มูลนิธิสยามกัมมาจลพิจารณาเรื่องนี้ภายใต้วิธีคิดว่า โครงการนี้จะเป็นกลไก reform การเรียนรู้ของ นศ. ในสถาบันอุดมศึกษา ให้การเรียนวิชา กับการเรียนชีวิต เชื่อมโยงกัน หรือเป็นสิ่งเดียวกัน
ในชั้นแรก ภาคีมี 4 ฝ่าย คือ มธ. สกอ. สถาบันคลังสมองฯ และ มูลนิธิสยามกัมมาจล
ปลูกจิตสำนึกในการคิดถึงคนอื่น เปลี่ยนจากคิดถึงแต่ตัวเอง ไปสู่การมีจิตใจคิดถึงคนอื่น “คิดถึงคนอื่นเป็น” คือคำของ ฯพณฯ อานันท์ ปันยารชุน และต้องเชื่อมโยงไปสู่ รร. มัธยม ประถม รากเหง้าของปัญหาของเด็นในปัจจุบัน คือ “คิดถึงคนอื่นไม่เป็น”
ปฏิสัมพันธ์กับผู้ปฏิบัติ เช่น NGO ดีๆ
ในอังกฤษ ใช้กีฬา ชมรม (club) ทำกิจกรรมร่วมกันในสิ่งที่ตนสนใจ ใช้กิจกรรมนำไปสู่การคิดถึงคนอื่น
อย่าสอน เปิดโอกาส ส่งเสริมให้เขาเป็นตัวของตัวเอง อย่าบอกว่าเรากำลังสร้าง civil society
ใช้วิชา Liberal Arts เป็นเครื่องมือ
ทำอย่างเชื่อมโยงกัน อย่า compartmentalize
สร้างกระบวนการเรียนรู้โดยสัมผัสความจริง เพื่อนำไปสู่การค้นพบด้วยตนเอง ไม่ใช่โดยการสอน
มีตัวอย่างการค้นพบของ รศ. ดร. ปริญญา สมัยเป็นนักศึกษา มธ. จากการไปออกค่าย 10 วัน ไปเห็นชีวิตชาวนายากจน
ใช้ประสบการณ์ของโครางการนี้ปรับปรุงการบรรยาย ให้เกิดแรงบ้นดาลใจ
คนเราเสียคน เพราะคิดถึงแต่ตนเอง โครงการนี้จึงมุ่งสร้างเยาวชนที่คิดถึงคนอื่น
โครงการนี้มุ่งให้เป็น agent for change ในวงการศึกษาไทย
ข้อความข้างบนคือบันทึกที่ผมใช้ iPhone บันทึกไว้ระหว่างการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิสยามกัมมาจล ร่วมกับ รศ. ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล เอามาเผยแพร่เพื่อหาภาคีร่วมกันทำงานนี้ให้แก่สังคมไทย คืองานพัฒนาเยาวชนให้คิดถึงคนอื่นเป็น
วิจารณ์ พานิช
๑ พ.ย. ๕๑
บนเครื่องบินการบินไทยกลับจากมิลาน
กระบวนการ Learning by Doing โดยเฉพาะการลงไปสัมผัสความทุกข์ยากของชาวบ้าน เป็นจุดเร่มต้นของการทำงานทีดีครับ เพราะเราจะมีใจที่ดีเป็นฐานในการทำงาน