื้อร้ายที่ตกค้างในร่างกายให้ออกไปมากที่สุด ผมเข้ารับการบำบัดจนครบ 6 ครั้งๆละ 5 วัน   จากนั้นเข้าพบแพทย์ทุก  3  เดือน ประมาณ 2 ปี และขณะนี้คุณหมอนัดติดตามผลทุกๆ 6 เดือนครับ โดยแต่ละครั้งจะตรวจเลือด เพื่อดูค่า carcinoembryonic  antigen : CEA  หรือค่าบ่งชี้การเป็นมะเร็งลำไส้ ท่านใดสงใสตัวเองเป็นอาการดังที่ผมกล่าวมาท่านสามารถให้แพทย์เจาะเลือดตรวจหาค่า CEA ได้ ค่า คนปกติ อยู่ที่ประมาณ 0 – 2.5 ng/ml สำหรับค่าของผมตอนนี้อยู่ที่ 3.81 แต่ผมก็ไม่ซีเรียสหรอกครับ แพทย์บอกว่าทรงตัวและปกติ  ผมคิดว่าหากร่างกายท่านผิดปกติไปพบแพทย์เพื่อจรวจรักษาหรือขอคำแนะนำเถอะครับ ตัวผมเองจะถามทุกเรื่องที่คาใจเพื่อให้รู้และปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง หลายคนบอกว่าไม่กล้าไปเพราะกลัวแพทย์ทักบอกว่าเป็นโรคร้าย ใจไม่แข็งพอ  กลัวจะทรุดนัก  ผมว่าหากเรารู้ตัวแต่เนิ่นๆสามารถรักษาตัวได้ครับ ยืดระยะเวลาของเราได้  และสามารถมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขเหมือนคนปกติทั่วไปได้  ที่จริงแล้วมะเร็งมีตั้ง 4 ระยะ  แต่คนรู้จักมะเร็งระยะสุดท้ายเสียส่วนใหญ่จึงกลัวกันมากว่าเป็นมะเร็งแล้วจะตายในเร็ววัน หากเป็นระยะแรกๆมีโอกาสหายครับลองปฏิบัติตัวตามแพทย์แนะนำ  โดยเฉพาะกำลังใจ ต้องไม่ท้อครับ ให้กำลังใจกันมากๆ โดยเฉพาะครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต้องเข้าใจผู้ป่วยให้มากๆ คิดเชิงบวกมากๆเข้าไว้ครับมองโลกในแง่ดีๆและจะไม่ซีเรียสครับ    ผมคนหนึ่งล่ะครับที่จะให้กำลังใจกับทุกๆคนให้ต่อสู้กับโรคร้ายนี้  ทั้งที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานเท่าใด   แต่ผมดีใจหากบทความที่ผมเขียนขึ้นมานี้เป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านหรือผู้ที่ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับผม  ตอนนี้ค่อนข้างยาวไปนิดครับแต่ตั้งใจเขียนให้ได้รายละเอียดเยอะที่สุด  ตอนต่อไปจะเล่าวิธีปฏิบัติตัวเพื่อจะนำมาแลกเปลี่ยนกับทุกท่านอีก  อย่าลืมให้กำลังใจกับคนที่ท่านรักให้มากๆครับ แล้วเจอกันตอนต่อไปครับ

หมายเลขบันทึก: 226179เขียนเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2008 09:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • สวัสดีครับ
  • ตามมาอ่านตอนที่ 2
  • ขอบคุณมากครับ

P

  • ขอบคุณที่แวะมาครับ
  • ยังอีกตอนนะพี่

ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

เป็นกำลังใจให้ครับผม

ขอให้กลับมาแข็งแรงโดยเร็วครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท