เด็กพิเศษ...รู้ก่อนเกิดได้อย่างไร


เด็กพิเศษ...รู้ก่อนเกิดได้อย่างไร
เด็กพิเศษ...รู้ก่อนเกิดได้อย่างไร
     ในปัจจุบันมีปัญหาเด็กพิเศษหลากหลายรูปแบบ เช่น ออทิสติก แอสเพอร์เกอร์ แอลดี สมาธิสั้น สมองพิการ ความบกพร่องทางสติปัญญา ฯลฯ จนทำให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะมีลูกน้อยรู้สึกวิตกกังวลว่าลูกที่จะเกิดมามีโอกาสเป็นเด็กพิเศษหรือไม่ จะรู้ล่วงหน้าก่อนเกิดได้ไหม และมีวิธีการอะไรบ้างที่จะทำให้รู้ได้
 
     การที่จะรู้ล่วงหน้าว่าเป็นเด็กพิเศษหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัญหาของเด็ก แต่ละรูปแบบก็มีความแตกต่างกัน บางรูปแบบรู้ได้ก่อนเกิด บางรูปแบบเกิดแล้วค่อยรู้ บางรูปแบบเกิดแล้วก็ยังไม่รู้เลยต้องรอดูตอนโตอีกหน่อย
     กลุ่มที่รู้ได้ก่อนเกิด คือ ปัญหาความผิดปกติของโครโมโซมต่างๆ เช่น ดาวน์ ซินโดรม ซึ่งเป็นความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 21 แล้วทำให้มีลักษณะรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความผิดปกติทางร่างกาย หลาย อย่าง ร่วมกับมีความบกพร่องทางสติปัญญา สามารถตรวจได้ตั้งแต่ช่วงที่ตั้งครรภ์ ได้ 2 เดือนกว่า จากการตรวจโดยวิธีพิเศษ เช่น การเจาะน้ำคร่ำตรวจโครโมโซม การเจาะเลือดตรวจทางชีวเคมี ซึ่งแนะนำให้ตรวจในหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป เพราะมีความเสี่ยงสูง ส่วนปัญหาความผิดปกติของกระโหลกศีรษะ หรือรูปร่างลักษณะพิการ ผิดรูป ก็สามารถพบได้โดยการทำอัลตร้าซาวน์ เช่นกัน
 
     กลุ่มที่เกิดแล้วค่อยรู้ เช่น สมองพิการ หรือ ซีพี (Cerebral Palsy) มีความผิดปกติในการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเกร็งมากกว่าปกติ พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อล่าช้า สำหรับความพิการทางร่างกายก็เป็นสิ่งที่สังเกตได้ไม่ยาก ส่วนปัญหาทางด้านการมองเห็น และปัญหาการได้ยิน ในรายที่เป็นมากก็สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่คลอดออกมาเช่นกัน
     ส่วนกลุ่มที่เกิดมาแล้วดูปกติดี ยังไม่รู้ว่าจะเป็นเด็กพิเศษหรือเปล่า ต้องรอดูพัฒนาการสักระยะหนึ่งก่อน เช่น ออทิสติก แอสเพอร์เกอร์ แอลดี สมาธิสั้น
     ออทิสติก ส่วนใหญ่จะรู้ได้ในช่วงขวบกว่าๆ เนื่องจากเริ่มเห็นความแตกต่างจากเด็กคนอื่นชัดเจนขึ้น ข้อบ่งชี้ที่ช่วยให้สงสัยได้ชัดเจนขึ้นคือ เมื่อเด็กอายุขวบครึ่ง เด็กยังไม่ชี้นิ้วบอกความต้องการของตัวเองเวลาอยากได้อะไร ขาดความสนใจร่วมกับคนอื่นรอบข้าง เล่นกับเด็กคนอื่นไม่เป็น เล่นบทบาทสมมติ เล่นจินตนาการไม่เป็น และมักจะยังไม่สามารถพูดเป็นคำได้ จะมีแต่ภาษาที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว ที่เรียกว่าภาษาต่างด้าว
     แอสเพอร์เกอร์ ก็คล้ายกับออทิสติก แต่พูดเก่ง ความจำดี เรียนหนังสือได้ ทำให้ไม่เห็นปัญหาตั้งแต่เล็ก ต้องอาศัยความชำนาญของจิตแพทย์เด็กในการบอกว่าเป็นหรือไม่ เด็กมักจะดูงุ่มง่าม ไม่สบตาเวลาคุย ช่างถาม ถามแล้วถามซ้ำอีก และไม่ค่อยรู้กาลเทศะ เนื่องจากมีความบกพร่องในทักษะสังคม
     แอลดี ก็เช่นกัน กว่าจะมารู้ชัดเจนก็ตอนที่อยู่ ป 1 แล้ว อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ หรืออ่านเขียนได้ไม่สมตามวัย หรือคิดเลขไม่เป็น ทั้งๆที่เวลาพูดคุยอย่างอื่นดูคล่องแคล่วว่องไว ไหวพริบดี
     สมาธิสั้น อาจเห็นแนวโน้มความซนมาก อยู่ไม่นิ่ง มาตั้งแต่เล็ก แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจน จนกว่าจะเห็นผลกระทบที่ตามมา เช่น ทำงานไม่เสร็จทันเพื่อน ผลการเรียนต่ำกว่าความสามารถที่แท้จริง เพื่อนไม่ค่อยอยากเล่นด้วยเพราะเล่นแรง
     ปัญหาส่วนใหญ่จะไม่สามารถรู้ก่อนเกิด ความผิดปกติบางอย่างที่ตรวจคัดกรองได้ตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ ก็ควรตรวจตามคำแนะนำ ที่เหลือก็ไม่ควรไปเครียด หรือวิตกกังวล เพราะถ้ายิ่งเครียดก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นครับ การดูแลสุขภาพกาย และสุขภาพใจของคุณแม่ช่วงตั้งครรภ์ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คำแนะนำโดยทั่วไปมีดังนี้
1. ควรวางแผนครอบครัวก่อนมีลูก มีลูกเมื่อพร้อม
2. ควรฝากครรภ์โดยเร็วที่สุดและควรฝากครรภ์อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ตามการนัดหมาย
3. ควรรับประทานอาหารให้เพียงพอ และหลายหลาย เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารครบถ้วน
4. ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่หักโหมทำงานหนักเกินไป
5. ควรผ่อนคลายความเครียด หากิจกรรม งานอดิเรกเล็กๆน้อยๆทำ
6. ในกรณีของการเจาะตรวจโครโมโซม จะทำเมื่อเข้าเกณฑ์ดังนี้
   * คุณ แม่อายุ 35 ปีขึ้นไป
   * เคยมีลูกเป็นดาวน์ ซินโดรม หรือโครโมโซมผิดปกติแบบอื่น
   * เคยแท้งโดยไม่รู้สาเหตุหลายครั้ง
   * สงสัยบางโรคที่สามารถตรวจได้
7. การตรวจอัลตร้าซาวน์ ก็เป็นการคัดกรองปัญหาวิธีหนึ่งที่สะดวก ไม่เป็นอันตราย และได้ผลดี ในปัจจุบัน
สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง เปี่ยมด้วยความสุข เป็นเกราะป้องกันปัญหาต่างๆในตัวลูกที่กำลังจะคลอดออกมาได้อย่างดีที่สุด

บทความโดย...นายแพทย์ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
คำสำคัญ (Tags): #เด็กพิเศษ
หมายเลขบันทึก: 222067เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2008 23:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม 2012 09:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีครับคุณ Pompier

...ขอบคุณนะครับที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม  และขอบคุณที่ช่วยพาไปเที่ยวในสถานที่ที่คงไม่มีโอกาสได้ไปเห็นด้วยตนเอง...

ขอบคุณที่มีเรื่องดีๆให้อ่าน ไม่ทราบว่าทำงานเกี่ยวขอ้งกับเด็กพิเศษหรือเปล่า อยากปรึก

ษาครับ

สวัสดีครับ..คุณ paidi

...ขอบคุณที่แวะเข้ามานะครับ...ผมก็ทำงานเกี่ยวข้องกับเด็กพิเศษครับแต่ประสบการณ์ก็ยังไม่มากนะครับ ไม่ทราบว่าอยากปรึกษาเรื่องอะไรครับถ้าพอแนะนำได้ก็ยินดีครับ...

ขอบคุณสำหรับบทความที่น่าสนใจ ตอนนี้กำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่ ได้ความรู้เพิ่มเติมมาก

สวัสดีค่ะ

ฉันมีเรื่องกังวลของพฤติกรรมของหลานอย่างมากซึ่งตอนนี้ก็อายุ6เดือนแล้วคอยังไม่แข็ง ไม่สามารถนอนคว้ำได้ แล้วตัวก็เกร็ง กลัวว่าจะเข่าข่ายเป็นเด็กพิเศษหรือเปล่าค่ะ ช่วยตอบด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

จอยคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท