ผมเขียนบันทึกนี้ด้วยความซื่อบื้อทางการเมือง แต่ก็อยากบันทึกความคิดความรู้สึกของตัวเองไว้ เมื่อได้รับข่าวว่าคุณทักษิณจดทะเบียนหย่าขาดจากคุณหญิงพจมานที่ต่างประเทศ โดยผู้เอาข่าวมาเผยแพร่เป็นพวกพ้องของ ดร. ทักษิณเอง
ผู้เอาข่าวมาเผยแพร่บอกว่าคุณทักษิณกับคุณหญิงพจมานยังรักใคร่กันดี และอยู่กินด้วยกัน แต่หย่ากันทางกฎหมายเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง
คนโง่อย่างผม ตั้งคำถามทันทีว่า บุคคลสาธารณะ หรือคนที่เป็นหลัก เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ควรอาศัยกลไกทางกฎหมาย ดำเนินการที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงเพื่อผลประโยชน์ของตนหรือไม่ ผมบอกตัวเองว่า ถ้าเป็นผม ผมไม่ทำ เพราะเท่ากับอาศัยกฎหมายหลอกลวงสังคม เป็นการอาศัยกฎหมายเพื่อผลประโยชน์จากการหลอกลวง เพราะในความเป็นจริง ทั้งสองคนยังประพฤติเป็นสามีภรรยากันอยู่
ไม่ทราบว่า นี่คือประเด็นทางจริยธรรมสำหรับบุคคลสาธารณะหรือไม่ ผมเอามาตั้งคำถามไว้ต่อสังคม
สำหรับผม เป็นประเด็นที่ผมใช้จัดระดับจริยธรรมของบุคคล ว่าบุคคลผู้นั้นมีระดับของจริยธรรมสูงต่ำเพียงใด
วิจารณ์ พานิช
๑๖ ต.ค. ๕๑
สำหรับคนบางคน กฏหมายอาจจะเป็นเพียง inconvenient techniques เท่านั้นกระมัง ส่วนจริยธรรมก็เป็นเพียงชุดคำพูดชุดหนึ่งที่บางที "จำเป็น" ต้องจำมาพูด
การจดทะเบียนกับการอยู่กินกันเป็นคนละเรื่อง
คนที่อยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรสก็มีมากมาย
การจดทะเบียนต่างหากคือการหวังผลทางกฎหมาย
คู่ที่ไม่หวังผลทางกฎหมายก็ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน
การจดทะเบียนหย่าก็เช่นกัน
ผมไม่เห็นจะเกี่ยวกับจริยธรรมตรงไหน
คุณ"ประชานิยม" ค่อยๆ คิด ไตร่ตรอง ดูให้ดีๆ
ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อน
การหย่าเพื่อหวังผลทางกฎหมายก็มีอยู่มากมาย
การใช้กลไกกฎหมายเพื่อเลี่ยงกฎหมายนั้น ไม่อาจได้รับการเห็นใจหรอกค่ะ ในทางกฎหมาย ก็เป็นเรื่องผิดอยู่แล้วค่ะ
แต่วันนี้ สังคมไทยดูจะเห็นด้วยกับคนที่ฉลาดใช้กฎหมายเพื่อได้ประโยชน์ส่วนตนสูงสุด
ความดีและคนดี กลายเป็นวาทกรรมที่ถูกลืม...ในคนส่วนใหญ่ของสังคมโลก...รวมถึงสังคมไทย
"บุคคลที่อาศัยช่องว่างของกฎหมายเพื่อเอาชนะคนอื่นได้ เป็นคนเก่ง แต่ไม่ใช่คนดี"
ผมจำเขามาครับ