จากความเข้าใจของผู้เขียน การสะกัดขุมความรู้ หรือขุมทรัพย์แห่งปัญญา (knowledge Assets) นับเป็นเทคนิคการจัดการความรู้ที่สำคัญอย่างหนึ่งต่อเนื่องมาจากเทคนิคการเล่าเรื่อง (Telling story) ซึ่งสามารถสรุปเป็นประเด็นสำคัญๆ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในดำเนินงานขั้นต่อไป
ภายหลังจากที่สมาชิกโรงเรียนเครือข่ายการปฏิรูปการเรียนรู้ ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ ความรู้ที่หลากหลาย เมื่อคราวที่เราได้ร่วมกันจัดตลาดนัดความรู้ ครั้งที่ 1 ในวันที่ 30 ก.ค.48 ณ หอประชุมจิระวิทยาคาร โรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา ปรากฏผล
เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง
ผลจากการสะกัดขุมความรู้เกี่ยวกับแนวทางการจัดการศึกษาที่ส่งเสริมการปฏิรูปการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนสำคัญที่สุดมีประเด็นสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1.การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนได้มีการปรับหลักสูตรสถานศึกษาโดยใช้บริบทของท้องถิ่น เช่น การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา"บริบทอยุธยามรดกโลก" ของโรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา การจัดทำหลักสูตรที่สอดคล้องกับอาชีพในท้องถิ่นของโรงเรียนบ้านคลองตะเคียนหมู่ 2
โดยให้นักเรียนได้ฝึกอาชีพการทำขนมโรตี สามารถขายได้ การสอนศิลปะการต้อสู้"มวยไทย"ของโรงเรียนเทศบาลวัดแม่นางปลื้ม การสอนภาษาจีนโดยเจ้าของภาษา ของโรงเรียนเสริมมิตรวิทยาเป็นต้น
2.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทีหลากหลายทั้งในและนอกโรงเรียน โดยมีการจัดทำแผน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ลักษณะบูรณาการทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และมีการใช้แหล่งเรียนรู้ในชุมชน/ ท้องถิ่นที่หลากหลาย มีการสำรวจอาชีพในชุมชนและเชิญภูมิปัญญาท้องถิ่นมาเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้แก่ผู้เรียน เช่น การให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ตามโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทำให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้จากการศึกษา ค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับพันธุ์ไม้และ "สรรพสิ่งล้วนพันเกี่ยว" ซึ่งโรงเรียนแสนโกศิกนุสรณ์และโรงเรียนจิระศาสตร์วิทยาได้ดำเนินการโดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาพันธุ์ไม้ "โสน" ของโรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา สามารถนำมาบูรณาการในกิจกรรมการเรียนรู้ได้ทุกกลุ่มสาระ ดังนั้นพบว่าโรงเรียนเครือข่ายหลายแห่งได้นำ นักเรียนไปศึกษาเรียนรู้ในแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายและได้เชิญผู้กครอง/ชุมชนมาเป็นวิทยากร ให้ความรู้ควบคู่กับการลงมือปฏิบัติจริง
3.การระดมสรรพกำลังในการบริหารจัดการศึกษา โรงเรียนได้เปิดโอกาสให้ครู และบุคลากรทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการศึกษาที่ส่งเสริมการปฏิรูปการเรียนรู้ พร้อมทั้งได้ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครองและชุมชนในการสนับสนุนทรัพยากรในการจัดการศึกษามากยิ่งขึ้น เช่นกรณีของโรงเรียนจิระศาสตร์วิทยาได้มีการจัดตั้งกลุ่มสัมพันธ์เอื้ออาทร STAR (Small Team Activity Relationship) โดยให้ครูและบุคลากรทุกคนร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ปัญหา และร่วมพัฒนาผู้เรียน" โรงเรียนเทคโนโลยีอยุธยาได้จัดศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงานและสามารถให้บริหารประชาชนในท้องถิ่นด้วย
สรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับ "แนวทางการปฏิรูปการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ"
สถานศึกษาควรดำเนินการจัดการศึกษาที่ส่งเสริมการปฏิรูปการเรียนรู้ ดังนี้
1. สู่โลกกว้าง - นำนักเรียนไปศึกษาแหล่งเรียนรู้และใช้สื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย
2. ทางอาชีพ - ฝึกอาชีพและสร้างงานสร้างรายได้ควบคู่กันไป
3. รีบเล่าเรื่อง - ให้มีการเล่าเรื่องถ่ายทอดประสบการณ์ ความรู้โดยผู้รู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น
4. เปรื่องความชอบ - ผู้เรียนได้ศึกษา เรียนรู้ตามความชอบ ความถนัด ความสนใจ
5. กอปรกิจกรรม - จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง
6. ทำจริงจัง - ผู้บริหารและครูผู้สอนต้องทำจริงจัง ด้วยความเต็มใจและต่อเนื่อง
7. ตั้งโครงงาน - ให้นักเรียนทำการศึกษาค้นคว้าในลักษณะ "การทำโครงงาน"ตามความสนใจ
8. สานกำลังใจ - มีการเสริมแรง ให้กำลังใจผู้ร่วมงานและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
9. อนามัยสมบูรณ์ - ส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี
ปัจจัยสู่ความสำเร็จ
จากการจัดตลาดนัดความรู้ครั้งนี้ พบว่า ความสำเร็จในการดำเนินการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีดังนี้
1. ผู้บริหาร ต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง มีการกระจายอำนาจในการบริหาร เปิดโอกาสให้ครูและบุคลากรมีส่วนร่วมในการบริหารงาน
2. ครูผู้สอน ต้องปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอนโดยเน้นพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนอย่างสมดุล ทุกด้าน ทั้งด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณธรรมจริยธรรม
3. ผู้เกี่ยวข้อง ต้องมีส่วนร่วมสนับสนุน ส่งเสริมตามศักยภาพความพร้อม ตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง เช่น การส่งเสริม สนับสนุนของเขตพื้นที่การศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
จากการจัดตลาดนัดความรู้ครั้งที่ 1 ที่ผ่านมา โดยส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าสถานศึกษาต่างๆสามารถนำประสบการณ์ ความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในสถานศึกษาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดตลาดนัดความรู้ ครั้งที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2548 ณ โรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา จะมีการระดมสมองแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แนวทางการปฏิรูปการเรียนรู้ที่เจาะลึกถึงตัวผู้เรียนมากขึ้น ดังนั้นจึงขอประชาสัมพันธ์ให้โรงเรียนเครือข่ายทุกโรงเรียนเตรียมประสบการณ์หรือนำผลงานของนักเรียนมาแสดงอย่างเต็มที่ครับ
ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณคุณหมอวิจารณ์และทีมงาน สคศ.ที่ได้สนับสนุนให้กำลังใจมาโดยตลอด
ผมมีเรื่องที่ติดค้างไว้ตั้งใจจะนำเรื่องเล่าเด็ดๆเก็บตกจากตลาดนัดความรู้ครั้งที่ 1 มาเล่าสู่กันฟัง วันนี้ขอสัก 1 เรื่อง เรื่องมีอยู่ว่าโรงเรียนเครือข่ายของเราที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้มีมาไกลที่สุดจากเมืองแม่กลอง "สมุทรสงคราม" 2 โรงเรียน คือผู้บริหารโรงเรียนวัดศรัทธาธรรมและโรงเรียนวัดแก่นจันทร์ โดยผู้บริหารโรงเรียนแรกเล่าให้ฟังว่าโรงเรียนได้ทำหลักสูตรสถานศึกษา "ลุ่มน้ำแม่กลอง" บูรณาการการเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจชุมชน ซึ่งภาคเช้าเรียน 6 วิชา ภาคบ่ายจะจัดให้มีกิจกรรมการเรียนรู้ลักษณะบูรณาการทั้งหมด 5 วัน ผู้บริหารโรงเรียนที่สองเล่าว่าโรงเรียนของท่านเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีครูสุภาพสตรีล้วนๆ อายุ 49 ปีขึ้นไป จำนวน 11 คน เป็นอาจารย์ 3 2 คน แต่ทุกคนล้วนมีไฟในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และทำงานร่วมกันเป็นทีม เนื่องจากแม่กลองเป็นเมืองแห่งนักดนตรีไทยดังนั้นโรงเรียนจึงส่งเสริมให้มีโครงการ "1 นักเรียน 1 เครื่องดนตรี"
วันนี้ยกเรื่องเล่ามาเรียกนำย่อยเพียงบางส่วน โปรดติดตามตอนไปครับ