มะนาว : เพลี้ยไฟไรแดง หรือแพ้ยาเคมีกำจัดศัตรูพื


เพลี้ยไฟไรแดง, สภาพดินเสื่อมเสีย ต้นอ่อนแอ อมโรค

จัดว่าอยู่เคียงคู่ครัวเรือนมานานแสนนานและยังคงอยู่ตลอดไป เพราะว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากจริง ๆ มากเสียจนไม่สามารถที่จะขาดหายไปจากครัวเรือนได้เลย... สิ่งที่ได้กล่าวถึงนั้นก็คือมะนาวนั่นเอง! ซึ่งไม่ว่าราคาจะถูกหรือแพงเพียงใด แม่บ้านต่างต้องซื้อหาติดครัวไว้เสมอ เพราะสามารถที่จะนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเภทต้มยำ ทำแกงยิ่งจำเป็น แต่ใครจะรู้บ้างว่าปัจจุบันนี้ สวนมะนาวนั้นลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ เพราะการปลูกการผลิตที่แสนจะลำบาก ยุ่งยาก โรคแมลงรบกวนการดูแลรักษาจัดได้ว่ายากพอ ๆ กับการปลูกส้มเขียวหวานเหมือนทุ่งรังสิตในอดีตเลยทีเดียว  

ปัจจุบันเกษตรกรอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ที่ยังคงยึดอาชีพทำสวนมะนาวกันอยู่ก็พอมีอยู่บ้าง แต่ก็จัดว่าไม่มากไม่มายเหมือนในอดีตซึ่งถือว่าที่นี่เป็นแหล่งผลิตมะนาวรายใหญ่ระดับประเทศที่หนึ่งเลยทีเดียว ในปัจจุบันได้ล้มละลายสูญหายไปเยอะพอสมควร เพราะรูปแบบการผลิตส่วนใหญ่อิงกับการใช้ยาหรือสารเคมีในการป้องกันกำจัดโรคแมลงทำให้สภาพดินเสื่อมเสีย ต้นอ่อนแอ อมโรค การเจริญเติบโตถดถอยเพราะพื้นดินได้รับการซึมซับสารที่เป็นโทษมากกว่าเป็นประโยชน์แก่ต้นมะนาว ไม่ว่าจะเป็น ยาฆ่าหญ้า ยารักษาโรคแคงเกอร์ (คอปเปอร์) ยากำจัดศัตรูพืช จึงทำให้ระบบนิเวศน์พังทลาย ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่จะคอยช่วยกันปกปักษ์รักษาความสมดุลย์ให้แก่กันและกัน จนในที่สุดความจริงก็ได้พิสูจน์ให้เห็นกันแล้วว่า ไม่ว่าจะใช้ยาหรือสารเคมีกำจัดโรคและแมลงกันอย่างไร โรคภัยต่างๆ ของมะนาวก็ยังคงอยู่ แต่ต้นมะนาวกลับมีแต่สภาพที่เสื่อมโทรมล้มตายลงไปแทน เพราะเพียงแค่ก้าวผิด เดินผิดมาตั้งแต่ต้นนั่นเอง

สวนมะนาวที่ใช้เทคนิคและวิธีการดูแลสวนแบบที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษแนะนำนั้น ส่วนมากจะยังคงอยู่และทำต่อมาอย่างยั่งยืนและมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะได้เน้นถึงวิธีการและรูปแบบที่ปลอดสารพิษ รักษาความสมดุลของระบบนิเวศน์ การฉีดพ่นยาฆ่าแมลงก็ไม่ใช้ และยังสามารถรักษาผลผลิตให้เพิ่มมากขึ้นโดยไม่สูญเสียหรือลดน้อยลงไป

มีเกษตรกรบางท่านได้เข้ามาขอคำปรึกษาและได้เชิญชวนให้ไปดูสวนมะนาวของตนเอง เพราะทราบข่าวจากสวนของเพื่อนบ้านว่ามีทีมนักวิชาการจากชมรมเกษตรปลอดสารพิษได้เข้ามาดูแลให้คำแนะนำปรึกษาอยู่ ซึ่งปรากฎว่ามะนาวของเขาสภาพโดยทั่วไปนั้นขาดสารอาหาร สภาพต้นไม่สมบูรณ์ มีบางส่วนเป็นแคงเกอร์ ผลเล็ก แห้งเหี่ยว เหลืองและร่วง และมีกรณีศึกษาที่น่าสนใจและชาวสวนมะนาวต้องระวังคือ มะนาวของเขามีลักษณะอาการผิวลอก บวมพอง เปลือกลายมีรอยขีดข่วนเป็นทาง ซึ่งเกษตรกรได้แจ้งว่าได้มีเซลล์จากบริษัทยาเคมีได้เข้ามาดูชี้แจงและบอกกล่าวว่ามีต้นเหตุมาจากเพลี้ยไฟไรแดง ซึ่งในหลายสวนก็หลงเชื่อและการทำการซื้อยาเคมีจากบริษัทดังกล่าวมารักษาฉีดพ่นกันหลายราย แต่ผลปรากฏว่ายิ่งฉีด...ยิ่งเป็น...ยิ่งฉีด...ก็ยิ่งเป็นจนไม่รู้จะทำยังไงดี เพราะไม่ว่าจะใช้สารเคมีฉีดเพิ่มเข้าไปอย่างไร...ก็ปรากฏว่าเจ้าเพลี้ยไฟไรแดงดังที่กล่าวอ้างก็ไม่ได้ลดการระบาดลง ในที่สุดคุณสามารถ  บุญจรัสนักวิชาการจากชมรมเกษตรปลอดสารพิษ (081-646-0212) ได้นำมาผลของมะนาวมาวิเคราะห์และตรวจดูพบว่า ไม่ใช่เกิดจากสาเหตุของเพลี้ยไฟไรแดง แต่เป็นการแพ้สารเคมีและกลุ่มของสารจับใบ เพราะเมื่อนำผิวของลูกมะนาวมาขูดปรากฎว่าร่อนและลอกออกโดยง่าย และที่สำคัญอาการของโรคนั้นเกิดแต่เพียงผลของมะนาวเพียงอย่างเดียว ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริง ที่ว่าถ้าเกิดมีการระบาดของเพลี้ยไฟไรแดงจริง ยอดและใบอ่อนของมะนาวจะต้องหงิกงอและเสียหายไปด้วยแต่นี้ไม่เป็นเช่นนั้น คุณสามารถ จึงแนะนำให้หยุดการใช้สารเคมีและใช้วิธีการแบบปลอดสารพิษแทน ทำให้ผลมะนาวที่ว่าถูกทำลายโดยเพลี้ยไฟกลับมามีผลเขียว สดใส สวยงามเหมือนเดิม

มนตรี   บุญจรัส

www.thaigreenagro.com

หมายเลขบันทึก: 221017เขียนเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2008 19:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 กันยายน 2012 09:28 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (34)
  • ตอนนี้ที่ท่ายางผมไม่เห็นว่าสวนมะนาวจะลดลงครับ(หรือสมัยก่อนมีมากกว่านี้?) มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  • ตราบใดที่ยังปลูกพืชเชิงเดี่ยว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะรอดพ้นจากโรคและแมลงระบาดครับ
  • ปัญหาหลักๆ ในส่วนของศัตรูพืชของชาวสวนมะนาวท่ายางคือเพลี้ยไฟครับ(ซึ่งในปีนี้ระบาดหน้าฝนด้วย ทำให้ทุกคนงงกันใหญ่) ซึ่งพ่นยาเคมีค่อนข้างถี่และมาก อีกทั้งสารเคมีธรรมดาไม่อาจให้ผลเป็นที่น่าพอใจ จึงหันไปใช้ประเภทยาเคมีผสมหรือยามิกซ์ ทำให้ศัตรูพืชยิ่งดื้อยาเข้าไปอีก อีกทั้งเกษตรกรใช้ยาไม่เป็น หมายถึงไม่เข้าใจถึง วงจรชีวิตของศัตรูมะนาว ไม่เข้าใจยาเคมี ที่ผมเห็นเขาใช้ตามที่ร้านค้าจัดชุดให้
  • มะนาว เหลือง เหี่ยว -> ร่วง -> ผลเล็ก ->ต้นไม่สมบูรณ์เพราะขาดธาตุอาหารจริงครับ แต่ต้นเหตุคือ "ดิน" ครับ ที่เหลืองเหี่ยวเพราะฝนชุกทำให้ดินชื้นแฉะท่วมขัง รากดูดอาหารไม่ได้ หายใจไม่ได้ ก็เหลืองครับ ตามด้วยเหี่ยว ผลร่วง ผลเล็ก ต้นไม่สมบูรณ์เพราะขาดอาหาร
  • เชื่อเถอะครับว่าเกษตรกรที่นั่นเขาไม่ยึดติดบริษัทใดบริษัทหนึ่ง หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หรือร้านใดร้านหนึ่ง เขาแค่ทำอย่างไรก็ได้ วิธีไหนก็ได้ที่จะทำให้มะนาวติดลูกดี ลูกไม่ร่วง ลูกโต น้ำหนักดี
  • เพราะฉะนั้นเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดสารพิษ ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีของเกษตรกรสวนมะนาวท่ายางในตอนนี้ เพราะเหตุผลข้างต้น
  • ซึ่งถ้าจะให้เกษตรกรยอมรับมะนาวปลอดสารพิษ จึงน่าจะใช้เวลาพอสมควร ที่สำคัญต้องทำแปลงตัวอย่างให้เกิดผลจริงๆ ให้เกษตรกรเห็นจริงๆ ถ้าสามารถทำไ้ด้ก็น่าจะมีคนทำตามมากขึ้นครับ

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับความคิดเห็นที่เสนอแนะติติงเข้ามา(ต้องบอกว่าดีใจมากจริง ๆ ครับที่ยังมีเพื่อนๆ สมาชิกที่อ่านและให้ความสนใจในบทความ)

บทความ เรื่อง มะนาว : เพลี้ยไฟไรแดงหรือแพ้ยาเคมีกำจัดศัตรูพืช นั้น เป็นเพียงเรื่องราวส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ ที่ได้ประสบพบเจอมาและก็เขียนเพื่อให้เกษตรกรผู้ปลูกมะนาวจะได้ระมัดระวัง และไม่หลงทาง เมื่อเจอกับเหตุการณ์หรือปัญหาดังที่ได้เขียนไว้นี้ครับ

ส่วนในเรื่องของรูปแบบการทำเกษตรแบบปลอดสารพิษนั้น เราไม่ได้ละทิ้งหรือเน้นรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเป็นการเฉพาะครับ .....จะเน้นให้เกษตรกรปฏิบัติไปทีเดียวพร้อมกันทั้งระบบเลยครับ...คือ ต้องสร้างหรือปรับปรุงดินให้มีชีวิตเสียก่อนเหมือนดินในป่าเปิดใหม่...น้ำที่จะใช้ในการเกษตรก็ต้องตรวจวัด....อาหารของพืชก็ต้องดูแลจัดการให้ครบห้าหมู่....เน้นสร้างภูมิคุ้มกันและสร้างความแข็งแกร่งโดยให้กลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟที่มีแร่ธาตุพิเศษคือ ซิลิก้า...โรคและแมลงก็ใช้วิธีการรักษาแบบปลอดสารพิษโดยไม่ให้ใช้ยาฆ่าแมลงเลยแม้แต่หยดเดียว... ซึ่งรายละเอียดหรือรูปแบบที่เราส่งเสริมอยู่นั้นท่านสามารถุเข้าไปดูได้ที่ www.thaigreenagro.com นะครับ

อ้อ....เกือบลืมไป...ขอแก้ไข คำว่าห้าหมู่ก่อนนะครับ....เพราะส่วนมากจะใช้คำพูดลักษณะนี้กับกลุ่มเกษตรเพื่อให้เกิดการสื่อสารที่เข้าใจได้ง่ายครับ

คำว่าจัดการเรื่องธาตุอาหารให้ครบห้าหมู่ของพืชคือ ดูว่าในดินนั้นมีธาตุอาหารอะไรบ้าง และใส่เสริมเพิ่มเติมลงไปเมื่อสภาพของพื้นดินหรือพืชนั้นขาดแคลน เช่น

ธาตุหลัก = ไนโตรเจน, ฟอสฟอรัส, โพแทสเซียม

ธาตุรอง = แคลเซียม, แมกนีเซียม, กำมะถัน

ธาตุอาหารเสริม หรือจุลธาตุ พืชใช้นิดเดียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพืชจะสามารถขาดมันได้นะครับ ยังไง ๆ ก็ต้องเพิ่มเติมเข้าไปให้ครบครัน เพราะเราปลูกพืชส่วนใหญ่ในเชิงการค้า จึงต้องบำรุงให้ต้นมีความสมบูรณ์ต่อการผลิตดอกออกผลอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้ สรุปว่าถ้าต้องการ ผลผลิตจากขากมาก ๆ ก็ต้องให้เขากินอิ่มและเพียงพออยู่เสมอด้วย

ส่วนธาตุพิเศษ (มิได้หมายถึงวิเศษมหัศจรรย์นะครับ) คำว่าพิเศษคือ พืชสามารถที่จะมีหรือไม่มีมันก็ได้ แต่ถ้าทำให้พืชได้รับธาตุอาหารพิเศษนี้ก็ดีกว่าไม่ได้รับ โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องไม่แพงเกินไปด้วย นั่นก็คือ ธาตุ ซิลิคอน (ซิลิก้า, ซิลิสิคแอซิด, ซิลิเกตุ) และไคโตซาน ซึ่งแร่ธาตุทั้งสองตัวที่เสริมเข้าไปนี้เน้นการเจริญเติบโตและสร้างความภูมิคุ้มกันในการเข้าทำลายของโรคพืชต่างๆ ได้ดี เปรียบเทียบเหมือนกับเรากินอาหารเสริมจากบริษัทขายตรง บางบริษัท ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราซื้อมากินย่อมดีแน่นอน แต่ติดปัญหาที่ว่า ถ้าได้รับหรือกินอาหารเสริมจากบริษัทขายตรงดังกล่าวแล้ว...มันเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อเดือนกับเราเพิ่มมากขึ้นจนเรารับไหวไหม...ถ้ารับไหวก็ดี..แต่ถ้ากินแล้วทำให้ครอบครัวเดือดร้อน..เพราะค่าใช้จ่ายโดยรวมสำหรับครอบครัวเพิ่มขึ้นก็ไม่ควรที่จะซื้อหรือบริโภค...แต่สำหรับธาตุอาหารพิเศษสองตัวนี้...สามารถที่จะทำให้พืชมีความแข็งแกร่งต้านทานต่อหนอน แมลง เพลี้ย หนอน รา และไร ได้ดีอีกทั้งราคาการใช้ต่อปิ๊ป หรือน้ำ 20 ลิตรก็เพียง 1 บาท หรือ 2 บาทเท่านั้นครับ ทางเราจึงได้นำเข้ามาพัฒนาและส่งเสริมให้พี่น้องเกษตรกรได้นำไปใช้กัน

ปลูกมะนาวใบหงิกใบงอเกิดจากอะไร มีลายสีขาวพาดตามใบด้วย ใช้ไคโตซานผสมสมุนไพรฉีดแล้วไม่หาย ทำไงดี บางครั้งฉีดน้ำหมักสมุนไพรทำเองก็เอาไม่อยู่ โดยหมักฟ้าทะลายโจร สะเดา ข่า ตะไคร้หอม บอระเพ็ด ผสมกับกากน้ำตาล ฉีดพ่นทุก 3 วัน ยิ่งฉีดยิ่งเป็น ผู้รู้ช่วยหน่อย

น่าจะเป็นหนอนชอนใบครับ.......ใช้ เชื้อบีทีชีวภาพ 50 - 100 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตรฉีดพ่นทุก 7 วัน ถ้าระบาดหนักให้ลดลงเหลือ 3 วัน ครั้งครับ

ถ้าต้องการลดต้นทุนก็ให้หมักขยายโดยใช้ เชื้อบีทีชีวภาพเพียง 5 กรัมหมักขยายกับน้ำมะพร้าวอ่อน 1 ผล หรือนมยูเฮชที 1 กล่อง, หรือนมถั่วเหลือง ก็ได้ หมักทิ้งไว้ 24 - 48 ชั่วโมง แล้วนำมาผสมน้ำ 20 ลิตรฉีดพ่นช่วงเย็นแดดอ่อน รูปแบบการฉีดก็เหมือนกับวิธีข้างบนครับ

จากสมาชิกใหม่บางเลน  เริ่มปลูกมะนาวไว้ประมาณ 120 ต้นบนพื้นที่ 2 ไร่ ประมาณ 5 เดือน ความสูงประมาณ 70 - 80  ซ.ม ตอนนี้ใช้ผลิตภัณฑ์ของชมรมเกษตรปลอดสารพิษอยู่อย่างเช่น บีที,ไทเกอร์เฮิบ,สารสกัดเปลือกมังคุด,พีเอส ฟลายแก้วในเรื่องของการเกิดเชื้อราหรือแทงเกอร์และหนอนชอนใบกินใบอ่อนมะนาวอยากได้ข้อมูลปุ๋ยทางดินเสริมธาตุอาหารให้กับต้นพืชมีอะไรบ้างเพราะปัจจุบันใส่ปุ๋ยชีวภาพทุกเดือนๆละครั้ง ผมไม่ชอบสารเคมีเพราะเป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ขอบคุณมากครับ

จากสมาชิกใหม่บางเลน ถ้าเพื่อนสมาชิกมีอะไรแนะนำก็ยินดีรับข้อมูลเพื่อนำไปใช้กับสวนมะนาวของกระผมครับ จากเกษตรมือใหม่

หนอนเจาะลำต้นจนเหี่ยว มีขี้ขาว ๆจากรู จะใช้ยาอะไรดื

ปลูกข้าว กข 15 เกิดเมล็ดด่าง ใบไหม้ ข้าวหักคอรวง เกิดจากอะไร แก้อย่างไร เคยใช้สารเคมีฉีดพ่นเอาไม่อยู่

ส่วนปุ๋ยใช้ปุ๋ยยูเรียบ้าง ชีวภาพบ้าง ฉีดไคโตซานบ้าง หว่านปุ๋ยเคมีบ้าง ฉีดยาฆ่าหญ้า เอาไม่อยู่ และต้นทุนสูง

กรุณาหาทางแก้ให้ด้วย ขอขอบคุณ

ผมเพิ่งลองปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมน เป็นอาชีพเสริมหลังเลิกงาน อ่านบทความแล้วได้ประโยชน์มากเลย ขอบคุณมากครับสำหรับสาระดีๆ

มะนาวออกยอดใหม่แล้วใบหงิกมีจุดสีขาวค่ะ ขอความกรุณาแนะนำด้วยต้องทำยังไงดี

เกษตรกรมือใหม่ค่ะ

ตอบ ข้อ 8. คุณ "ไม่แสดงตน" จากที่ถามมาว่ามี หนอนเจาะลำต้นจนเหี่ยว มีขี้ขาว ๆจากรู จะใช้ยาอะไรดื แนะนำให้หมักเชื้อบีทีชีวภาพสูตรไข่ไก่ โดยใช้น้ำเปล่า 15 - 20 ลิตร ไข่ไก่ 5 ฟอง น้ำมันพืช 5 ช้อนแกง สเม็คไทต์ 5 ช้อนแกงและ เชื้อบีทีชีวภาพลงไป 5 - 15 กรัม (1 - 3 ช้อนชา) หมักทิ้งไว้ในถังที่อัดอากาศเหมือนกับที่ใช้กับตู้ปลาสวยงามให้ได้ 24 - 48 ชั่วโมง (ห้ามเกิน) แล้วนำมาผสมกับน้ำอีก 80 ลิตรจนครบ 100 ลิตร นำไปฉีดพ่นให้เปียกชุ่มโชกทั่วลำต้นและทรงพุ่มหลังจากนอนได้กลิ่นคาวของไข่ก็จะออกมาดูด เลียกินเชื้อบีทีและจะค่อยๆ ทยอยตายภายใน 3 - 7 วัน แต่ถ้าในเบื้องต้น มีหนอนเจาะลำต้นเข้าทำลายไม่มากก็ให้ใช้เข็มสลิงค์ดูดน้ำเชื้อบีทีขยายแล้วฉีดอัดเข้าไปตามรูของหนอนที่เจาะแล้วใช้ดินเหนียวอุด วิธีนี้ก็ได้ผลดีเช่นเดียวกันครับ

ตอบข้อ 9. คุณบัวแดง ได้ปลูกข้าว กข 15 เกิดเมล็ดด่าง ใบไหม้ ข้าวหักคอรวง เกิดจากอะไร แก้อย่างไร เคยใช้สารเคมีฉีดพ่นเอาไม่อยู่ ส่วนปุ๋ยใช้ปุ๋ยยูเรียบ้าง ชีวภาพบ้าง ฉีดไคโตซานบ้าง หว่านปุ๋ยเคมีบ้าง ฉีดยาฆ่าหญ้า เอาไม่อยู่ และต้นทุนสูง กรุณาหาทางแก้ให้ด้วย

วิธีการแก้ไข

1. เนื่องจากข้าวเป็นพืชที่ค่อนข้างมีโรคแมลงค่อนข้างเยอะและมีการใช้ ปุ๋ยเคมีมาเป็นระยะเวลานานทำให้ดินเสื่อมคุณภาพ ส่วนใหญ่มักจะเป็นกรด ไม่สามารถที่จะกักเก็บไนโตรเจน จับตรึงฟอสฟอรัส และละลายเหล็ก ทองแดง ออกมามากเกินไปจนเป็นพิษต่อต้นข้าวได้ ส่งผลทำให้ข้าวอ่อนแอ หยุดการเจริญเติบโต โรงแมลงเข้าทำลายได้ง่าย จึงควรทำการสำรวจตรวจแปลงดินและปรับปรุงค่าพีเอชของดิน ให้อยู่ระหว่าง 5.8 - 6.3 ในสภาพกรดอ่อนๆ จะช่วยทำให้ข้าวสามารถที่จะดูดกินสารอาหารในดินได้อย่างเต็มที่ ช่วยลดต้นทุนเรื่องการใส่ปุ๋ย

2. ใช้กลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟ เช่น ภูมิช, ภูมิชซัลเฟต หว่านลงแปลงนาช่วงทำเทือก ซิลิก้าจะช่วยทำให้ข้าวมีผนังเซลล์ที่แข็งแกร่ง ต้านทานต่อโรค แมลง ราไรได้อย่างดี

3 . โรคเมล็ดด่าง สาเหตุมาจากเชื้อราเป็นส่วนใหญ่ เช่น เคอร์วูลาเรีย ลูนาต้า, ฟิวซาเรียม, เซอร์โคสปอร์รา ออร์ไรเซ่ ฯลฯ ส่วนโรคใบไหม้ ก็จะมาจากเชื้อ ไพริคูลาเรีย ออร์ไรเซ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเชื้อรา สามารถใช้ ฟังก์กัสเคลียร์ (สารจุลสี ที่ใช้กำจัดตะไคร่ในสระว่ายน้ำ ทองแดง ซิลิสิค แอซิด) 2 กรัม ร่วมกับ แซนโธไนท์ (สารสกัดจากเปลือกมังคิด) 2 ซี.ซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นเพื่อยับยั้งและทำลายสปอร์ของเชื้อราให้หยุดการเจริญเติบโตและฝ่อ ใช้เชื้อจุลินทรีย์ บีเอสพลายแก้ว หม้กขยายเหมือน เชื้อบีทีชีวภาพ ฉีดพ่นเพื่อทำลายเชื้อราที่เกิดโรค ช่วยกำจัดโรคให้หยุดการลุกลาม

4. ในเรื่องของเพลี้ยและแมลง สามารถใช้ ไทเกอร์เฮิร์บ (ผงสมุนไพร ขมิ้นชัน, ฟ้าทะลายโจร, ตะไคร้หอม และไพร) ร่วมกับ จุลินทรีย์กำจัดเพลี้ย ทริปโตฝาจ (บิวเวอร์เรีย และ เมธาไรเซียม) ฉีดพ่นทุก 7 วัน สามารถแก้ปัญหาเรื่องเพลี้ย หรือเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล อีกทั้งหนอนและแมลงอื่นๆ ได้

ถ้าคุณบัวแดงต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถโทรมาคุยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 081-313-7559 นะครับ

ตอบข้อ 11. คุณนวินดา ในกรณีที่มะนาวออกยอดใหม่แล้วใบหงิกมีจุดสีขาวค่ะ ขอความกรุณาแนะนำด้วยต้องทำยังไงดี

เกษตรกรมือใหม่ค่ะ

- น่าจะเป็นในเรื่องของเพลี้ยไฟไรแดง นะครับ ส่วนจุดสีขาวถ้ามีสเก็ดนูนขึ้นมาก็อาจจะเป็นแคงเกอร์ ควรใช้จุลินทรีย์กำจัดเชื้อรา บีเอสพลายแก้ว 5 กรัมหมักกับน้ำมะพร้าวอ่อน 1 ผล ใหัได้ 24 - 48 ชั่วโมง นำมาผสมน้ำตั้งแต่ 1 -20 ลิตร ฉีดพ่นสลับกับ จุลินทรีย์ทริปโตฝาจ (จุลินทรีย์กำจัดเพลี้ย บิวเวอร์เรีย และ เมธาไรเซียม) 2- 3 ช้อนแกง ร่วมกับ ไทเกอร์เฮิร์บ (ผงสมุนไพรขมิ้นชัน, ฟ้าทะลายโจร, ตะไคร้หอม และไพร) 1 ช้อนแกง ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้เปียกชุ่มโชกเหมือนอาบน้ำก็จะแก้ปัญหานี้ได้ครับ

- อย่าลืมตรวจดินให้มีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) ให้อยู่ระหว่าง 5.8-6.3 ด้วยนะครับ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ถ้าได้ผลยังไงแล้วจะมาแจ้งให้ทราบค่ะ

อบข้อ 11. คุณนวินดา ในกรณีที่มะนาวออกยอดใหม่แล้วใบหงิกมีจุดสีขาวค่ะ ขอความกรุณาแนะนำด้วยต้องทำยังไงดี

เกษตรกรมือใหม่ค่ะ

- น่าจะเป็นในเรื่องของเพลี้ยไฟไรแดง นะครับ ส่วนจุดสีขาวถ้ามีสเก็ดนูนขึ้นมาก็อาจจะเป็นแคงเกอร์ ควรใช้จุลินทรีย์กำจัดเชื้อรา บีเอสพลายแก้ว 5 กรัมหมักกับน้ำมะพร้าวอ่อน 1 ผล ใหัได้ 24 - 48 ชั่วโมง นำมาผสมน้ำตั้งแต่ 1 -20 ลิตร ฉีดพ่นสลับกับ จุลินทรีย์ทริปโตฝาจ (จุลินทรีย์กำจัดเพลี้ย บิวเวอร์เรีย และ เมธาไรเซียม) 2- 3 ช้อนแกง ร่วมกับ ไทเกอร์เฮิร์บ (ผงสมุนไพรขมิ้นชัน, ฟ้าทะลายโจร, ตะไคร้หอม และไพร) 1 ช้อนแกง ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้เปียกชุ่มโชกเหมือนอาบน้ำก็จะแก้ปัญหานี้ได้ครับ

- อย่าลืมตรวจดินให้มีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) ให้อยู่ระหว่าง 5.8-6.3 ด้วยนะครับ

แล้วระยะห่างการพ่น bs พลายแก้วกับ ทริปโตฝาจ ต้องห่างกันกี่วันครับ

แล้วตอนนี้ มะนาวผมมีอาการใบเหลือง น่าจะเป็นโรครากเน่า ขอวิธีแก้หน่อยคับ(มะนาวเพื่งใด้ 5 เดือน)

ตอบ คุณ นันทชัย

1. ระยะห่างการฉีดพ่น บีเอสพลายแก้ว กับ ทริปโตฝาจ สามารถ ฉีดพ่นไปพร้อมกันในคราวเดียวก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากให้ประสิทธิภาพของทริปโตฝาจลดน้อยลงเลย ก็สลับกันฉีด 3 - 7วันครั้งก็ได้ครับ

2. สังเกตุรอบโคนต้นและทรงพุ่มอย่าให้มีน้ำท่วมขัง แนะนำให้ใช้ ไตรโคเดอร์ม่า 1 กำมือ หว่านกระจายรอบทรงพุ่มแล้วใช้เศษไม้ใบหญ้าคลุมทับไว้ หรือจะหมักขยายเชื้อไตรโคเดอร์ม่าเพื่อลดต้นทุน ก็ให้ใช้ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก 10 กิโลกรัม คลุกผสมกับไตรโคเดอร์ม่า 1 กิโลกรัม คลุกเคล้าให้เข้ากันเป็นทีเรียบร้อยแล้ว นำไปผสมกับ ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกอีก 40 กิโลกรัมที่พรมน้ำเตรียมไว้พอชุ่มชื้นแล้ว หมักทิ้งไว้ 3 คืน แล้วนำมาใส่รอบโคนต้น (อัตราส่วนการหมัก คือ ไตรโคเดอร์ม่า 1 กิโลกรัม ต่อปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก 50 กิโลกรัม แต่ให้แบ่งหมักทีละส่วนเพื่อให้เชื้อไตรโคเดอร์ม่ากระจายไปทั่วกอง)

(ขออภัยด้วยครับ พอดีลืม login)

ตอบ คุณ นันทชัย

1. ระยะห่างการฉีดพ่น บีเอสพลายแก้ว กับ ทริปโตฝาจ สามารถ ฉีดพ่นไปพร้อมกันในคราวเดียวก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากให้ประสิทธิภาพของทริปโตฝาจลดน้อยลงเลย ก็สลับกันฉีด 3 - 7วันครั้งก็ได้ครับ

2. สังเกตุรอบโคนต้นและทรงพุ่มอย่าให้มีน้ำท่วมขัง แนะนำให้ใช้ ไตรโคเดอร์ม่า 1 กำมือ หว่านกระจายรอบทรงพุ่มแล้วใช้เศษไม้ใบหญ้าคลุมทับไว้ หรือจะหมักขยายเชื้อไตรโคเดอร์ม่าเพื่อลดต้นทุน ก็ให้ใช้ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก 10 กิโลกรัม คลุกผสมกับไตรโคเดอร์ม่า 1 กิโลกรัม คลุกเคล้าให้เข้ากันเป็นทีเรียบร้อยแล้ว นำไปผสมกับ ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกอีก 40 กิโลกรัมที่พรมน้ำเตรียมไว้พอชุ่มชื้นแล้ว หมักทิ้งไว้ 3 คืน แล้วนำมาใส่รอบโคนต้น (อัตราส่วนการหมัก คือ ไตรโคเดอร์ม่า 1 กิโลกรัม ต่อปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก 50 กิโลกรัม แต่ให้แบ่งหมักทีละส่วนเพื่อให้เชื้อไตรโคเดอร์ม่ากระจายไปทั่วกอง)

ดิฉันเพิ่งปลูกมะนาวได้ประมาณ 1 เดือนค่ะ ตอนนี้มะนาวเริ่มแตกใบอ่อน และมีหนอนชอนใบ และใบมีลักษณะม้วน ดิฉันดูแล้วในใบมะนาวที่ม้วน ๆ นั้น มีแมลงมุม อยู่ในนั้นค่ะ ดิฉันจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไรคะ แล้วเชื้อบีทีชีวภาพ ดิฉันหาซื้อที่ไหนได้บ้างค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

คุณเบญญาภา สามารถใช้เบื้อบีทีชีวภาพ หาซื้อไดที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ หรือสาขาตัวแทนใกล้บ้าน (ดูรายชื่อตัวแทนจำหน่ายได้ที่นี่ http://www.thaigreenagro.com/agency/agencyList.aspx) ซึ่งเชื้อบีทีชีวภาพจะเป็นอันตรายเฉพาะแต่เพียงหนอนเท่านั้น สิ่งมีชีวิตอื่นๆ จะไม่ได้รับอันตรายครับ

การขยายเชื้อพลายแก้ว

การขยายพลายแก้ว สามารถขยายกับกากน้ำตาล ได้รึเปล่า

และถ้าขยายกับไข่ เราปล่อยไปกับระบบน้ำสปริงเกอร์ จะมีผลอย่างไรหรือเปล่า

สามารถขยายได้อยู่เหมือนกันครับ....แต่ไม่ใช่วิธีการที่ทางชมรมเกษตรปลอดสารพิษส่งเสริม....เพราะจากผลที่ได้จากการทดสอบปรากฎว่ามีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์อย่างเช่น รา และแบคทีเรียชนิดต่างๆเจริญเติบโตเพิ่มเข้ามามากมาย ทำให้เชื้อที่คัดเลือกไว้บริสุทธิดีแล้วอย่างเช่น บีเอสพลายแก้ว บีทีชีวภาพ ไมโตฟากัส จะเจริญเติบโตได้ช้าและมีจำนวนน้อยกว่าจุลินทรีย์ที่โตก่อนหน้า

เมื่อขยายกับไข่แล้วปล่อยไปกับระบบน้ำสปริงเกอร์ ก็จะได้ผลตามที่น้ำพาไปครับ พาไปที่ใบ ก็จะทำงานที่ใบ พาไปที่ระบบรากก็จะทำงานที่รากครับ

ขอถามเรื่องการขยายเชื้อ B.T. B.S. และ ไมโตฟากัส ครับ คือเวลาผมขยายเชื้อ จะใช้

- ไข่ไก่ 2 ฟอง

- นมเปรี้ยว 1 ขวด

- นมจืด 1 กล่อง

- น้ำเปล่า เติมจนได้ 2/3 ของขวดน้ำอัดลม

- หัวเชื้อ 1 ช้อนโต๊ะ(B.S. และ B.T.) หรือ 1 ช้อนชา(ไมโตฟากัส)

ผมไม่มึปั๊มอ๊อกซิเจน แต่ตอนผมหมัก ผมจะไม่ปิดฝาขวด แต่ใช้ถุงพลาสติกมาครอบไว้แทนครับ เพื่อให้อากาศเข้าได้ แต่ไม่ให้ขี้ฝุ่นเข้า ที่ใช้ส่วนผสมนี้เพราะไม่สะดวกหามะพร้าวอ่อนครับ แล้วส่วนผสมทุกอย่างมีติดบ้านอยู่ตลอด

ไม่ทราบว่าทำแบบนี้แล้วเป็นวิธีที่ถูกหรือเปล่าครับ ทั้งส่วนผสม และวิธีการ ?

แล้วหลังจากที่เราขยายเชื้อแล้ว สามารถเก็บในตู้เย็นไว้ได้นานแค่ไหนครับ ?

เวลาเอาไปใช้ ควรผสมน้ำในอัตราส่วนเท่าไหร่ครับ ?

1. ไม่ทราบว่าทำแบบนี้แล้วเป็นวิธีที่ถูกหรือเปล่าครับ ทั้งส่วนผสม และวิธีการ ?

ตอบ. ไม่ถูกวิธี และวิธีการ แบบชมรมฯครับ แต่ก็สามารถนำไปใช้ได้ครับ (ผลลัพธ์ในแบบฉบับของตนเอง)

2. แล้วหลังจากที่เราขยายเชื้อแล้ว สามารถเก็บในตู้เย็นไว้ได้นานแค่ไหนครับ ?

ตอบ. ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ไม่เคยแนะนำให้เกษตรหมักขยายเชื้อแล้วนำไปแช่ตู้เย็น เพราะระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุด (Active) เราจะให้เกษตรกรรีบนำไปใช้ในทันที

3. เวลาเอาไปใช้ ควรผสมน้ำในอัตราส่วนเท่าไหร่ครับ ?

ตอบ. สูตรของคุณ ta ก็ต่อน้ำ 20 ลิตรครับ

ท่านสามารถใช้สูตรที่ชมรมฯ เผยแพร่ได้ดังนี้ : เชื้อบีที , บีเอสพลายแก้ว และไมโตฟากัส ใช้วิธีการหมักขยายเหมือนกัน

การขยาย (ยาเชื้อบีที) ฆ่าหนอนผัก

1. ปัญหาผักและสารพิษตกค้าง ผักที่ปลูกในไทยมีปัญหาสารพิษตกค้าง เกิดจากการดูดสารพิษในดิน และการฉีดพ่นสารพิษโดยเฉพาะอย่างยิ่งยาฆ่าแมลง เพราะแมลงทำลายผัก แมลงที่ทำให้ยามากและใช้บ่อยคือหนอนหนังเหนียว หนอนกระทู้ หนอนใยผัก หนอนคืบ การพ่นยาฆ่าแมลงเป็นเหตุให้มีอันตรายต่อผู้ฉีดพ่นยา, คนกินผัก ,สิ่งแวดล้อมและการส่งผักขายต่างประเทศ

2. การลดแมลงศัตรูผักโดยวิธีต่าง ๆ ใช้แสงไฟล่อแมลงออกจากแปลงปลูก , ล่อด้วยกระดาษเหลืองกาวเหนียว , เพาะขยายตัวห้ำ ตัวเบียนกินแมลง , ปรับกรด-ด่างของดินให้ได้พีเอช 5.8-6.3 เพิ่มซิลิกอนที่ละลายได้ให้แก่ดินและใช้เชื้อโรคของหนอนเช่น ไส้เดือนฝอย ไวรัส และบักเตรี บาซิลัส ธูรินเจนสิส หรือเรียกยอๆ ว่า บีที

3. การใช้บีทีสำเร็จรูป มีผู้ผลิตเชื้อ บาซิลัส ธูรินเจนสิส สายพันธุ์ต่าง ๆเพื่อใช้ฆ่าหนอนตามชนิดและสายพันธุ์ที่ระบุไว้ในฉลาก , มีทั้งชนิดผงและชนิดน้ำ , มีหลายบริษัททั้งผลิตในประเทศและนำเข้ามาจากต่างประเทศ ราคาจำหน่ายให้เกษตรกรส่วนมากอยู่ในราคาระดับแพง ตั้งแต่ราคากิโลกรัมละ 500 – 1000 บาท อัตราผสมน้ำมีตั้งแต่ 50-80 กรัมหรือซีซี /น้ำ 20 ลิตร ทำให้ 1 ไร่เสียเงิน 300-400บาท และมักให้ใช้ทุก 3-5 วัน นับว่าสิ้นเปลืองมาก การขยายเชื้อจะช่วยให้ประหยัดได้

4.ขยายเชื้อบีทีด้วยมะพร้าวอ่อน ใช้มะพร้าวอ่อน 1 ผล เจาะเปิดฝาแง้มพอใส่เชื้อลงไปได้ ใส่เชื้อบีที 1 ช้อนชา ( 1ซอง ) ปิดฝาทิ้งไว้ 1-2 วัน นำมาผสมน้ำได้ 20 ลิตร

5.ขยายเชื้อบีทีด้วยน้ำมะพร้าวแก่จากตลาด นำน้ำมะพร้าวแก่จากตลาดมาต้มให้เดือด 5 นาที ช้อนฟองทิ้ง ตั้งให้เย็น ใส่เชื้อบีที 5 ช้อนชา ( 5 ซอง ) ต่อน้ำมะพร้าว 15 ลิตร (ถ้าน้ำมะพร้าวไม่พอเติมน้ำเปล่าจนได้รวม 15 ลิตรก่อนต้ม ) ให้อากาศแบบที่ใช้ในตู้ปลา 24 ชั่วโมง,นำไปผสมกับน้ำได้รวม 100 ลิตร สำหรับฉีดพ่น

6. ขยายเชื้อบีทีด้วยนมข้นหวานและน้ำตาลทราย ใช้น้ำ 15 ลิตร เติมนมข้นหวาน 1 กระป๋อง น้ำตาลทราย 3 ช้อน เชื้อบีที 5 ช้อนชาหรือ 5 ซอง ให้อากาศแบบตู้ปลา 24 ชั่วโมง สามารถใช้ผสมน้ำได้ 100 ลิตรหรือ 5 ปี๊ป

7. ขยายเชื้อบีทีด้วยไข่ไก่สด ใช้น้ำ 15 ลิตร ไข่ไก่ 5 ฟอง เชื้อบีที 5 ช้อนชาหรือ 5 ซอง สเม็คไทต์ 5 ขีด (500 กรัม) น้ำมันพืช 1.5-2 ช้อนชา เป่าอากาศแบบตู้ปลา 24 ชั่วโมง ใช้ผสมน้ำ 5 ปี๊ป ( 100 ลิตร )

8. การขยายพลายแก้วด้วยนมกล่อง ใช้นมกล่องพาสเจอร์ไลท์ตามท้องตลาดทั่วไป 1 กล่อง (250 ซี.ซี.) เปิดฝาออกให้เทเชื้อใส่ได้ เติมเชื้อพลายแก้ว 1 ซอง (5 กรัม) หมักทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงมาผสมน้ำได้

9. ขยายเชื้อบีทีด้วยแป้ง อยู่ระหว่างการทดลอง

10. ฉีดพ่นตอนเย็น เพื่อป้องกันเชื้อถูกทำลายด้วยยูวีในแสงแดด

11. ฉีดพ่นเปียกชุ่มโชกเหมือนอาบน้ำ เพื่อให้หนอนสามารถกินเชื้อบีทีที่ขยายออกมาได้มากเท่าที่จะมากได้

12. การเปลี่ยนแปลงในหนอน วันแรกไม่พบหนอนตาย แต่เริ่มเชื่องช้าลง วันที่ 2 หนอนเล็กๆเริ่มตายมาก วันที่ 3-4 หนอนตายเกือบหมด ยกเว้นหนอนตัวโต ๆ แบบหนอนหนังเหนียวตัวใหญ่ แต่หยุดการกินอาหารไม่ทำลายพืชอีก ตามรายงานหนอนจะไม่กลับมารบกวนอีกนับ 20 วันขึ้นไป

หนอนจะกินเชื้อบีทีเข้าไป จึงจะออกฤทธิ์ทำลายแมลง โดยทั่ว ๆ ไปจะทำลายเฉพาะตัวอ่อนของแมลงเท่านั้น เช่น ตัวหนอนหรือลูกน้ำยุงลาย จะไม่ทำลายศัตรูที่เป็นไข่และตัวเต็มวัย ยกเว้นเชื้อบีทีบางสายพันธุ์ที่ทำลายทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยของด้วงปีกแข็งบางชนิด เมื่อหนอนกินเชื้อบีทีเข้าไปในกระเพาะ น้ำย่อยในกระเพาะมีฤทธิ์เป็นด่างค่อนข้างสูงจะย่อยสลายสารพิษซึ่งอยู่ในรูป protoxin ให้เป็น active toxin (สารพิษแท้จริง) ซึ่งจะเข้าทำลายเซลล์เยื่อบุผนังกระเพาะอาหาร ทำให้ระบบการย่อยและระบบทางเดินอาหารถูกทำลาย แมลงไม่สามารถกินอาหารได้ เคลื่อนไหวช้าลง ระดับความเป็นกรด-ด่างภายในลำตัวเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เป็นอัมพาต ขากรรไกรค้าง สปอร์ของบีทีสามารถไหลผ่านจากรูแผลบนผนังกระเพาะเข้าสู่ระบบเลือด จะขยายทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้โลหิตเป็นพิษ แมลงจะตายในระยะเวลา 2-3 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของหนอนและปริมาณเชื้อที่กินเข้าไป

ขอคำปรึกษาหน่อยครับ..มะนาวที่ติดผลแล้วตอนนี้ขนาดเหรียญ 10 บาทแต่ผิวไม่ค่อยสวยเลย ขรุขระไม่เรียบมัน อยากทราบว่ามีตัวยาชนิดไหนบ้างที่จะช่วยให้ผิวดูสวยได้ครับ..

การที่มะนาวผิวขรุขระไม่สวนตั้งแต่เริ่มแรกอาจจะแก้ได้รับผลกระทบจากการฉีดพ่นสารเคมีรุนแรงและเข้มข้นมากเกินไป หรือไม่ก็อาจจะได้รับการรบกวนจากเพลี้ยไฟไรแดง และกลุ่มของเชื้อราทำให้ผิวถูกทำลายเป็นแผล ....จะมีลักษณะคล้ายแผลเป็นของมนุษย์เรานี่ล่ะครับ ไม่สามารถทำให้กลับคืนมาเหมือนเดิมได้ ก็จะขยายและลบเลือนไปตามอายุของมะนาว ถ้ามีอาการไม่มากก็จะค่อยจางหายไป แต่ถ้ามากหน่อยก็อาจจะมีร่องรอยให้เห็นครับ.....วิธีการป้องกันแก้ไขต้องหมั่นดูแลระยะดอกอย่าให้มีเพลี้ยไฟไรแดงระบาด หยุดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีฤทธิ์เป็นกรดรุนแรง หรือห้ามใช้เกินอัตราที่กำหนดไว้ข้างขวด ....ใช้กลุ่มหินแร่ภูเขาไฟ พูมิชซัลเฟอร์ เพื่อให้เซลล์แข็งแกร่งลดการเข้าทำลายของโรค แมลง เพลี้ย หนอน รา ไร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 0--2986-1680-2

เถาวัลย์สีทองเส้นเล็กละเอียดมีปุ่มเล็กๆ งอกติดในกิ่งมะนาว ระบาดสานคลุมจนมองไม่เห็นต้นมะนาว กำจัดโดยดึงทิ้งจนหมด แต่ยังมีเศษเล็กๆติดอยู่ มันฟื้นขึ้นมาอีกและคลุมมะนาวจนตายทีละต้น ช่วยแนะนำหน่วยครับว่ามันคืออะไร ป้องกันกำจัดอย่างไร

น่าจะเป็นลักษณะของสปอร์ของราไม่ชนิดใดก็ชนิดหนึ่งที่กำลังงอกเป็นเส้นใยปกคลุมขยายจำนวนแตกกิ่งก้านสาขา (mycelium). แนะนำให้ใช้ไตรโคเดอร์ม่าฉีดพ่นทุก 3-7 วันเส้นใยเหล่านั้นจะยุบหายไปแน่นอนครับ

เมือ่เราหมัก BT และ BS แล้ว หมักคนละถังกันแต่เวลานำมาพ่นสามารถที่จะผสมลงในถังฉีดพ่นด้วยกันได้หรือไม่ ตอนนี้ส่วนยอดของมะนาวหงิกดังรูป ควรจะทำยังไงค่ะ

หมักเชื้อจุลินทรีย์ปราบหนอน "บีทีชีวภาพ" แยกกับจุลินทรีย์กำจัดเชื้อราและแคงเกอร์ "บีเอสพลายแก้ว" แล้วนำมาผสมร่วมกันฉีดพ่นในตอนท้ายได้ครับ.....

ผมพึ่งปลูกมะนาวได้2เดือน ใช้เชื้อบีเอสพลายแก้ว และไตโคเดอร์ม่า สลับกับเคมี อบาแมกติน และ คอปเปอร์ ได้ไหม ขอคำแนะนำหน่อยคับ ว่าใช้ยังไง สลีบแบบไหนดี

ผมคิดว่าไม่จำเป็นแล้วนะครับ สำหรับสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (เอาไว้ถ้าจำเป็นหรือหนักมากจริงค่อยใช้) ปัจจุบันผู้ปลูกมะนาวที่เป็นสมาชิกชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เลยครับ เพียงแต่ต้องรู้จักทำความเข้าใจการปลูกมะนาวแบบปลอดสารพิษให้มากขึ้น

โดยส่วนตัวแนะนำ

  • ให้ทำดินให้มีค่าความเป็นกรดและด่างที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตคืออยู่ระหว่าง 5.8-6.3 เพื่อที่จะได้ละลายแร่ธาตุสารอาหารที่เป็นประโยชน์ออกมาให้รากดูดกินได้อย่างเต็มที่ ตามคุณภาพความอุดมสมบูรณ์ของดินในท้องถิ่นนิั้น

  • ใช้ พูมิชซัลเฟอร์ หว่านรอบทรวงพุ่มประมาณ 3 -5 กำมือต่อต้น (หมั่นเติมแร่ธาตุหินแร่ภูเขาไฟนี้ทุกครั้งหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อจำลองพื้นที่เพาะปลูกเราให้เหมือนหินแร่ภูเขาไฟ) จะช่วยทำให้มะนาวมีภูมิคุ้มกันโรคและแมลงรา ไร ง่ายต่อการป้องกันรักษาที่ปลายเหตุดีครับ

  • พืชตระกูลส้มและมะนาว มักจะมีปัญหา เรื่องโรครากเน่าโคนเน่าที่มีสาเหตุมาจากเชื้อ ฟัยท็อพธอร่า (phytophtora) ต้องพยายามเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ชนิดดีที่กินเชื้อราโรคพืชไว้โคนต้นมะนาวอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นไตรโคเดอร์ม่า และอีกโรคหนึ่งที่คลาสสิคมากๆ คือโรคแคงเกอร์ที่มีสาเหตุเกิดจากเชื้อ แซนโธโมแนส (Xanthomonas) ฉะนั้นก็จะต้องใช้ เชื้อบีเอสพลายแก้วหมั่นฉีดพ่นในช่วงหรือฤดูที่มีการระบาดเพื่อป้องกันและรักษาให้มีความถี่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน ก็จะลดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชหรือยาฆ่าแมลงลงไปได้มากครับ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 081-313-7559

ตอนนี้มะนาวกำลังเป็นแคงเกอร์ พ่นคอปเปอร์ ทุก7วัน และเสต็ปโตมัยซินทุก15วัน เอาไม่อยู่ระบาดเหมือนเดิม ส่วนหนอนชอนใบถ้าไม่พ่นอะบาแมกติน ใบก็ม้วนหมด และแมงเต่าทองมีเยอะมากมันจะกัดกินยอดและใบ ผมจะทำไงดีคับ ขอคำแนะนำแบบละเอียดหน่อยคับ ขอบคุณคับ

หยุดการใช้สารเคมี....ที่ทำลายระบบนิเวศน์ทุกอย่างจนหมด...ทำให้พืชอ่อนแอต้องพื่งพิงแต่สิ่งที่มนุษย์ป้อนให้อยู่ตลอดเวลา...กลับหลังหันมาใช้แนวทางชีวภาพ...

  • ใช้หินแร่ภูเขาไฟใส่รองพื้นจำลองพื้นที่เป็นพื้นดินที่อุดมด้วยหินแร่ภูเขาไฟเหมือนประเทศ ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย (บาหลี), ญี่ปุ่น, คาซัคสาถน ฯลฯ เพื่อให้พืชได้รับซิลิก้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับผนังเซลล์

  • ใช้บีเอสพลายแก้ว ทดแทนสารคอปเปอร์ที่ฉีดกันจนต้นเขียวมามากกว่าสามสิบปี ทุ่งบางมด, ย้ายมาทุ่งรังสิต, ทุ่งนครสวรรค์ ยังทุ่งกำแพงเพชร (คอปเปอร์ยังอยู่แต่ต้นส้มและพืชตระกูลส้มต่างๆ อยู่ไม่ได้ต้องย้ายไปเรื่อยๆ...บ่งบอกถึงผลลัพธ์ที่ใช้ไม่ได้ผล) เพราะการใช้แนวทางชีวภาพ ระยะยาวจะบำรุงดูแลรักษาได้ง่ายกว่า

  • ใช้เชื้อบีทีชีวภาพปราบหนอน, ใช้จุลินทรีย์ ทริปโตฝาจ กำจัดเพลี้ยและกลุ่มแมลงปากดูด, ใช้ ไทเกอร์เฮิร์บ (สมุนไพรไล่แมลง) ป้องกันการวางไข่, ใช้ มาร์โก้ซีด (สะเดา) ทำให้ไข่ฝ่อ ตัวอ่อนลอกคราบไม่ออก ฯลฯ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 081-313-7559

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท