หลายท่านคงรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่มากก็น้อยกับความหลากหลายในรสนิยมการฟังเพลงของผม ดังเช่นว่าผมชอบฟังเพลงของนักร้องหญิงรายที่เสียงห้าวๆ แอม อุ๊ ดา เป็นตัวอย่างของนักร้องสตรีที่ผมชอบ วันหยุดนี้ได้แก้เหงาที่หงสาด้วยการเปิดดูแผ่นบันทึกการแสดง “DA Endorphine illusion Live Concert” ไม่ผิดหวังครับ คึกคักกระชุ่มกระชวยกับเพลงจังหวะแรงๆ หายเหงาได้ดีทีเดียว
แต่ใช่ว่าเพลงสมัยใหม่จังหวะคึกคักรุ่นใหม่สมัยนี้จะมีแต่เนื้อหาที่ไร้สาระ อกหัก รักๆร้างๆเพียงอย่างเดียว ในทางตรงกันข้ามผมกลับได้ต่อยอดความคิดจากเพลง “น้ำเต็มแก้ว” เนื้อหาของเพลงเขากล่าวถึง คนที่เธอรัก แต่เขากลับยังอาลัยอาวรณ์ถึงคนรักเก่าของเขา เปรียบตัวเขาเหมือนน้ำที่เต็มแก้ว ไม่สามารถรับความรักใหม่ได้อีก.....เอ...จะว่าไปก็เหมือนกับว่าคนเขียนเพลงเขาได้เข้าไปนั่งในหัวใจของใครบางคนที่ผมสนิทสนมคุ้นเคยมาตั้งแต่เกิด..??
ผมว่า คำเปรียบเปรย “น้ำเต็มแก้ว”สามารถใช้ได้กับทุกเรื่องนะครับ คนเราทุกวันนี้ หากทำตัวทำใจเป็นดั่งแก้วที่บรรจุน้ำอยู่เต็ม หลงว่าตัวเองรู้แจ้งไปเสียทุกเรื่อง คิดว่าความคิดของตัวเองถูกต้องไปทุกอย่าง ไม่ยอมเปิดใจรับฟังความคิดความเห็นของผู้อื่น ไม่ยอมพร่องน้ำออกจากแก้วเพื่อเตรียมรับน้ำใหม่ ไม่ยอม ไม่ยอม ไม่ยอม เมื่อทุกคน เมื่อทุกขั้วต่างก็เป็นดั่งน้ำเต็มแก้วแล้ว...สังคมเราคงไม่มีการเรียนรู้ ไม่มีการแลกเปลี่ยน ขั้วความคิดที่มีการขัดแย้งก็ไม่มีวันที่จะประสาน....คงจะวุ่นวายน่าดู
เพียงแต่เราทำตัวทำใจให้เป็น “แก้วที่พร่องน้ำ”
เปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
รับฟังด้วยสติ ด้วยเหตุด้วยผล
ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเชื่อจะคล้อยตามหรือไม่
สังคมเราคงจะลดแรงปะทะลดการต่อสู้กันลงได้เยอะ
พลังประสานแห่งความร่วมมือจะพลันก่อเกิด
สายใยสัมพันธ์ในสังคม ในองค์กร จะดึงดูดผูกโยงกลุ่มคนให้เหนียวแน่นสามัคคี
เอ้า เพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้ว...ตาเปลี่ยน
ไปฟังเพลง “น้ำเต็มแก้ว” อีกรอบดีกว่าเรา
สวัสดีครับ
สวัสดีค่ะ
สบายดีนะคะ
หายไปเมิน บ่ได้อู้จ๋า
เมื่อใดจะมา แอ่วบ้าน
หื้อฮักษาตั๋ว บ่ดียอมก๊าน
แข็งแรงทนทาน เน่ออ้าย...
ฮักษาสุขภาพตวยครับ
รพี