ภาษาอังกฤษกับชีวิตของข้าพเจ้า ตอนที่ 1


ผมได้เข้าทำงานเป็นพนักงานในบริษัทเอกชน แล้วผมก็พบว่า ถ้าผมสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ผมคงจะก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้มากกว่านี้แน่นอน

ภาษาอังกฤษกับชีวิตของข้าพเจ้า ตอนที่ 1

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ที่เคยอ่านและติดตามบทความ หลากหลายแนวทางในการนำเสนอบทความของผม ครั้งนี้ คงต้องบอกเพื่อนๆ ทุกคนว่าบทความในบล็อกนี้ เป็นเรื่องที่ผมไม่ถนัดเลย ถือว่าเป็น "จุดอ่อน" ของผมเลยก็ได้ครับ

ใช่แล้วครับ ภาษาอังกฤษ นั่นเอง

งั้นผมเริ่มเลยนะครับ คงต้องเริ่มจากปัจจุบันนี้เลยนะครับ ผมยังจำได้ดีว่า คุณแม่ของผม มักจะถามผมว่า "จะเรียนพิเศษภาษาอังกฤษไหม" "ภาษาอังกฤษสำคัญนะ เก่งไว้จะได้ใช้งานได้" ในความเป็นจริงแล้ว ผมได้เกรด หรือ ผลการเรียน ภาษาอังกฤษค่อนข้างดี คือ เกรด 3-4 มาตลอด ตอนเรียนชั้นมัธยมศึกษา 1-6 แต่ผมกลับมีความรู้สึกว่า ที่ผมเรียนได้ดีเพราะว่า "ผมท่องจำ" ผมไม่ได้เข้าใจเหมือนวิชาวิทยาศาสตร์ แล้วจริงๆ แล้ว คือ ผมก็น่าจะสามารถพัฒนาความรู้ภาษาอังกฤษได้ ด้วยวิธีต่างๆ เช่น การท่องศัพท์ การท่องไวยากรณ์ เป็นต้น

แต่ ณ ขณะนั้นผมไม่มีความคิดเรื่องการพัฒนาในด้านอื่นๆ เช่น อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ ดูหนังฝรั่งที่ไม่แปลเป็นภาษาไทย เป็นต้น แต่ที่กล่าวมาทั้งหมด ผมก็เพียง "น่าจะทำ" แต่ผมไม่ได้ทำครับ วันเวลาผ่านไป ผมหันไปสนใจอย่างอื่นมากมาย เช่น การค้าขายที่บ้าน การอ่านหนังสือการ์ตูน การอ่านนิตยสารต่างๆ วิชาเรียนวิทยาศาสตร์ เล่นบอล การประดิษฐ์ของเล่น เป็นต้น สรุปง่ายๆ ก็คือ ผมหนีภาษาอังกฤษ มาตลอด

คุณแม่ผม เคยเสียเงินประมาณ 2 พันกว่าบาท ตอนผมอยู่ ม.2 เพื่อให้ผมได้ไปเรียนภาษาอังกฤษ ที่โฮมออฟอิงลิช แถวสะพานควาย และนั่นเป็นการเรียนภาษาอังกฤษนอกเหนือจากห้องเรียนปกติ เพียงครั้งเดียวในชีวิตผม เพราะผมไม่ชอบ ผมกลัวภาษาอังกฤษ ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลย อาจารย์พูดภาษาอังกฤษทั้งหมด ผมฟังไม่รู้เรื่อง เวลาอาจารย์จะถาม ผมจะก้มหน้า กลัวโดนถาม สรุปง่ายๆ ว่า ผมกลัวภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษยากสำหรับผม

พอผมมาเรียนมหาวิทยาลัยที่ พระจอมเกล้าธนบุรี ผมกลับต้องมาเรียนรายวิชา ที่ต้องใช้ตำราเรียนภาษาอังกฤษล้วน หลายวิชามาก เพราะในประเทศไทยยังไม่มีการแปลเป็นภาษาไทย ผมเริ่มรับรู้ได้แล้วว่า สายวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์-วิศวกรรมศาสตร์ คงจะหนีไม่พ้นภาษาอังกฤษแน่นอน (ซึ่งจริงๆ แล้ว พวกเราก็ต้องยอมรับว่า ภาษาอังกฤษนั้นใกล้ตัวมากจริงๆ ครับ)

ก่อนจะถึงปัจจุบัน ที่ผมมีสภาพเป็นผู้ทุพพลภาพนั้น ผมได้เข้าทำงานเป็นพนักงานในบริษัทเอกชน แล้วผมก็พบว่า ถ้าผมสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ผมคงจะก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้มากกว่านี้แน่นอน และสุดท้าย แต่ยังไม่ท้ายที่สุดนะครับ ก็คือ ถ้าผมฟัง และพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่านี้ ผมคงทำงานได้มากกว่านี้ ในสภาพของผู้ทุพพลภาพที่เป็นอยู่ ปัจจุบันนี้ผมไม่กลัวชาวต่างชาติเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้าต้องเจอ และต้องสื่อสารกัน เพราะว่าหนีไปไหนไม่ได้ (อุ๊บ...จริงๆ ไม่ใช่นะครับ) แต่ก็ยังกลัวๆ เกรงๆ นะครับ ถ้าต้องคุยกับชาวต่างชาติทางโทรศัพท์

เพื่อนๆ คงพอจะเห็นภาพตามที่ผมบรรยายนะครับ ว่าการที่ตัวผม มีความรู้ภาษาอังกฤษที่ไม่ดีพอในการที่จะนำไปสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ในชีวิตประจำวัน และในการทำงานนั้น ทำให้ผมสูญเสียโอกาสดีๆ ในชีวิต ไปหลายอย่าง หลายๆ ครั้ง

ฝากเพื่อนๆ ลองติดตามอ่านบทความถึงความรู้ภาษาอักฤษที่แย่ๆ ของผมอีกสัก 3 ตอนนะครับ จากนั้นผมถึงจะลองเอาบทความดีๆ ของผู้ที่มีความรู้มาแบ่งปันกันนะครับ แต่ถ้าเพื่อนๆ อยากเก่งภาษาอังกฤษแล้ว เพราะเห็นด้วยกับบทความของผม แล้วต้องการเปลี่ยนตัวเองในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ก็ไปที่ลิ้งค์นี้ ได้เลยครับ

ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
Preeda Limnontakul (SCI-C6)

mobile : 086-322-9307
Email : [email protected]
70/95 mu 5, Pakkred-Changwattana Rd., Pakkred, Nonthaburi, 11120
Tel.: 02-960-9157-8 Fax.: 02-960-9156
หมายเลขบันทึก: 218859เขียนเมื่อ 26 ตุลาคม 2008 12:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 02:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท