หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

ส่งการบ้านครูบา(เจ้าเป็นมาอย่างไร๒)


ภาพชีวิตที่ฉันรำลึกได้เมื่อเด็กน้อยเป็นเด็กเล็กวัยอนุบาล เป็นภาพของเด็กคนหนึ่งที่ซุกซนและเป็นที่รักของคนที่รับเธอไปอยู่ด้วย ถูกแล้วค่ะเด็กเล็กๆคนนี้ถูกพ่อและแม่ส่งไปอยู่กับคนอื่น เธอถูกรับไปเข้าเรียนที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งที่อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ด้วยตอนนั้นพ่อของเธอเข้าไปอยู่ในเหมืองแร่เพื่อช่วยดูแลกิจการให้กับครอบครัวของพ่อ และแม่ก็ได้ตามไปดูแลพ่อที่นั่น  การที่พ่อและแม่ส่งเด็กน้อยไปอยู่ที่นี่เพราะว่าครูในโรงเรียนแห่งนี้ทุกคนเป็นเพื่อนของเขาทั้งคู่ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังค่ะ เด็กน้อยได้รับการดูแลเป็นอย่างดี  เมื่อถึงวันหยุด ครูจะเป็นผู้เตรียมตัวของเธอให้พร้อมไว้สำหรับให้พ่อและแม่มารับได้โดยไม่เสียเวลา 

ดูเหมือนว่าการอยู่กับคนแปลกหน้าตั้งแต่ยังเล็กไม่ได้ทำให้เธอมีปัญหาอะไร  จนเมื่อฉันมานั่งย้อนรำลึกเธออีกครั้ง ฉันก็พบว่าที่แท้เธอมีปัญหาหนึ่งซ่อนอยู่ นั่นคือ ความกลัวที่มีต่อผู้ใหญ่ และไม่ชอบเข้าใกล้ครูค่ะ ฉันไม่แน่ใจหรอกนะค่ะว่า เหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้เธอเป็นเด็กเรียน หัวแข็งและดื้อค่ะ  การย้อนรำลึกถึงเธอในวันนี้ทำให้ฉันรับรู้ขึ้นมาว่า เด็กน้อยรู้สึกอายที่มีใครหัวเราะเธอ เมื่อเธอทำพลาดค่ะ

ในตอนนั้นครูผู้ดูแลมักจะนำเอาเรื่องที่เธอทำพลาดตามประสาเด็กๆมาพูดคุยเล่าสู่กันฟังในบรรดาคนกันเองของพ่อและแม่เป็นที่สนุกสนานด้วยความรู้สึกเอ็นดูในความเป็นเด็กที่ไร้เดียงสาของเธอ แต่ครูคงจะไม่รู้ค่ะว่าเธออาย และไม่ชอบการถูกล้อเลียน  เรื่องหนึ่งที่จำได้ว่าเธออายมากๆ ทั้งๆที่เป็นเรื่องธรรมดาๆของเด็กอนุบาล คือ วันหนึ่งเธอเตรียมตัวเพื่อรอให้พ่อและแม่มารับในช่วงสุดสัปดาห์แล้ว  ข.ต.ใส่ผ้า เป็นการ ข.ต.ที่เกิดพอดีกับที่รถที่พ่อและแม่มารับถึงบันไดบ้านพักครู ผู้ใหญ่หัวเราะกันกราวใหญ่ จำได้ว่าครูเขาไปที่ไหนๆที่รู้จักกับเพื่อนของพ่อและแม่ เขาจะเล่าทุกเวทีไป  จำได้ว่าเด็กน้อยอายแสนอายค่ะ แต่เธอทำอะไรลงไปบ้างนั้น ฉันจำไม่ได้ด้วยความจำมันรางเลือนเต็มที 

ต่อจากชั้นอนุบาล พ่อซึ่งเป็นคนที่เดินทางไปทั่วภาคกลางและภาคใต้เห็นการณ์ไกลว่า การศึกษามีความสำคัญ และเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษ พ่อจึงเลือกให้เด็กน้อยเข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนราษฎร์แทนโรงเรียนรัฐบาล  เด็กน้อยจึงได้ย้ายกลับมาอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต โรงเรียนราษฎร์แห่งแรกที่เข้าเรียนนั้น มีพี่ชายลูกของลุงที่เล่าถึงไว้ข้างต้นเรียนอยู่ก่อนแล้ว โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนสหศึกษาในชั้นประถม และเป็นโรงเรียนชายล้วนสำหรับชั้นมัธยมศึกษา  พ่อและแม่ไม่เคยผิดหวังกับผลการเรียนของเด็กน้อยแม้แต่น้อย ตลอดสี่ปีที่เธอเรียนประถมต้นที่โรงเรียนแห่งนี้ ผลการสอบเธอเป็นที่หนึ่งของห้องมาตลอด 

ภายใต้อิสระที่โรงเรียนราษฎร์มีให้เด็กนักเรียน โรงเรียนแห่งนี้เป็นที่แรกที่ทำให้เธอรู้จักกับศาสนา เป็นการรู้จักในรูปแบบที่น่าสนใจสำหรับเด็กวัยขนาดนั้น นั่นคือ รูปแบบการเล่าเรื่องราวของอาดัมกับอีฟให้ฟังแบบนิทาน และการสอนให้รู้จักเพลงต่างๆที่ร้องกันในช่วงเทศกาลสำคัญ  แน่นอนว่าการที่เด็กน้อยรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ เธอไม่เข้าไปใกล้ชิดบาทหลวงที่เป็นครูสักเท่าไร นอกจากคอยตามอ่านจากหนังสือเล่มเล็กๆ ฟังเอาจากเรื่องเล่าที่มีโอกาสได้ยิน ที่นี่เป็นที่แรกที่เธอรู้จักไม้กางเขนและดอกลั่นทม ฉันรำลึกได้ว่าเธอชอบดอกลั่นทมมาก ที่เธอชอบมันก็ด้วยว่ากลิ่นหอมของมันนั้นหอมดี และอีกเหตุผลก็คือ มันเป็นดอกไม้ที่ทำให้เธอรู้จักกับจินตนาการซึ่งเธอก็ไม่รู้ตัวหรอกว่ามันเกิดขึ้นมาอย่างไร เป็นไปได้ว่าจินตนาการที่เกิดขึ้นเริ่มขึ้นจากการที่พ่อพาเธอไปชมภาพยนตร์เรื่องบลูฮาวายที่มีนักร้องเอลวิส เพรสลีย์ หนุ่มรูปหล่อคนดังเป็นพระเอกค่ะ

การได้ย้ายจากโรงเรียนประจำมาอยู่บ้าน ทำให้เด็กน้อยมีความสุขมาก พ่อและแม่ย้ายกลับมาอยู่บ้านกับเธอด้วย เพียงแต่ว่า พ่อนั้นจะไม่ได้อยู่ด้วยหลายๆวัน พ่อจะกลับมาบ้านเดือนสองเดือนครั้งแล้วก็เดินทางต่อไป ตอนนั้นพ่อยังทำงานเหมืองแร่อยู่ หน้าที่ที่ทำก็คือ สำรวจหาที่ดินสำหรับขอสัมปทานเปิดทำเหมืองแร่ซึ่งมีลุงซึ่งเป็นพี่ชายคนที่สองเป็นนายทุนค่ะ  ชีวิตของพ่อจะอยู่ป่ามากพอๆกับอยู่ในเมืองค่ะ เวลาที่พ่อกลับบ้าน เด็กน้อยจะมีความสุขมาก เพราะพ่อจะพาเธอและแม่ไปเที่ยวชายทะเลบ้าง ขับรถไปในที่ต่างๆบ้าง และพ่อคือคนสำคัญที่พาเธอไปดูภาพยนตร์ค่ะ ภาพยนตร์ที่พ่อพาเธอไปดูจะเป็นประเภทแฟนทาสติกส์ ตำนานปรัมปรา เรื่องของอาณาจักร ทั้งหนังฝรั่งและหนังจีน จิปาถะค่ะ และบางครั้งพ่อยังหนับหนุนให้เธอไปดูลิเกได้อีกด้วย  

เวลาปิดเทอม พ่อจะไม่กลับบ้าน แม่จะเป็นผู้ขนนำเด็กน้อยและพี่ชายไปหาพ่อ ชีวิตช่วงปิดเทอมของเด็กน้อยจึงไปโลดแล่นอยู่ในพื้นที่ชนบทที่รอบตัวคือหมู่บ้านชาวบ้านที่มีป่าล้อมรอบ มีลำธารให้เป็นที่อาบน้ำ มีต้นไม้ไว้ให้ปีนป่าย มีแมลงไว้ให้เรียนรู้อย่างตื่นตาตื่นใจ การไปใช้ชีวิตอยู่ในเหมืองทำให้เธอได้รู้จักกับปลิงและทาก และสนุกกับการลองเบื่อให้ปลิงและทากมันอ่อนแรงด้วยก้นบุหรี่ที่เก็บมาจากพื้นใส่ลงไปในน้ำแล้วจับดึงปลิงและทากที่ติดมากับตัวตอนไปเที่ยวเล่นริมหนองน้ำใส่ลงไป มันเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับเด็กน้อยค่ะ มีอย่างที่ไหนใส่ปลิงที่ยึกยือๆอยู่ลงไปในน้ำไม่นาน มันก็ตัวแข็งทื่อหยุดเคลื่อนไหวไปเลย ฉันรับรู้ว่าในตอนนั้นเธอไม่เข้าใจคำว่าบาป และไม่รู้จักเลยว่าการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่พึงงดการกระทำที่ศีล 5 ได้พร่ำสอนไว้

การเข้าไปอยู่ที่เหมืองตอนปิดเทอมนี้ ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกว่าที่นี่เป็นที่อยู่ที่ลำบากเลย เธอไม่เบื่อบรรยากาศแห่งการใช้ชีวิตที่นี่เลย ทั้งๆที่รอบๆตัวมีแต่ต้นไม้ ใบหญ้า และเรือนนอนที่คนเหมืองเขาเรียกว่ากงสี   ฉันคิดว่าที่เธอไม่รู้สึกอะไรนั้นเป็นเพราะว่า ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ เธออิ่มเอมไปด้วยความสุขกับการเรียนรู้  ที่นี่เป็นที่ที่เธอมีเพื่อนเล่นที่ทำให้เธอได้เรียนรู้อะไรที่แปลกออกไป เธอแอบซนไปปีนต้นไม้กับเพื่อน ปีนขึ้นไปจนถึงยอดไม้ซึ่งสูงจากพื้นเท่ากับตึกสองชั้นและตกลงมา โชคดีที่ตกลงมาค้างตรงกิ่งล่างให้ใจสั่น ขาสั่นเล่น ถ้าตกลงมาถึงพื้นดินคงเจียนตาย ชีวิตคงไม่รอดผ่านมาจนถึงอายุปูนนี้หรอกค่ะ  การมาอยู่ที่นี่ทำให้เธอได้รู้จักการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายอย่างชาวบ้าน กินอยู่ง่ายๆได้สบายๆ  นั่งกินข้าวบนพื้นดินพื้นทรายได้ เล่นดินเล่นทรายเป็น นอนและเล่นอยู่ในบ้านที่ฝาทำด้วยไม้ได้โดยไม่รู้สึกว่าแปลกแยกกับมัน นอนหลับสบายบนเตียงผ้าใบโดยไม่มีฟูกได้

บทเรียนรู้จากชีวิตจริง

ในขณะที่ผู้ใหญ่รู้สึกว่า การทำเปิ่นของเด็กเล็กเป็นเรื่องน่าเอ็นดู  เด็กกลับคิดว่านั่นคือการตำหนิโดยเฉพาะการนำเรื่องของเขาไปเล่าให้ใครฟังซ้ำๆอย่างขำขัน โดยเฉพาะการเล่าให้พ่อและแม่ของตนฟัง โดยไม่บอกเหตุผลของการหัวเราะ

เด็กที่ถูกทิ้งไว้ลำพังหรือฝากให้อยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่ จะมีความรู้สึกไม่มั่นคงในใจ รากฐานที่เพาะเชื้อความกลัวในใจได้เกิดขึ้นในตัวเขาทันที

ภาพพ่อและแม่ที่อยู่ในจินตนาการนั้น เลิศเสมอสำหรับเด็ก  ความเป็นเด็กทำให้ไม่เคยกังขากับมันเลย

พ่อคือคนสำคัญที่ทำให้เกิดความรู้สึกมั่นคง และเติมเต็มจินตนาการของเด็ก

เด็กชอบเล่นดิน เล่นทราย ปีนต้นไม้  ได้เห็นสิ่งมีชีวิตรอบตัวที่แปลกตา แค่ได้ทำสิ่งเหล่านี้อย่างเป็นอิสระก็เป็นสุขยิ่งแล้ว

Keywords : ผู้ใหญ่คือคนที่สอนให้เด็กถักทอเสื้อผ้าที่มองไม่เห็นมาใส่คลุมกาย

หมายเลขบันทึก: 223438เขียนเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2008 07:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 03:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)

พี่หมอเจ๊เหมือนผมเลย เพราะพอย้อนอดีตไปแล้วมันผุดขึ้นมาเรื่อยๆ นี่ขนาดพี่เหมอเจ๊เล่าเฉพาะเป็นเด็กประถม ยังไม่ถึงมัธยมเลย อิอิ

พี่หมอเจ๊ไปเรียนที่ท้ายเหมือง ใช้ที่โรงเรียนศิริราษฎร์ หรือเปล่าครับ

ตามมาอ่านอีกค่ะ

.....^_^.....

แม่ของน้องบอกว่า... ก่อนจะไปข้างหน้า  ให้ลองเหลียวหลังดูอดีตสักหน่อย ...

อดีตคงบอกได้ว่า เราคือใคร กำลังทำอะไร และควรจะทำอะไรต่อไป...ใช่ไหมคะ

(^__^)

รอติดตามตอนโรมานซ์ครับ

สวัสดีค่ะ

  • อ่านแล้วรู้สึก..ได้
  • และประทับใจค่ะ
  • KEYWARD  เป็นความคิดรวบยอดได้อย่างบรรจงค่ะ
  • ประทับใจวัยเด็กของหมอเจ๊มากค่ะ
  • รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
  • ผู้ใหญ่คือคนที่สอนให้เด็กถักทอเสื้อผ้าที่มองไม่เห็นมาใส่คลุมกาย   ชอบมากค่ะ ขอบอก

สวัสดีค่ะพี่หมอเจ๊

เล่าได้ละเอียดและมีอรรถรสมากเลยค่ะ เรียบเรียงความทรงจำได้เป็นลำดับ ทำให้สนุกไปด้วยค่ะ ทำให้นึกถึงความสุขของกะทิ อยากรู้จังว่าจะไปจบลงตอนที่เท่าไหร่ ที่จะหล่อหลอมออกมาเป็นแบบอย่าง..อย่างนี้

อิอิ... มาแอบดูปอกเปลือก อาจารย์หมอเจ๊ ค่ะ

  • ตามมาจากตอนหนึ่ง
  • กำลังรอตอนสาม
  • รู้สึกตัวร้อนๆ เพราะกำลังเอาเปรียบหมู่ญาติ .. อ่านแต่ไม่ยอมเขียน .. ขอรอ Build อารมณ์อีกนิดนะครับ .. สัญญาว่าจะไม่เบี้ยวนาน
  • ขอบคุณครับ

ขอให้ Happy Ending นะคะ

  • อัยการชาวเกาะ จ๋า
  • ขอบใจมากที่เอ่ยชื่อโรงเรียนถามมา
  • ใช่แล้วๆ...พี่เรียนที่นี่แหละน้องจ๋า
  • น้องโก๊ะ คนไม่มีราก ค่ะ
  • อดีต คือ คำอธิบายว่า ทำไมเราจึงเป็นอย่างที่เราเป็นอยู่ค่ะ
  • อนาคตนั้นคือเรื่องที่เราเองจะออกแบบต่อไป
  • ว่าเราจะเป็นอย่างไร...จะยังคงเป็นอย่างที่เราเป็นอยู่
  • หรือว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไร...เพื่อตัวเราเอง...ที่ดีกว่า
  • รวมทั้งเรื่องการเลือกจะถอดหรือสวมใส่
  • เสื้อตัวที่มองไม่เห็น
  • ที่เราเก็บมันเอาไว้โดยไม่รู้ตัว
  • จะปล่อยให้มันคลุมกาย...หรือจะถอดมันทิ้งไป
  • ก็อยู่ที่ใจเราเลือกเอาละค่ะน้องจ๋า

ทำไม มีแต่เรื่องชวนติดตามนะ

  • อ้าย paleeyon เจ้าขา
  • ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นมันจะโรมานซ์มั๊ยนะ
  • ตัวเองยังสงสัยเลยค่ะ
  • ก็เพราะว่าไม่ใคร่เป็นคนโรมานซ์เท่าไรเลยค่ะ
  • ครูคิม ค่ะ
  • เขียนด้วยความรู้สึกอยากเขียนค่ะ
  • ดีใจที่คนอ่านมีความสุขค่ะ
  • น้องอร Bright Lily ขา
  • ลองรำลึกอดีตดูนะ
  • แล้วน้องก็จะมองเห็นเสื้อคลุมกายที่พี่เอ่ยเล่าไว้นี้ค่ะ
  • เป็นเสื้อที่ไม่มีใครตัดให้ใครใส่ได้
  • เจ้าของร่างกายเท่านั้น
  • ที่ตัดมันใส่ให้ตัวเอง
  • เสื้อที่คับมันจะหลวม...เมื่อเวลาผ่านพ้นเป็นอดีต
  • เสื้อที่จะหลวมก็จะคับ...เมื่อ....จุด...จุด...จุด
  • คำตอบอยากตอบอะไร....คิดและเลือกเอาเอง....55555
    • อ้าว น้องอุ๊ a l i n_x a n a =) จ๋า
    • เขียนเมื่ออยากเขียนนี่ค่ะ
    • เวลาอยากเขียนนะน้อง
    • มันสนุกที่จะเขียนออกมา
    • ได้เรียนจากเรื่องของตัวเองด้วย
    • ดีออกนะค่ะ
    • ส่วนจะจบซีรี่ส์หรือไม่
    • ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะน้อง
    • เพราะว่าพี่เป็นคนขี้...เบี่ย..เบี่ย...55555
    • พี่บ่าว Handy ขา
    • ยินดีร้องเพลงรอค่ะ
    • .....
    • รอ...คนหล่อคนดี...น้องรอด๋ายยยยยยยยยยยยยยค่ะ
    • อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่มันเกิดขึ้น มันอาจจะไม่ดีหรอกพี่
    • อย่างเรื่องที่เล่าเรื่อง ข.ต. แต่ก่อนก็อายนะพี่
    • แต่พอนึกขึ้นมาได้ มันเป็นอดีตไปแล้วนี่นา
    • แก้อะไรได้กันเล่า
    • แล้วเป็นเรื่องธรรมดา
    • ที่คนอื่นก็เคยเกิดขึ้น
    • แล้วที่อายนะ เราอายไปเองนี่นา
    • เลยตัดสินใจเอามาเล่า
    • เล่าแล้วก็ขำตัวเองค่ะพี่
    • เป็นไปด้ายยยยยยยยยยงัยฉัน
    • รู้สึกดีที่ได้เขียนมันออกมาซะทีค่ะ
    • เป็นเรื่องจริงของเราที่เราอยากบอกตัวเองค่ะ
    • การยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่...ผ่อนคลายจริงๆนะพี่
    • พี่หมอ อัจฉรา เชาวะวณิช ขา
    • ดีใจจังที่พี่แวะมา
    • หายหน้าไปเลยนะค่ะ
    • รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ
    • pa_daeng [มณีแดง คนสวย แซ่เฮ] จ๋า
    • ผาแดง...มีความหมายอย่างไรเหรอ
    • ........
    • เรื่องของคนอื่นนะ มันน่ารู้ไปโหม๊ดแหละค่ะ
    • แล้วเรื่องที่คนอื่นเขาอยากบอกให้รู้น่ะ
    • เราฟังเรื่องของเขา มันก็มีเรื่องน่ารู้เนอะ...ถ้า...จุด..จุด...จุด
    • ขอบอก
    • ได้อะไรหลายๆอย่างจากบันทึกนี้
    • ได้แนวทางเลี้ยงดูหลานๆ ด้วยความเข้าใจมากขึ้นค่ะ
    • ขอบคุณค่ะ
    • อาจารย์ ลำดวน ค่ะ
    • ช่วยกันค่ะ
    • ช่วยสร้างเด็กรุ่นหลังไว้ดูแลสังคมไทยให้เป็นไปอย่างที่คนรุ่นเราๆมีความฝันนะค่ะ

    + สวัสดีค่ะพี่หมอเจ๊ คนสวย...

    + อ่านอย่างเพลิดเพลิน...สนุก...มารู้สึกตัวอีกทีก็เจอ  Keywords

    + อ๋อยก็ชอบนึกถึงเรื่องราวความหลังบ่อย ๆ ค่ะ...โดยเฉพาะช่วงเด็ก ๆ

    + ทั้งนี้เพราะแอมแปร์สาวน้อยกำลังเด็กค่ะ...แม่อย่างอ๋อยเลยคิดถึงความหลังว่าครั้งเรายังเด็กเราคิด  รู้สึก  เช่นไร...

    + เพื่อนำมาปรับใช้กับการเลี้ยงดูแอมแปร์ค่ะ...

    + ขอบคุณมากค่ะที่นำเรื่องราวที่แฝงข้อคิดมากมายให้แม่อย่างอ๋อยค่ะ...

    + หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ...

    • คุณแม่น้อง แอมแปร์~natadee ค่ะ
    • ผู้ใหญ่มักจะคิดว่าตัวคลิกกับความคิดของเด็กนะค่ะ
    • แต่แท้จริงนะไม่ใช่เลยค่ะ
    • สิ่งที่พี่สรุปไว้ข้างบน เป็นเพียงมุมมุมหนึ่งที่เด็กรู้สึกค่ะ
    • ......
    • ผู้ใหญ่จะรู้ว่าเด็กรู้สึกอย่างไร มีไม่มากนักหรอกค่ะ
    • จนกว่าตัวผู้ใหญ่เองนั้นจะเรียนรู้แบบเด็กค่ะ
    • ......
    • เป็นกำลังใจให้ค่ะ

     

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท