เหนื่อยนะ...


 

ชีวิตที่ต้องเดินทวนกระแสของกิเลส “เหนื่อยนะ” เหนื่อยจริง ๆ ...

คนเราที่รู้สึกสบาย ก็เพราะรู้สึกว่ามี “อิสระ” อิสระที่สามารถทำตามกิเลสที่มันเรียกร้อง ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นสิ่งไม่ดี ทำแล้วไม่ดี แต่ความสุขแบบเผิน ๆ ที่ฉาบทาไว้นั้นก็สามารถทุเลาะความอึดอัดคับข้องในได้บ้าง

ชีวิตที่ต้องอยู่ในกฏ ในระเบียบ ในข้อบังคับ จึงเป็นชีวิตที่ไม่มีใครอยากอยู่เพราะ “เหนื่อย”

หิวก็ไม่ได้กิน ง่วงก็ไม่ได้นอน อยากทำโน่นก็ไม่ได้ อยากทำดีก็ไม่ได้ เห็นใครขัดลูกหู ลูกตา ขัดอก ขัดใจ ก็ต้องอดทน อดกลั้นไว้ หนีไปไหนก็ไม่ได้ เฮ้อ... “เหนื่อยจริง ๆ”

ช่วงชีวิตที่เบื่อ ๆ เซ็ง ๆ แบบนี้นี่น่ากลัวเหมือนกันนะ
อารมณ์แบบนี้ถ้าไม่คุมไว้ให้ดีจะระเบิดเอาง่าย ๆ (ช่วงนี้ระเบิดบ่อยเหมือนกันนะเรา)

ยิ่งเหนื่อย ๆ เซ็ง ๆ มาเจอคนงี่เง่าเข้าไปอีก ภาวนาแทบไม่ได้ ยั้งสติเกือบไม่อยู่

เบื่อพวกงี่เง่า เอาแต่พูด เอาแต่สอน มีแต่ทฤษฎี มีแต่วิชาการ บอกคนอื่นให้ทำ แต่ตัวเองไม่ได้ทำสักอย่าง

บอกคนอื่นให้สู้ ให้อดทน แต่ตัวเองก็ไม่เห็นสู้ เห็นอดทนเลย อ่านหนังสือ ฟังคนอื่นเขาเล่า แล้วก็ทำมาเป็นพูด เป็นสอนคนอื่นเขา เจอคนพวกนี้แล้ว "เหนื่อยจริง ๆ"

เดี๋ยวนี้คนพูดเก่ง พูดดี มีเยอะ เพราะอ่านหนังสือเยอะ ฟังเยอะ แต่คนปฏิบัติเก่ง ทำดี ทำได้นั้นมีน้อย ล้านคนจะหาได้สักคนก็ลำบาก หายุ่ง หายาก "เหนื่อย..."

ชีวิตตอนนี้ทรมานมาก ทรมานจากความเหนื่อย

เหมือนกับปลาที่เขาถูกเบ็ดยกขึ้นจากน้ำ ทั้งดิ้น ทั้งสะบัดเพื่อให้หลุดจากเบ็ดที่เกี่ยวนั้น
ตอนนี้ก็เหมือนกัน กิเลสกำลังถูกเกี่ยวออกด้วยศีล ตัณหาถูกกระชากออกด้วยข้อวัตร ความขี้เกียจที่ขัดเกลาด้วยข้อปฏิบัติ กิเลสและตัณหาจึงทั้งดิ้น ทั้งสะบัด ให้หลุดออกจากวงจรการขัดเกลาให้เป็น “คนดี...”

เวลาใกล้จะตายนี่เจ้ากิเลสมันมีแรงมีพลังน่าดู
มันกระเสือกกระสน จนเราเอามันแทบไม่ไหว
มันเรียกร้อง มันมีข้อเสนอ มันข้อเจรจา โอดครวญต่าง ๆ นานา เพื่อความอยู่รอดของตัวมันเอง

การต่อสู้กับเจ้ากิเลสและตัณหานี้เหนื่อยจริง ๆ “เหนื่อยที่สุดในโลก” โลกของชีวิตซึ่งเป็นโลกแห่งความจริง

จะมีแรง มีพลังสู้ได้อีกนานมั๊ยน๊อเรา เฮ้อ...
อดทน อดทน อดทน
อดกลั้น อดกลั้น อดกลั้น
เฮ้อ... เหนื่อยนะ เหนื่อยจริง ๆ ...
 

 

คำสำคัญ (Tags): #ขันติบารมี
หมายเลขบันทึก: 225928เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2008 22:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 03:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

มีแต่คนมาบอกว่าให้เราสู้ เราอยู่

อยู่ที่ดีนะ ดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้ แต่ไม่เห็นคนที่พูดจะมาอยู่ซักคน

ชวนมาสักวันก็แสนยาก แสนลำบาก

โทรแล้ว โทรอีก บอกแล้ว บอกอีก

อย่าว่าแต่ชวนมาอยู่เลย แค่ให้มานอนที่นี่สักคืนหนึ่ง ก็ผลัดเป็น "ผัดก๋วยเตี๋ยว" เลย

เฮ้อ... ทำไมน๊อ สังคมนี้จึงมีแต่คนที่ "ดีแต่พูด..."

ถ้าคนที่พูดเก่งนั้น ได้ทำอย่างที่พูดสักครึ่งหนึ่ง สังคมคงจะไม่วุ่นวายขนาดนี้

ถ้าคนที่สอนคนอื่นได้ ได้ทำอย่างที่สอนนั้นสักเสี้ยวหนึ่ง สังคมคงจะสงบสุข

พูดไป บ่นไปก็เท่านั้น

เราคงไปทำอะไรให้ใคร สิ่งใด อะไรต่ออะไรดีขึ้นไม่ได้หรอก

หน้าที่ของเราก็คือทำตัวของเราเอง สู้ของเราเอง

นี่แหละจิต ใครว่าจิตเป็นจิตของเรา

สั่งให้มันไม่เหนือ่ย สั่งให้มันไม่ทุกข์ สั่งให้มันไม่หวั่นไหวก็ไม่ได้

นับภาษาอะไรกับร่างกาย สังให้มันไม่เจ็บ ไม่แก่ ไม่ตายก็ไม่ได้

เอ้า...เหนื่อยก็สู้ไป อย่างมากก็แค่ตายเท่านั้นพอ

กราบนมัสการพระคุณเจ้าค่ะ

-บ่นใช่ไหมคะ

-ชีวิตมันเหนื่อย

-ใจสงบ

-กราบพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆ์เจ้า

แต่ตอนนี้ก็ดีอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครมายุ่งกับเรา

ถ้ามีใครมายุ่ง โดยเฉพาะคนที่ดีแต่พูด มายุ่ง มาวุ่นวาย สงสัยมิวายต้อง "ระเบิด..."

ตอนนี้ก็ได้แต่ประคับ ประคองให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไป

ใช้อุบายต่าง ๆ นานาให้จิตอยู่รอดปลอดภัยจาก "กิเลส" ทั้งหลายที่เข้ามา

แต่ว่าไป เจ้ากิเลสนี้พลังยังไม่เท่ากับเจ้าตัว "ทิฏฐิมานะ"

ยิ่งเจอพวกเจ้าทิฏฐิมานะมาเบ่งใส่แล้ว ยิ่งพาให้ "ระเบิด"

ต้องฝึกเมตตาอีกมากเลยเรา

ต้องใช้ความเมตตาอย่างมหาศาลเพื่อแผ่ให้แก่เจ้าทิฏฐิมานะนี้

เจ้าทิฏฐิมานะของเราก็มากพอ แล้วต้องเจือจานให้กับเจ้าทิฏฐิมานะของคนอื่นอีก ต้องใช้ความเมตตาหลายกระบุงโกย

เอ้า... มีเท่าไหร่ก็ใช้ให้หมด ให้มันตายกันไปข้างหนึ่ง ไม่เราตายเจ้าทิฏฐิมานะนี่มันก็จะตาย ให้มันรู้ไปว่าใครมันจะแน่กว่าใคร...

อื่ม...ลองบ่นดูบ้าง ลองดูซิว่าจิตนี้มันเป็นอย่างไร

บ่นกับไม่บ่น บ่นแล้วจิตมันหาทางออกไปทางไหน ไม่ลองก็ไม่รู้

บ่นเสร็จแล้วก็กลับมาอ่านจิตของตัวเองที่บ่น แล้วศึกษาจิตนั้นว่าจุดอ่อน จุดแข็งมันอยู่ตรงไหน

สมมติสงฆ์อย่างเราที่ยังมีกิเลส มีทิฏฐิมานะอยู่นี้ ยิ่งบวชนาน ๆ "อุปทานมันจะซ้อนอุปทาน" ต้องเช็คตัวเองบ่อย ๆ

ถ้าปล่อยให้เรื้อรัง แล้วจะแก้ไขไม่ทัน

ต้องอ่านตัวเองให้ขาด อ่านจิตของตัวเองให้ออก ต้องเช็คจิตอยู่เสมอ หาอุบายภาวนาต่าง ๆ นานา

ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ต้องเช็ค ต้องแก้...

แต่บ่นมาได้สักพักแล้วก็ถ้าเช็คให้ดีก็ได้คำตอบเยอะเลยนะ

เห็นช่องโหว่ เห็นทางออก

การอ่านตัวเองบางครั้งก็ต้องใช้วิธีนี้แหละเน๊อะ

ต้องใช้ "อุบายภาวนา" หลาย ๆ อย่าง ตามแต่ "จริตแห่งจิต"

ลอง ทดสอบหลาย ๆ ทาง จะได้รู้และสู้ได้...

ท่านพูดถูก

เหนื่อย

เหนือย

เหนื่อย

จริงๆ หากสู้กับกิเลสนี่

จนลองวิธีใหม่ ผูกมิตร ทำความรู้จักกัน ทำความเข้าใจกัน

รู้จักกันมากขึ้น ก็เหมือนผูกสัมพันธ์กัน ไปเอง

พบว่ชีวิตดีขึ้นนะ

พบว่าตัวเองไม่ต้องถึงกับเปิดประตูต้อนรับเขา หรือไล่ตะเพิด หรือรังเกียจเดียดฉัน

แต่พบว่าตัวเองมองกิเลสอย่างเป็นมิตรมากขึ้น

แต่ไม่ช่ายว่าเป็นมิตรแบบ เซเว่นอีเลๆเว่นนะ

ยินดีต้อนรับคะวันหน้าเชิญใหม่นะคะ

อย่างคำพระท่านว่า ไม่เอาด้วยแล้ว กูไม่เอากะมึงด้วยแล้ว กิเลสเอ้ย

แต่จริงๆเขาเป็นมิตร เพราะเขามาให้ฉันได้เรียนรู้ มาให้ฉันได้เข้าใจตนเอง ได้เห็นทุกข์

เมื่อกล้าขอบคุณกิเลส กิเลสก็แค่แวะมาผ่านไป

ไม่มาแบบนั่งแช่ไม่ไปไหนแย้ว

ฉันพบว่าสบายขึ้นนะ

อื่ม ลองไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกระวนกระวายแล้ว

เพราะอย่างท่านว่า

เหนื่อย

เหนื่อย

เหนื่อย จริงๆ

สวัสดี

เข้าใจค่ะที่ทุกท่านได้กล่าวมา

ก็พูดน่ะง่ายกว่าทำ นี่คะ

แม้แต่ตัวเราเองยังควบคุมยากเลย

แล้วเราจะไปหวังอะไรกับคนอื่น

ดิฉันคิดว่าต่างคน ก็ต่างความคิด

ทำอะไรก็ทำไปขอให้ตัวเองสบายใจ

และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน โดยเฉพาะคนดี

เท่านี้ก็ลุยได้เลย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท