นำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ แต่สถานการณ์ยังใหม่อยู่ (แต่ข่าว 2 ข่าว)
องค์กรศาสนาชี้ทางออกปัญหาใต้
เวลา 13.30 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว กลุ่มเสขิยธรรม คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ (ย.ส.) และสภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย จัดเสวนาเรื่อง อย่าให้ความรุนแรงในภาคใต้กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างศาสนา โดยพระกิตติศักดิ์ กิตติโสโณ กลุ่มเสขิยธรรม กล่าวว่า รู้สึกวิตกกังวลที่รัฐบาลไม่มีความระมัดระวังในการแก้ปัญหาภาคใต้ เพราะจะนำความขัดแย้งมาให้ ไม่เฉพาะรัฐบาลแต่รวมถึงระหว่างศาสนา ซึ่งอาจขยายผลออกไปอีก ภาคใต้เป็นพื้นที่มีหลายศาสนาอาศัยอยู่รวมกัน เหตุการณ์ทั้งหมดมีมาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นการแสดงความรุนแรงต่ออำนาจรัฐโดยตรง ดังนั้นองค์กรด้านศาสนาต้องแสดงออกอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งขยายตัว อาตมาไม่ได้ห่วงเรื่องการทำร้ายพระภิกษุ แต่ห่วงความสัมพันธ์ระหว่างศาสนา เพราะภาพที่เกิดขึ้นชาวมุสลิมตกเป็นแพะรับบาป เกรงว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นการจับแพะชนแกะ
ภาครัฐควรมองภาพรวม ไม่ใช่คิดเพียงจับคนผิดมาลงโทษเท่านั้น เช่น การประกาศกฎอัยการศึก รัฐควรคิดด้วยว่าจะทำอย่างไรกับชาวบ้านที่ต้องออกมากรีดยาง เหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นนัยของความรุนแรงเท่านั้น แต่ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลต้องใช้สติปัญญาแก้ปัญหามากกว่าการมุ่งจับคนร้ายมาลงโทษเพียงอย่างเดียว และควรคำนึงถึงการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ มิฉะนั้นปัญหายังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังขอให้สื่อทุกประเภทเป็นสื่อกลางมุ่งเสนอทางออกของปัญหา มากกว่านำเสนอเหตุการณ์ พระกิตติศักดิ์ กล่าว
มุสลิมประณาม โจรไม่มีศาสนา
ด้านนายสมเดช มัสแหละ เลขาธิการสภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาภาคใต้มีมาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ ผู้ที่ลงมาแก้ปัญหายังไม่รู้ลึก และรู้จักมุสลิมที่แท้จริง เช่นภาครัฐแก้ปัญหาส่วนหนึ่งด้วยการประกาศรับชาวมุสลิมเข้ารับราชการ แสดงให้เห็นว่ายังแก้ปัญหาไม่ถูกจุด รัฐควรรับบุคคลที่เข้าใจอิสลามจริง โดยไม่จำเป็นต้องเป็นอิสลามก็ได้ ยอมรับว่าส่วนหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความกดดันการแบ่งแยกดินแดนในอดีต ปัญหาเชื้อชาติ ความไม่เข้าใจประเพณีวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ในอดีตที่ผ่านมา ขอใช้คำว่าไอ้โม่งจากดาวอังคารสำหรับผู้ที่ฆ่าพระภิกษุ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่กล้าปฏิเสธว่าไม่ใช่มุสลิม แต่ก็ไม่ได้ยอมรับว่ามุสลิมเป็นคนทำ แม้ว่าปัญหาภาคใต้จะเป็นปัญหาที่ซับซ้อน แต่ขอเรียกร้องให้รัฐบาลใช้หลักการทางศาสนาเป็นตัวแก้ปัญหาสังคม
0ตัวแทน 3 ศาสนาวอน รบ.เลิกรุนแรง ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ตัวแทนจาก 3 ศาสนา ได้แก่ พระกิตติศักดิ์ กิติโสภโณ จากกลุ่มเสขิยธรรม บาทหลวงวิชัย โภคทวี จากคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ(ยส.) และนายสมเดช มัสแหละ เลขาธิการสภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงประณามการใช้ความรุนแรงในภาคใต้ และเรียกร้องให้ประชาชนใน 3 จังหวัดสมานฉันท์ และให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาภาคใต้ด้วยหลักศาสนธรรม พร้อมออกแถลงการณ์เรียกร้อง 1.ให้รัฐบาลยุติการใช้กำลังความรุนแรงทุกรูปแบบ 2.สื่อมวลชนควรจะมุ่งเสนอข้อมูลความรู้มากกว่านำเสนอเหตุการณ์ และ 3.ทุกศาสนาต้องร่วมมือกัน สภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อสารมวลชนมุสลิม สมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม มูลนิธิสันติชน และ ชมรมนักวิชาการเพื่อสรรสร้างสังคมมุสลิม ออกแถลงการณ์ประณามการไล่ฆ่าพระภิกษุเช่นกัน พร้อมเรียกร้องให้จับผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ก่อนบานปลายเป็นเชื้อไฟความขัดแย้งระหว่างศาสนา
แหล่งข่าวหลัก เอ็มเว็บนิวส์ คอลัมน์ข่าว Nation Bulletin URL http://news.mweb.co.th/follow/follow123811.html
ตอบข้อข้องใจที่หลายๆ คนอยากรู้ให้หน่อยค่ะ
มุสลิมตกเป็นเหยื่อจริงหรือ?
โจรที่จับไปเป็นแพะรับบาปหรือไม่?
สลามคุณสะตอดอง ที่คุณถามคือคำตอบทั้งสองข้อเลยครับ แต่มีปัจจัยอย่างอื่นๆอีกหลายอย่างเรื่องของแนวคิดความเชื่อของเราก็มีส่วนบ้าง สรุปแล้วสามจังหวัดภาคใต้ ผมเคยเขียนลงในเวสเทิรนโฟกัส ว่า ตะวันออกกลางไทยแลนด์
แล้วคิดว่าไงล่ะคะ
ในเมื่อมีแต่คนไทยพุทธที่ภูกทำร้าย
ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน ทหาร ตำรวจ
มันทำได้ไงอ่ะ
ใช้ส่วนไหนคิดกัน
ถึงทำได้ลง ไอ้พวกหัวรุนแรงทำเหมือนกะไม่มีการศึกษาทำได้ป่าเถื่อนมากๆๆๆๆๆๆ
ถ้าเหตุการณ์แบบนี้ได้บังเกิดกะคนที่ทำบ้างล่ะจะรู้สึกอย่างไร
ภาคใต้ ใครสร้างเหตุการณ์
ยังคงเป็นปริศนาให้คิดกันอีกนานละครับ