ตะไคร้...พืชเศรษฐกิจคู่ครัวไทย
การปลูกตะไคร้จะมีมากในพื้นที่ตำบลวัดไทร อำเภอเมืองนครสวรรค์ เกษตรกรนิยมปลูกตามหัวไร่ปลายนา บริเวณบ้านเพื่อเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ และเป็นการใช้พันธุ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตะไคร้เป็นพืชสมุนไพรที่คนไทยนิยมบริโภคทุกครัวเรือน ดังนั้น เกษตรกรจึงนิยมปลูกไว้บริโภคเหลือก็จำหน่ายต่อไป
การเตรียมดินและการปลูก เกษตรกรนิยมปลูกโดยการเตรียมแปลงปลูก ไถดะ ไถแปรแล้วชักร่องปลูกเป็นแถวโดยใช้ระยะปลูก ระหว่างต้นประมาณ 50 + 50 ซม. ระหว่างแถวประมาณ 80 ซม. ปลูกหลุมละ 1-2 ต้น อัตราต้นพันธุ์ที่ใช้ จำนวน 400-500 กิโลกรัม/ไร่
การใส่ปุ๋ย เกษตรกรใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 40-50 กิโลกรัม/ไร่โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งแรก
ใส่หลังจากการปลูกแล้วประมาณ 1 เดือน และครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 3 เดือน
การดูแลรักษา มีการรดน้ำและกำจัดวัชพืชหลังจากต้นตั้งตัวแล้ว ต้นสูงก็จะปกคลุมทำให้วัชพืชไม่สามารถขึ้นได้ประมาณ 3 ครั้ง หลังจากการปลูกแล้วฤดูฝนไม่ต้องรดน้ำ โรคแมลงศัตรูพืชที่พบ คือ หนอนกอ เพลี้ยไฟ และหนู เกษตรกรไม่ได้ใช้สารเคมีเพราะผลผลิตไม่เสียหาย
การเก็บเกี่ยว เมื่อตะไคร้อายุได้ 3 เดือนขึ้นไปก็เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้จนถึงอายุ 6 เดือน ซึ่งอายุการเก็บเกี่ยวระยะนี้เป็นที่ต้องการของตลาดโดยนำไปบริโภคเป็นเครื่องแกง ถ้าอายุต้นเกิน 6 เดือนที่จะขึ้นปล้อง ตลาดไม้ต้องการ ผลผลิตต่อไร่ตั้งแต่ 4,000-5,000 กิโลกรัม/ไร่ ราคาที่เกษตรกรได้ที่แปลงกิโลกรัมละ 5-10 บาท
ตะไคร้เป็นพืชสมุนไพรที่เกษตรกรไม่ควรมองข้ามสามารถปลูกไว้เป็นรายได้เสริมและมีตลาด
ที่แน่นอน ฤดูที่ช่วงน้ำท่วมเดือนกันยายน – ตุลาคมของทุกปี ตะไคร้จะมีราคาแพง ตลาดต้องการมาก เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกน้ำท่วม จึงเป็นโอกาสให้เกษตรกรของตำบลวัดไทร จำหน่ายได้ราคาสูง ทำให้ผลิตและจำหน่ายตลอดปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นางกาญจนา ดำรักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรประจำ ต.วัดไทร อ.เมืองนครสวรรค์ โทร.056-882260 หรือ 056-882259
แวะมาอ่านสมุนไพรใกล้ตัวค่ะ
มีความสุขในทุกๆวัน นะคะ