เมื่อเราเกิดมา วัน เวลา ทำให้วัยของเราล่วงเลยไป ไม่มีใครสามารถหยุดวัยของตนได้ วัยเด็ก วัยหนุ่ม-สาว วัยกลางคน วัยชราหรือแม้กระทั่งวัยเปรี้ยว วัยหวาน วัยขม เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องพบพานเจอะเจอไม่สามารถหลีกพ้นได้(เว้นแต่จะ....ตายก่อนเท่านั้น) ธรรมชาติของคนเรานั้นวัยที่คนส่วนมากอยากเป็นมากที่สุดเห็นจะเป็นวัยหนุ่ม-สาวหรือวัยหวานเป็นแน่ มีน้อยคนนักที่จะปรารถนาอยู่ยั้งยืนยง หรือก้าวยาวๆ ไปหาวัยชรา
วัยเด็กเป็นช่วงที่ปราศจากทุกข์ ปราศจากสุข รู้แต่เพียงสนุกกับไม่สนุกเท่านั้น กินอิ่ม นอนหลับ สบายกาย ไม่เปียกไม่แฉะ ไม่เจ็บไข้ก็สบายดีอยู่ได้ไม่มีปัญหา วัยหนุ่ม-สาว เป็นวัยที่หอมหวาน วัยที่มากไปด้วยความสุขบานฉ่ำในหัวใจ อุดมไปด้วยความสวยงามเต็มไปด้วยเสียงที่มากมีความหฤหรรษ์ในหัวใจ ดูใคร พิจารณาใคร ที่อยู่ในวัยนี้ ก็ดูสวยงามน่ารักไปหมด
วัยกลางคนเป็นวัยทำงานน่าจะแบ่งได้สามพวก พวกที่หนึ่ง ทำงานหามรุ่งหามค่ำ...กลัวจน... พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้มีรายได้ มีความสุขกับการเพิ่มปริมาณทรัพย์สินเงินทองของตน เจ็บปวดหัวใจอย่างใหญ่หลวงเมื่อปริมาณหนี้สินเพิ่มขึ้น พวกที่สอง เป็นประเภทชอบสนุกยังติดขัดข้องใจในวัยหวานอยู่ ยังคิดเสมอว่าตนยังหนุ่มสาวเพราะฉะนั้นจะพยายามทุกอย่างที่จะชะลอความแก่ไว้ก่อน พยายามยืนหยัดอยู่ในวัยหนุ่ม-สาวให้เหนียวแน่นที่สุด บุคคลที่สังกัดอยู่ในประเภทนี้มักไม่เสียดายเงินทองกับการทำสวยทำงามหรือกับการทำตัวเองให้สนุกสนานกินเลี้ยงดื่มสุราเฮฮากับเพื่อนๆ พวกที่สามเป็นประเภทที่ยอมรับความเป็นไปตามธรรมชาติยอมรับสภาพที่เป็นมาเป็นไป มีความพร้อมในการรับสถาณการณ์ มีการวางแผนชีวิตเป็นอย่างดี ในแต่ละวันที่ผ่านไปนั้น นำอะไรมาให้ และนำอะไรจากเราไปด้วย พร้อมที่จะจากวัยหนุ่ม-สาว มาอยู่วัยกลางคน และพร้อมที่จะจากวัยกลางคนไปสู่วัยชราอยู่เสมอและไม่เดือดร้อน
วัยชราเป็นวัยที่ใครๆก็ไม่ปรารถนา แต่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ ถ้ารู้ตัวรู้ตนยอมรับสภาพว่าตนเข้าสู่วัยนี้แล้วก็จะมีความสุขในชีวิตได้เช่นกันในทางตรงกันข้าม หากคนชราทำตนเหมือนคนที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวหรือแม้กระทั่งวัยเด็กอยู่ ก็คงจะสุขใจมิได้ เพราะจะต้องเป็นทุกข์ว่าตรงนี้เหี่ยว ตรงนี้ก็ยานต้องไปดึง ไปตัด ไปตบไปแต่งให้ตึง ให้สดใสอยู่เป็นประจำ หรือถ้าเป็นผู้ชาย ก็พยายามฝืนสังขารของตนให้กระชุ่มกระชวย เริงร่า ขยันขันแข็งทั้งที่มิอาจแข็งขันได้ พยายามทำกิจกรรมให้เหมือนหรือคล้ายกับวัยหนุ่มสาวคล้ายเด็กๆซึ่งคงไม่น่าดูนักหรอก อย่างนี้แล้วก็คงต้องทุกข์ในใจตนว่า...ทำไมแก่ไวจัง!!
หากอยากอยู่อย่าง "สุข" สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ ก็ยอมรับสภาพความเป็นมาเป็นไปของวัยของตน ว่าเมื่อถึงวัยใดก็ให้ความภูมิใจแห่งวัยตน ทำตนสมกับวัย เป็นเด็กก็เป็นเด็กน่ารัก สุภาพเรียบร้อย เป็นหนุ่มสาว ก็ทำตัวให้สดชื่น ให้คนข้างเคียงดูแล้วสบายใจ เป็นวัยกลางคน ก็ปฏิบัติตนให้มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตน ทำกาย ใจ ให้มีสุขอนามัยที่ดี เอาใจใส่ทั้งร่างกายและจิตใจของตน เป็นวัยชราก็ยอมรับว่าตนถึงวัยชราแล้วไม่ควรไปฝึกไปฝืน กระเย้อกระแย่งทำกิจกรรมที่เด็กๆ หรือหนุ่มสาวเขาทำกัน ถ้าทำได้อย่างที่ว่ามาข้างต้น คือทำตน ประพฤติตนให้สมวัยรู้จักตนอยู่เสมอ ยอมรับในวัยแห่งตน ก็ย่อมมากมีความสุขใจ สุขกาย ตลอดไปจริง ๆ นะ
เป็นวัยชราก็ยอมรับว่าตนถึงวัยชราแล้วไม่ควรไปฝึกไปฝืน กระเย้อกระแย่งทำกิจกรรมที่เด็กๆ หรือหนุ่มสาวเขาทำกัน ถ้าทำได้อย่างที่ว่ามาข้างต้น คือทำตน ประพฤติตนให้สมวัยรู้จักตนอยู่เสมอ ยอมรับในวัยแห่งตน ก็ย่อมมากมีความสุขใจ สุขกาย ตลอดไปจริง ๆ นะ
ถึงว่าซีลุงเอกมัวแต่ไปอยู่กับคนต่างวัย เลยชีวิตเป็นอย่างนี้บางทีไปเล่นกับเจ้าจิ เลยคิดว่าอายุเพิ่ง ๑๘ ชอบแหย่คนโน้นคนนี้เหมือนเด็กๆไป แก่แล้วทำตัวเป็นวัยเด็กก็มีความสุขดีนะครับ
บางทีดิฉันก็สับสนในวัยของตัวเองเหมือนลุงเอกเลยค่ะ..ขออ้างอิง
แต่ที่ชอบไปอยู่กับคนต่างวัย ..นะเป็นคนวัยชราค่ะ ..เอิ้กกกกก
เจริญพร โยมทิพย์อุบล
ในแต่ละวัยที่ผ่านมานั้น
หากเราประพฤติไม่เหมาะสมแก่อัตภาพ
ก็จะมีผลต่อตัวเราเองในภาคหน้า
เจริญพร
แวะมาเยี่ยมพี่อู๋
คิดถึงๆๆๆ
หายไปไหนครับพี่
มาเร็วๆๆ
น้องชายรออยู่
อิอิ
สวัสดีค่ะ
คุณลดา
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะคุณครูทิพย์อุบล
เห็นชื่อเรื่องบันทึก ก็รีบคลิกเข้ามาทันที เป็นบันทึกที่ดีมากค่ะ ชอบมาก...การยอมรับตัวเองเป็นสิ่งที่พึงกระทำที่สุด คนเราหากรู้จักสำรวจตรวจสอบตัวเอง แล้วยอมรับตัวเอง ประพฤติปฏิบัติตัวเหมาะสมแล้ว ย่อมมีคุณค่าน่านิยมชมชอบ
ยินดีที่ได้รู้จักคุณครูทิพย์ค่ะ