หน้าที่วิจัยและสร้างบัณฑิตของมหาวิทยาลัยมันพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงไปไม่หยุดยั้ง ค่ำวันที่ ๒๗ ต.ค. ๕๑ ในวงอาหารค่ำที่ศูนย์ประชุมของมูลนิธิ ร็อกกี้เฟลเล่อร์ ที่ เบลลาจิโอ เราคุยกันเรื่อง “สุขภาพโลก” (Global Health) โยงออกไปถึงการที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา “รับทุน” ไปดำเนินการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศยากจน (ส่วนใหญ่ในอัฟริกา)
เกิดคำถามว่าเป็นการทำหน้าที่ด้านไหน งานนี้เป็นงานวิจัยแบบ action research หรือเปล่า หรือเป็นงานชนิดที่เรียกว่า consultancy จากแหล่งทุน ซึ่งตอนนี้ฟู่ฟ่ามากจาก Gates Foundation ที่ใช้คำว่า Global Health จึงมีการตั้งสถาบันใน มหาวิทยาลัยต่างๆ ใน สรอ. ในชื่อที่มีคำว่า Global Health เช่น Duke Global Health Institute เพื่อให้ตรงกับแหล่งทุน วงการวิชาการด้านสาธารณสุขหายใจเป็น Global Health
มหาวิทยาลัยทำงานตอบสนองแหล่งทุน แหล่งทุนให้ทุนวิจัย ก็รับทำงานวิจัย แหล่งทุนให้ทุนไปทำงานพัฒนาประเทศยากจน ก็รับทำงานพัฒนา โดยที่ตัวมหาวิทยา ลัยเองก็ต้องมีเกณฑ์ประเมินการทำหน้าที่ของอาจารย์ จึงเกิดคำถามขึ้น ว่าจะวัดการทำหน้าที่พัฒนาประเทศยากจนอย่างไร
คำตอบของผมง่าย มหาวิทยาลัยไม่ให้คุณค่าการทำงานแบบใช้กล้ามเนื้อ (brawl) แต่ให้คุณค่าการทำงานแบบใช้สมอง (brain) ดังนั้น ไม่ว่าไปทำงานอะไร อาจารย์ต้องพิสูจน์ให้ได้ ว่าตนเรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้น และได้นำเอาความรู้นั้นมาเผยแพร่ต่อยอดองค์ความรู้สากลในด้านนั้นๆ อย่างไร
การทำงานพัฒนาก็ต้องใช้สมอง และสามารถวัดหรือบันทึกข้อมูลต่างๆ ทั้งที่เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ เพื่อเอามาวิเคราะห์ สังเคราะห์ เป็นความรู้ใหม่ ได้
วิจารณ์ พานิช
๓๑ ต.ค. ๕๑
เบลลาจิโอ
ไม่มีความเห็น