กฏแห่งกรรม โดย.ท.เลียงพิบูลย์ ๕


 

 กีฬาที่ผิดศีล


เมื่อ คิดแล้วก็เกิดความรู้สึกละอายใจที่ได้ทำผิดศีลธรรม ผมจึงได้ตัดสินใจไม่ยอมเดินทางไปร่วมสร้างบาปในกีฬาที่ผิดศีล ด้วยการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอย่างเด็ดขาด นับตั้งแต่นั้นมา ผมก็ได้ชี้แจงความรู้สึกจากใจจริงมาให้เพื่อนๆ ฟังแล้ว นี่แหละครับ ความรู้สึกของคนเราย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ ไม่เที่ยงแท้แน่นอน ต่อมาผมรู้สึกดีใจมาก ที่ได้มีการออกพระราชบัญญัติสงวนพันธุ์สัตว์ป่าขึ้น เพราะสัตว์ป่าก็จะได้พ้นภัย เป็นอิสระเสียที"

 เมื่อ ผมพูดจบลงแล้วอดีตข้าราชการจึงพูดขึ้นว่า "นับว่าคุณได้เปลี่ยนแปลงไปสู่ความดีที่สูงขึ้นเป็นลำดับ ฉะนั้นผลงานของคุณที่ผ่านชีวิตมามาก จึงเป็นที่ยกย่องสำหรับผู้ที่ได้อ่านทั่วไป ผลงานเป็นวิทยานิพนธ์ ซึ่งปัญญาชนที่ได้เห็นแล้วชมเชยสรรเสริญด้วยความจริงใจ ผมก็พลอยภูมิใจไปด้วย แต่รู้สึกว่าคุณไม่ค่อยจะยินดีเท่าที่ควร คงจะมีเหตุผลใดเป็นแน่"


ข้าพเจ้า ได้ฟังดังนั้น ก็แสดงความขอบคุณท่านอดีตข้าราชการที่ได้หาเหตุผลมาอ้าง เพื่อจะทำให้คำยกย่องข้าพเจ้าหนักแน่นขึ้น แล้วข้าพเจ้าก็พูดว่า

"ความ จริงผมเองก็รู้สึกพอใจที่ผลงานของผม ซึ่งผมได้ทุ่มเทจิตใจและอุทิศเวลานั้น เป็นที่สนใจนิยมของปัญญาชนและผู้ที่ได้อ่าน ตลอดทั้งเยาวชนทั่วไป เมื่อพูดถึงการยกย่องสรรเสริญแล้ว ความรู้สึกของผู้ที่มีอายุเลยห้ารอบ และได้ผ่านชีวิตมามากทั้งดีและชั่ว ทั้งความลำบากและความสบาย เมื่อเรียนรู้ความจริงแล้ว ความรู้สึกเรื่องลาภยศสรรเสริญก็ยังมีความหมายก็คงจะรู้สึกชื่นชมยินดีเป็น ธรรมดาของมนุษย์ปุถุชนที่ยังลุ่มหลงอยู่ในกิเลศตัณหา แต่มาถึงในปัจจุบันนี้ ความรู้สึกเช่นนั้นของผมได้ผ่านไปแล้ว มีแต่ความชินชาด้านต่อความรู้สึก"

ฉะนั้น ผมจึงไม่ค่อยยินดียินร้าย และจะไม่ยอมให้รู้สึกเกิดความโลภความหวังในลาภยศสรรเสริญ ไม่ยอมให้เกิดในบั้นปลายของชีวิต ไม่ยอมให้เข้าเกาะกินจิตใจจนถึงนาทีสุดท้ายที่จะหมดลม ชีวิตของผมได้ผ่านพบ และได้เห็นตัวอย่างชีวิตจริงของบุคคลต่างๆ มีทั้งดีและชั่วมากมาย ผมจึงได้เอามาเป็นตัวอย่างพิจารณา ศึกษาหาความรู้จะได้เตือนใจอยู่เสมอว่า อย่าประมาท จงหลีกเลี่ยงความชั่วให้ไกล ลาภ ยศ สรรเสริญ รูป รส กลิ่น เสียง ไม่มีอะไรแน่นอน ยังมีแต่ทำให้เกิดทุกข์

วันนี้ เราเห็นเขามีอำนาจวาสนาอย่างน่าอิจฉา พรุ่งนี้เขาอาจมีคนตามล่าต้องหลบหนีซุกซ่อนไม่มีแผ่นดินจะอยู่ เวลานี้เราเห็นเขายกย่องสรรเสริญและมีกิริยานอบน้อม เห็นที่ไหนก็เข้ามาเคารพทักทาย แต่ถ้าหมดอำนาจวาสนาเราเห็นเขากลับคอยหลบหลีก หรือทำเป็นมองไม่เห็นและลับหลังก็เอาความเลวออกมาแช่งด่าประณาม ฉะนั้นไม่มีอะไรแน่นอนไม่มีอะไรจริง ผมค้นหามาตลอดเวลา พบความจริงข้อเดียวในชีวิตที่แน่นอน คือ เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องตายด้วยกันทุกคน ยิ่งมีอายุมากความตายก็ยิ่งใกล้เข้ามา ถ้าเราไม่ประมาทก็ไม่ควรสนใจหลงใหลในลาภยศสรรเสริญ

เวลา นี้ก็มองเห็นแล้วว่าเพื่อนๆ ทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกัน และรุ่นน้องที่รักใคร่สนิทสนมค่อยๆ น้อยลง เพราะต่างก็ทยอยกันจากโลกนี้หายไปอย่างไม่มีวันกลับ ทิ้งแต่เพียงซากบรรจุไว้ในหีบศพที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม พร้อมทั้งดอกไม้นานาชนิด แต่ภายในมีซากที่เหม็นเน่าเป็นที่รังเกียจของผู้ที่เคยรักใคร่มาก่อน ตั้งใจเพื่อให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ดูต่อไป ได้มีโอกาสยืนสงบจิตบนฌาปนสถาน แล้วพิจารณาถึงความจริงของชีวิต ตัวเราก็ต้องถึงเวลาเหมือนกัน เป็นตัวอย่างดีเตือนไม่ให้เราประมาท ก่อนที่ร่างนั้นจะนำเข้าเตาเผาไหม้เป็นเถ้าถ่าน

เมื่อ อายุมากขึ้นก็ยิ่งได้รับบัตรเชิญขอบดำมากยิ่งขึ้น ยิ่งได้รับมากเท่าใดเพื่อนฝูงที่รักใคร่สนิทสนมก็ค่อยๆ หายไปมากเท่านั้น และวันหนึ่งข้างหน้าก็จะมาถึงเราอย่างแน่นอน จะต้องละทิ้งทรัพย์สมบัติและสิ่งที่รักหวงแหน ไม่มีอะไรที่จะนำติดตัวไปได้ นอกจากชั่วดีบุญบาปที่จะเป็นเงานำทางไปสู่ทุกข์ในภพหน้าตามกฎแห่งกรรม เมื่อเราใช้ปัญญาพิจารณารู้ความจริงแล้ว ความตายก็ไม่เป็นของที่น่ากลัว

ฉะนั้น ปัจจุบันนี้ สิ่งที่ผมต้องการคือ อยากศึกษาหาความรู้ในทางธรรม เพื่อจะได้ใช้ชีวิตบั้นปลาย เพื่อหาทางว่าจะทำอย่างไรจึงจะจากโลกนี้ไปได้อย่างสงบและสะดวกสบายและก็ได้ อาศัยตำรับตำรา พระธรรมคำสั่งสอนที่ผู้ทรงความรู้บางท่านได้เขียนขึ้น และบางท่านก็ได้แปลมาจากภาษาบาลี เป็นหลักที่จะศึกษาปฏิบัติต่อไป ตำราที่มีค่ายิ่งเหล่านี้ได้มีผู้กรุณาส่งมาให้เป็นจำนวนมาก นับว่าเป็นพระคุณอย่างยิ่งและมีค่ามาก สำหรับเหตุผลของผมก็มีเพียงเท่านี้แหละครับ"

อดีต ข้าราชการท่านยิ้มแล้วพูดว่า "นี่เป็นเรื่องที่น่าคิดมากสำหรับผู้ที่มีจิตเป็นกุศลอยู่แล้ว เป็นประโยชน์กับบุคคลทุกรุ่นทุกวัย นับเป็นสิ่งเตือนใจได้ดี ไม่ให้ประมาทหลงใหลใน รูป รส กลิ่น เสียง แต่สำหรับผู้ที่หมกมุ่นอยู่ในโลกีย์ ยังมัวเมาในยศศักดิ์อำนาจวาสนาแวดล้อมด้วยสุรานารี เหมือนอยู่ในวิมานเมืองฟ้าเพราะท่านยังอยู่ในท่ามกลางโลกียสุข ต้องการสิ่งใดก็ได้ทุกอย่าง เพียงแต่ออกปากอยากได้อะไร สิ่งนั้นก็มีมาพร้อมเพื่อบำรุงบำเรอในความสุขทางโลก จึงไม่มีเวลาที่จะพิจารณาความจริง จึงอยู่ในความประมาท คงไม่ยอมถือหลักความจริงที่ว่า คนเราทุกคนที่เกิดมาแล้วย่อมหนีความตายไม่พ้น ท่านเหล่านี้ เป็นพวกที่น่าสงสารมาก เพราะยังมัวเมาในกิเลสยังหลงว่าเป็นความสุขมองไม่เห็นทุกข์"

เมื่อ อดีตราชการพูดด้วยความเศร้าใจ แล้วก็หันมาพูดกับข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่งว่า "คุณมีอะไรเป็นข้อเตือนใจในตอนท้ายการสนทนา ที่เป็นคติบ้างไหม"

ข้าพเจ้า จึงบอกว่า "ผมอยากจะฝากข้อคิดของสมัยก่อนที่ผมยังจำได้ ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็กมาจนถึงทุกวันนี้ คนสมัยก่อนให้ข้อเตือนใจว่าจะชมเมียว่าดีเลิศ ก็ให้ชมเมื่อตายจากไปแล้ว นี่เป็นคติเตือนใจของคนรุ่นเก่าที่น่าคิด เพราะคนที่ตายแล้วไม่มีโอกาสจะสร้างความดีหรือความชั่วต่อไป เป็นการสอนให้เดินสายกลาง หากผู้ตายจากไปแล้ว มีความดีจะยกย่องชมเชยเลิศลอยประการใดก็ทำได้ และเคยยกตัวอย่างให้ฟัง"

เมื่อ สมัยก่อนมีภิกษุทรงศีลบริสุทธิ์ เพราะท่านบวชตั้งแต่เป็นเณรแล้วเป็นพระ ต่อมาก็ได้เป็นสมภารเจ้าวัดมีชาวพุทธเคารพนับถือกันมาก ชาวบ้านท่านก็ทุ่มเทชีวิตจิตใจเลื่อมใสศรัทธา เหมือนว่าท่านจะอยู่เหนือสิ่งใดๆ และท่านจะต้องครองผ้ากาสาวพัตร์ตลอดไปไม่มีสิ้นสุด พระรูปนั้นท่านก็รู้ดีว่า พระธรรมวินัย กับการปฏิบัติ เมื่อแยกกันแล้วก็ไม่ได้ผล เมื่อท่านเกิดประมาทไปหลงใน รูป รส กลิ่น เสียง ท่านจึงคิดว่าถ้าอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์ต่อไป ก็จะทำให้พระศาสนามัวหมอง จึงบอกญาติโยมว่าจะขอสึกออกมาครองเรือน

เป็น ธรรมดาญาติโยมเคยเคารพอย่างฝังจิตใจกับท่าน ก็พากันตีโพยตีพาย เสียอกเสียใจเสียดายท่านที่จะสึก มิได้พิจารณาดูเหตุผลว่า ท่านได้ประพฤติชอบไม่ผิดพระธรรมวินัย แต่สมัยก่อนถือว่า การติเตียนพระสงฆ์ถือว่าบาป เลยถือเอาคติเตือนนี้มาเปรียบเทียบ แต่ผมก็เห็นว่าเหตุผลยังไม่ไกลนัก หากแต่ได้ยินคนรุ่นเก่าเล่ามา ผมก็เล่าไปจะผิดถูกประการใด ต้องขออภัยด้วย แต่เรื่องชนิดนี้เกิดขึ้นน้อยครั้ง เพราะตามธรรมดาเมื่อรู้ว่ามีผู้เคารพนับถือยกย่องความดีย่อมจะไม่ประมาท ย่อมจะพยายามทำความดียิ่งขึ้น เป็นการรักษาความดีตลอดไป"

ข้าพเจ้า พูดได้แค่นี้คนในบ้านก็เข้ามาบอกว่า บัดนี้ มีอาหารเที่ยงได้จัดไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเชิญไปที่ห้องอาหาร เมื่อข้าพเจ้ามองดูนาฬิกาก็เห็นว่าเลยเวลาเที่ยงมานานแล้ว และรู้สึกว่าในการสนทนาในวันนี้ ได้รับความเพลิดเพลินตลอดเวลา และข้าพเจ้าก็ได้เล่าเรื่อง กีฬาที่ผิดศีล ซึ่งเป็นชีวิตที่ผ่านมาของข้าพเจ้าแล้ว หลังอาหารเที่ยงท่านจะได้ฟังเรื่องชีวิตที่ผ่านมาของนายแพทย์ต่อไป ในเรื่องสวรรค์ของคนบาป



พระพุทธองค์ทรงสอนเวไนยสัตว์
ให้ปฏิบัติตามศีลในศาสนา
ศีลข้อหนึ่งพึงยึดมั่นชั่วชีวา
อย่าทรมาฆ่าสัตว์วิรัติกรรม
ชีวิตสัตว์หรือคนล้วนมีค่า
ต่างเกิดมาใช้เวรอย่าเห็นจำ
ทำตามพุทธบัญญัติไตรรัตน์ธรรม
กุศลนำอภัยทานสราญใจ


ท.เลียงพิบูลย์




 

หมายเลขบันทึก: 221392เขียนเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2008 15:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มกราคม 2013 19:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

-นมัสการค่ะ

-ครูต้อยแวะมารับธรรมะเตือนสติตัวเองค่ะ

-กราบลาค่ะ

 

P

 

  • ธรรมสวัสดีโยม krutoi
  • อนุโมทนาสาธุ ธรรมรักษา
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท