ในงานนี้ผมจะขอพูดถึงวิทยากรอีก 2 ท่าน คือ Father Joseph H, Maier และ Susan Dustin Hattan ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Angel of BangKwang หรือนางฟ้าบางขวาง ทั้งสองท่านเป็นวิทยากรสำหรับ Finale Session ในงาน IHPQS 2008 นี้ ในหัวข้อ "Care, Hope and Spiritual: Roles of Health providers, families, and communities"
คุณพ่อโจเซฟ ไมเออร์ ทำงานเพื่อเด็กที่เป็นเอดส์ เด็กยากจน ในประเทศไทยมากว่า 20 ปี ท่านพูดไทยได้คล่อง และเปี่ยมด้วยพลัง ที่เรียกว่า "เหลือเฟือ"
ที่จริง จากความรู้สึกส่วนตัวของผมนั้น สิ่งที่คุณพ่อโจเซฟพูดถึงใน session นี้ คล้ายๆกับว่า เราทุกคนสามารถที่จะ share ความรู้สึกอะไรบางอย่างจากงานที่เราทำ ถ้า...
เราทราบถึง background คนที่เราเข้าไป
เราเข้าใจมิติความเป็นอยู่ ความรู้สึกของเขาจริงๆ
เราเข้าใจความหมายของความทุกข์
เราทราบว่า บางครั้งคนที่ป่วยทางกายนั้น จิตใจก็ไม่ได้ป่วยตาม และสามารถรับรู้อะไรอื่นๆได้
เรามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากที่เราช่วยเด็กเหล่านี้
ส่วนเราจะ "รับรู้ และรู้สึก" ถึงเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรนั้น คุณพ่อไมเออร์ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนฟังแต่ละคน ที่จะไปค้นหา แสวงหา สิ่งที่แฝงอยู่ในงานประจำนี้เอาเอง
Susan Dustin Hattan ทำงานเพื่อเพื่อนมนุษย์มากว่า 20 ปี และอยู่ในเมืองไทยมานานพอๆกัน เธอใช้ชีวิต จนกระทั่งรู้และเข้าใจชีวิตคนจำนวนมาก เด็กที่ถูก abused ข่มขืนโดยพ่อ ญาติ พี่น้อง จำนวนมากที่เธอได้ใช้เวลาในการคลุกคลี ทำความเข้าใจ ช่วยเหลือ และเป็นผู้ร่วมเดินทางในวิถีทางใหม่
Susan ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เรียงร้อยเรื่องราว และกล่าวถึงสิ่งเดียวที่ผลักดันให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น
นั่นคือ "ความรัก" เป็นรักแบบ Unconditional Love หรือรักที่แท้ ปราศจากเงื่อนไข
และเราสามารถจะ "เริ่ม" ได้เลย เริ่มจากรักตนเอง รักครอบครัว รักคนรอบข้าง รักทุกคน
แล้วเรา บางที อาจจะเปลี่ยนโลกใบนี้ได้
สวัสดีครับ
อาจารย์ Handy ครับ
ที่ Susan พูดนั้น ที่จริงการเริ่มต้นจาก "รักตนเอง" ไม่ได้น่ากลัวมาก แต่ต้องผ่านการใคร่ครวญไตร่ตรอง และเข้าใจในอิทัปปัจจยตา หรือ "เหตุปัจจัย" ด้วย
มองเห็นความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงว่า เราสุข คนอื่นทุกข์นั้น เราจะสุขไปไม่ได้ เราทุกข์ ก็ไปดูแลคนอื่นไม่ได้
ถ้ามองเห็นและเข้าใจความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงนี้ การดูแลตนเอง ทั้งกาย จิต สังคม จะเป็นต้นทุนที่สำคัญในการรักคนอื่นด้วย มันเกี่ยวข้องกันไปหมดเลย
ต่ออีกนิดครับ ..
สวัสดีค่ะ อาจารย์ พอลล่าโชคดีจังค่ะ ได้รู้จักและเรียนรู้ กับคุณซูซาน มากมายค่ะ ที่พรพ. เธอทำหลายอย่างมากๆ ทำดเวยใจ ขอให้มาทำอะไร เธอทำทุกเรื่องค่ะ ตั้งแต่คุณครูสอนภาษา เป็นวิทยากร ไปเยี่ยมรพ.กับเราก็ไปค่ะ ชวนเราทำกิจกรรมมากมายค่ะ ชื่นชมน้ำใจเธอจริงๆค่ะ
คร้บ เดี๋ยวนี้เวลาสื่อสาร เรา "ควร" ใช้เวลามากขึ้นอีกสักนิด
เพราะ in Trend ในขณะนี้ก็เป็นไม่ "ฟันธง" ก็ "confirm" ไปหมด อะไรๆพี่ก็จะฟัน จะเฟิร์ม กันไปหมด ไม่เหลือช่องว่างให้ใคร่ครวญ ให้ตกผลึกอะไรเลย อ่าน webboard ในแต่ละวง ตอนนี้มีความทุกข์เต็มไปหมด เพราะ barriers เพียบ การสื่อสารมี flow เดียว ที่ยอมรับในแต่ละ web ใครเสนออะไรผิดแผกแตกต่างไปจากกระแสหลัก (ของ web นั้น) แทบจะถูกตะเพิด ถล่ม ออกมาแทบไม่ทัน ไม่มีพื้นที่ grey zone ที่ปลอดภัยเหลือสักเท่าไร
ครับผม ศิลปแห่ง "ความเนียน" น่าจะนำมาปัดฝุ่น มาใช้แทนศิลปแห่งความเร็ว ความรวบรัด ความเร่งด่วน ฯลฯ มากอีกเยอะเลยครับ
คุณพอลลา ครับ
คราวนี้ไม่เห็นเจอในงานเลย
ดีใจด้วยที่ได้ทำงานใกล้ชิดกับ Susan ครับ ผมมีเวลาได้เดินคุยกับ Susan เพียงชั่วขณะ แต่ก็มีความสุขมากแล้ว เธอมีและใช้พลังจากฐานใจได้เหลือเฟือจริงๆ ถ้า พรพ. และ surveyors ทั้งหลาย ดูดซับพลังงาน Susan ด้านนี้ ออกมาเป็นวิธีประเมิน เป็นระบบคุณภาพ น่าจะยังประโยชน์แก่ประเทศ ทั้งฝั่งหมอ ฝั่งคนไข้ ไปพร้อมๆกันเลย