กวีวรรคทอง (๖๕) ดอกไม้
ปลูกไม้ดอก “อุดมการณ์” กลางม่านหมอก
รอผลิดอก วิชาการที่บ้านป่า
เป็นแม่พิมพ์คู่ชาติพัฒนา
คนศรัทธา ดอกไม้เหล่า เยาวชน
จาก ดอกไม้
สัญญา ถิ่นวัฒนากูล
ปี พ.ศ. ๒๕๓๑
บันทึกหลังบทกลอน
การสอนหนังสือเปรียบเสมือนการขายสินค้า
ไม่มีใครขายสินค้าได้หากไม่มีคนซื้อ...
ถึงกระนั้นก็ยังมีครูบางคนที่คิดว่า
พวกเขาประสบผลเป็นอย่างดีในการสอน
โดยไม่สนใจเลยว่า
นักเรียนได้เรียนรู้อะไรไปบ้าง
จอห์น ดิวอี้ จาก How We Think (ค.ศ. ๑๙๓๓)
ดอกไม้ไร้คุณค่าถ้าห่อไว้ ไม่สนใจจนเหี่ยวเฉาเอาไปทิ้ง
มีครูดีไม่ยกย่องบอกความจริง พระบนหิ้งปล่อยฝุ่นจับไม่งามตา
"ลำดวน"เอ๋ยเจ้าจะด่วนไปก่อนแล้ว ทั้ง "เกดแก้ว พิกุล ยี่สุ่น" สี
จะโรยร้างห่างสิ้นกลิ่นมาลี "จำปี" เอ๋ยอีกกี่ปีจะมาพบ
ดอกไม้ไทย ๆ นับวันจะหาดูได้ยากแล้วนะคะ
มาช่วยกันอนุรักษ์ดอกไม่ไทยกันดีกว่า.....
"ตอกตะล่อมกลิ่นบ่หอมแต่อยู่เมิน
ดอกสาวเคิ้นเปิ้นว่าดอกบานไม่รู้โรย
ดอกคำปู้จู้...กลิ่นแรงแต่สีสวย
เปิ้นฮ้องว่าดาวเรือง..เหลืองอร่าม
ดอกสีส้มสดใสงามตา..
เปิ้นฮ้องว่าดอกพวงแสด..แดดสะท้อน"
วันนี้เอามาากด้วยคนนะคะ สามดอกค่ะ
มีบานไม่รู้โรย (ตะล่อม)
ดาวเรือง (คำปู้จู้)
พวงแสด ก็เรียกเหมือนกันจ้า....
มาเยี่ยมยาม...ใช่ค่ะ
ขอบคุณครับ
คุณเทพจุติ คุณครูตาล คุณมะนาวหวาน และคุณจอมใจ
...บันทึก กวีวรรคทองมาตั้งนาน เพิ่งมี กวี "ดอกไม้" นี่แหละ
ที่มีคนเข้ามา เขียนกลอน ด้วย
กานท์กวีขอ เขียนบ้าง
************
ดอกฝน ร่วงหล่น บนใจช้ำ
ดอกเบี้ย ตอกซ้ำ ให้ใจหาย
ดอกเหงื่อ ผุดร่วง ตกราย
ดอกรัก ก็กลับกลาย เป็นสายลม
ด้วยความรักครับ