ส่วนตัว...


Bob Dylan of Thailand...

 

         

 

                         เพลงและศิลปินที่ชอบ

น้าหงา..Bob Dylan  of  Thailand... 

         ....ปี 1941หนุ่มเชื้อสายยิว  Robert  Summerman หรือ Bob  Dylan เกิดขึ้นในทศวรรษที่ 70 ขณะที่วัยรุ่นอเมริกันเกิดความเบื่อหน่ายต่อกฏเกณฑ์ของสังคม ได้รวมตัวกันถูกขนานนามว่า" Flower People " Bob Dylan และ Joan  Beaz จึงเป็นเหมือนตัวแทนของผู้ที่เสียเปรียบ เป็นปากเสียงของพวกฮิปปี้ และคนรุ่นใหม่ เขาทั้งสองจึงถูกเรียกว่า ราชา  และราชินี เพลงพื้นบ้านสมัยใหม่   เพลงของเขาก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด เขาเล่นดนตรีทุกแบบ ทั้งเพลงพื้นบ้านเก่าๆ โฟลค์ยุคใหม่ บลู คันทรี  และมีบทบาทพัฒนาเพลง Rock N,Roll ให้ก้าวไปขางหน้าพร้อมๆกับ The Beatles.....

                                  

หมายเลขบันทึก: 223276เขียนเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2008 09:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:52 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

สวัสดีครับ

มาอ่านเรื่องของบ๊อบครับ

แล้วเมื่อไหร่จะเขียนเรื่องน้าหงาครับ ;)

          น้าหงา...คงไม่ใช่น้าหงาคนเดียวหรอกนะ    คาราวาน(...ขอย้อนเวลาสมัยคาราวานออกจากป่าใหม่ๆ ขณะนั้นยังเรียนมัธยม...)

       ...วงคาราวาน สีลม บอกว่าคาราวานไม่ใช่วงดนตรีธรรมดาที่ใครจะสามารถไปซื้อหามาฟังแล้ววิจารณ์ว่าดีอย่างนั้นหรือไมดีอย่างนี้ คาราวนไม่ใช่นักดนตรี ไม่ใช่ Entertainer"""แล้วเป็นอะไรล่ะ? สำหรับหลายคนแล้วคาราวานคือวีระบุรุษของเขา ...คาราวานจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม...ทำไมล่ะ?

         คาราวานไม่ใช่นักดนตรีเพราะความเป็น Musical ของเขามีน้อย สังเกตได้ง่ายๆจากเพลงของเขา และความรู้สึกของคนฟังที่มาฟังคาราวานเมื่อสมัย.......ตุลา....หรือปัจจุบันก็ตาม

         คือไม่ได้มาดูว่า น้าหงาสุรชัย จะโซโลกีตาร์อย่างไร หรือมงคลจะเป่าเมาท์ เล่นพิณได้ไพเราะอย่างไร แต่เขาต้องการมาฟังว่าคาราวานจะบอกอะไรแก่เขา กองเกวียนคนทุกข์ ในยุคจักรกล ...ขบวนนี้ได้นำอะไรมาให้พวกเขาได้รับรู้ ได้นำ ได้คิดอะไรตามบ้าง แล้วจะเรียกว่าอะไรดีนะ?....ถ้าไม่เรียกนักดนตรี?.... .......................................บอกที?

( อะไรก็ได้ที่เราคิดว่า คนที่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนที่ดีของเรา...อย่างคาราวานจะพึงเป็น )

มายามเบิ่ง  อย่าลืมส่งเนื้อเพลงมาร์ชไปให้นะครับ 

วันนี้...กวีซีไรต์ เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูรณ์ ร่ายกวีสัจจและร้องเพลง...คนดี...นางนวล...คนทำทาง...ขนลุกเลยล่ะความจริงถึงแม้ไม่ใช่คน...ตุลาแต่ก็ร้องได้หมดและไพเราะมากด้วยสิ...มิหนำรายการ ดนตรี กวี ศิลป์ ยังนำผลงานเพลงของจิตร  ภูมิศักดิ์ มาเล่นด้วยวงซิมโฟนี่ของม.มหิดลเพลงทุกเพลง...เคยร้องทั้งนั้น...เสียดายจังปัจจุบันไม่ได้ร้อง(ไม่มีคนฟัง...)

ไม่ว่าจะเป็นเพลง...มาตุภูมิ

                        รำวงเมเด

                         ความหวังยังไม่สิ้น

                         แสงดาวแห่งศรัทธา

                         ...........................

               เมื่อวาน วันที่ ๗ สิงหาคม..."วันเสียงปืนแตก" บันทึกไว้ซะหน่อย

           เพลงรำวง ๗ สิงหา

        ....................................
(พ.)  ปัง ๆ ๆ  เสียงปืนดัง ๗ สิงหา (ซ้ำ) 
 ปลุกมวลประชาลุกขึ้นมาจับปืน
(ญ.)  หมู่บ้านนาบัว ปืนรัวก้องอาจหาญ เป็นสัญญาณ
 ลุกขึ้นต้านหมู่มารไพรี
(พ.)  ปืน ๆ ๆ  อำนาจรัฐเรา ได้มาด้วยปืน (ซ้ำ)
 ลุกขึ้นหยัดยืน ชูปืนเข้าโค่นล้มมัน
(ช.)  จากดวงไฟน้อย แล้วค่อย ๆ เปล่งเรืองแสง
 เป็นเพลิงแรง ดุจดังแสงของดวงตะวัน
(พ.)  ดู ๆ ๆ พวกศัตรู ใกล้ดับอาสัญ  (ซ้ำ) 
 สมุนมะริกันมันจะดันไปได้เท่าไร
 เรา ทปท. ขยายกำลัง กล้าเกริกไกร 
 วันมวลประชาไทยจะได้ชัยใกล้เข้ามา   

          ตามประวัติศาสตร์ที่เป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์ไทย ถือกันว่า  วันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๘ เป็นวันสำคัญวันหนึ่ง จากการที่เกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง และกองกำลังฝ่ายปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ไทย

          ต่อมา พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๘ พรรคคอมมิวนิสต์ได้เปิดประชุมคณะกรมการเมืองขยายวงที่ภูพาน เพื่อพิจารณาปัญหานี้ และได้มีมติ ๒๕๐๘ ให้ประกาศการต่อสู้ด้วยอาวุธในเขตชนบทอย่างเป็นทางการ เพื่อตอบโต้การปราบปรามของฝ่ายอำนาจรัฐ แต่ให้เปิดทีละเขต ในเงื่อนไขที่เป็นไปได้

           จากนั้นได้ประกาศให้วันที่ ๗ สิงหาคม เป็นวันเสียงปืนแตกและเป็นวันเริ่มต้นของสงครามประชาชนในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังได้ประกาศตั้งกองกำลังอาวุธของฝ่ายประชาชนในชื่อว่า "พลพรรคประชาชนต่อต้านอเมริกาแห่งประเทศไทย" (พล.ปตอ.)

                และมีเพลง

               ....เสียงปืนแตกดังก้องฟ้า

               ๗ สิงหา สอง ห้า ศูนย์ แปด

               เหมือนไฟไหม้ฝางกลางแดด

               คุควันก้องจากหมู่บ้านนาบัว

                ....เสียงปืนประชาดังก้อง

                ปลุกพี่น้องชาวไทยให้ตื่น

                 ยากเย็นเราก็ยังยิ้มลื่น๐๐๐

       ( จำบ่ได้แล้ว...ทำนองเพราะดี...ฮู้ไว้กะบ่เสียหยังดอก)

 

 

ไกลสุดไกลแสนไกล แต่ใจไม่ไกลหัวใจ
คือเกลียวสัมพันธ์มั่นไว้ คือไยแห่งความรักกัน

สายลมพัดโชยหญ้าใหว  ที่ริมสายธารแห่งนั้น
เหมือนใจของเราผูกพัน....แผ่นดิน

จึงวาดปลายปากกา  จารึกลายเส้นศิลป์
แทนอารมณ์อันโบกบิน  เป็นดินและลมน้ำไฟ

คือความรักความคิดถึง ยิ้มเธอที่ตรึงตราไว้
ผมยาวนุ่มเนียนสยาย...ฉันรักเธอ

ไกลสุดไกลแสนไกล  แต่ใจใกล้ใจใกล้เธอ
คงเกลียวสัมพันธ์เสมอ  แม้เราจะไม่พบกัน

คิดถึงหงา แต่ยังน้อยกว่า คิดถึงคนที่แนะนำให้ฟังเพลงนี้

ขอให้มีความสุขมากๆ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ

  • พี่ชาย...น้าหงา

- เจ้าช้ำ ช้ำเพราะใคร ใครเล่าใคร ทำให้เธอเศร้า

บอกฉันสักนิด ขอให้เธอคิดเป็นเหมือพี่ชายเจ้า

ยามใดเธอเหงา ร้าวระบมทุกข์ตรมซานเศร้า

พี่คนนี้เป็นเงา รับฟังเรื่องราว ของเจ้าเสมอ

- เหนื่อยพักได้นะเธอ ทบทวนที่เธอพบเจอ

ค่อยคิด ค่อยทำ ใคร่ควร จดจำเก็บไว้เป็นบทเรียน

ก็หวังเกินไป หวังไกลกว่าความจริง

ความวัยเยาว์ ไม่เข้าใจ เธอไม่รู้จริง

- ที่แล้ว แล้วๆไป เธอต้องทำใจเธอให้คลายเศร้า

พลาดไปเพียงนิด หรือปล่อยชีวิต ให้ไร้ทางว่างเปล่า

คนเรามีล้ม และก็มี ลุกยืนขึ้นก้าว

เส้นทางถึงดวงดาว ไม่ไกลเกินก้าวของเจ้าจะเดิน.

  •   บางทีเนื้อหาดีๆของเพลงก็ช่วยชุบชูใจของคนฟังได้เยอะ...ขอบคุณค่ะท่าน

อูย.. ทำไมนอนดึกจังครับ

หรือว่างีบตอนหัวค่ำ มาตื่นตอนดึก

อืมม... เนื้อร้องดีจริงๆ ผมจะหาฟังบ้างละ

สารภาพว่า... ตั้งแต่จบ ป.ตรี ไม่ได้ฟังเพลงเถื่อนเลย ทั้งๆ ที่ตอนเรียนเล่นดนตรีและร้องได้หลายเพลง

ดูแลสุขภาพให้ดีด้วยครับ อย่านอนดึกนัก

ระวังสิวขึ้นเด้อ สิบอกให่

            รักและหวัง...น้าหงา

       รักและหวัง ตั้งใจไว้ว่า.

เกิดตายมา ไปตามวิถี.

ท้อแท้ใจ ไร้ทางสิ้นดี.

ขอให้มี ซึ่งกำลังใจ.

   .ทุกสิ่งนั้น ผันแปรเปลี่ยนแปลง.

แม้สีแสง ก็ยังเปลี่ยนไป.

ล้มแล้วลุก ลุกยืน ขึ้นใหม่.

เห็นไหมรัก และแรงศรัทธา.

   .ขอให้รัก ของเราก้าวไป.

สู่ความสุข สดใสข้างหน้า.

รักของฉัน มั่นคงหนักหนา.

รักของเธอ ก็คงเช่นเดียว.

รักของเรา เหมือนดินกับน้ำ

สายสัมพันธ์ ลึกซึ้งแน่นเหนียว

       ขอสายลม พัดโชยแผ่น พาโดดเดี่ยว แม้นิดเดียว ก็ยังสุขใจ

ทุกสิ่งนั้น ผันแปรเปลี่ยนแปลง.

แม้สีแสง ก็ยังเปลี่ยนไป.

ล้มแล้วลุก ลุกยืน ขึ้นใหม่.

เห็นไหมรัก และแรงศรัทธา .

ชีวิตก็แล้วแต่ขาพาไป

ยากไร้ญาติมิตรพี่น้องหมางเมิน

ยามเช้าย่ำเท้าไปกินข้าวแกง

ยามแลงบางครั้งก็ท้องหิวโซ....

แค่บทแรกของเพลงนี้ก็รับรู้ได้ถึงวิถีดนตรีของ..คาราวาน

เคยรู้จักมักจี่เป็นการส่วนตัวกับพี่หงา เคยไปมาดื่มกิน ตั้งแต่แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่ไปจนถึงหนองคาย เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เดี๋ยวนี้ความรู้สึกยังเหมือนเดิม ชอบในแนวคิด-แนวดนตรี และเนื้อหาในบทเพลง ของคาราวาน

ขอบคุณที่นำสิ่งดีๆมาให้ครับ

รพี

ขอบคุณค่ะ...คุณรพีที่แวะมาเล่าสู่กันฟัง".

"ชีวิตก็แล้วแต่ขาพาไป

ยากไร้ญาติมิตรพี่น้องหมางเมิน

ยามเช้าย่ำเท้าไปกินข้าวแกง

ยามแลงบางครั้งก็ท้องหิวโซ......" ศิลปินอดทนเก่งนะคะ

คาราวานออกจากป่า.แสดงที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์

ตอนนั้นเรียนมัธยม...ได้ไปดูนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

 

เชื่อแล้วว่าแฟนพันธุ์แท้ ข้างถนนผมร้องและเล่นประจำช่วงบรรจุเป็นครูใหม่ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว(ฮา)..ชอบท่อนสุดท้ายครับ

  • อกเขาอกเรานั่นหรือคือกัน
  • ชีวิตอยู่ใต้สวรรค์คนรวย
  • มีรถถนนตึกรามมากมาย
  • สิ่งของสิ่งกินสิ่งขายมากมี
  • ซวยตรงเงินจะซื้อไม่มี
  • จนต้องทนเก็บก้นบุหรี่..ก็ยังเคย

P สวัสดีค่ะคุณครู...

โอ...คารวะท่านพี่...เกิดมาสำรวจโลกก่อนข้าพเจ้า

มิน่าเล่าท่านจึงดูเก่งกาจยิ่งนัก

                                นับถือๆ...ขอบคุณมากนะคะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท