หลังจากการเรียนรู้ ผ่านมาระยะหนึ่งจากรู้จำ เข้าใจ ความรู้ค่อย ๆ ตกผลึกเป็นการประยุกต์ใช้ตามสถานการณ์ ความรู้ด้านการทำกลุ่มจิตสังคมบำบัดได้มาจากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของทีมงานศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยนอก
1. การทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดของแต่ละบทเรียน
2. การเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับอุปกรณ์สถานที่ในการทำกลุ่ม
3. การเตรียมความพร้อมด้านตัวผู้ป่วย
กรณีแรงจูงใจอยู่ในระยะก่อนตั้งใจ (Pre-comtempodion) ควรได้รับการสัมภาษณ์เพื่อสร้างแรงจูงใจ (Motivation Interviewing) และหใกรปรึกษารายบุคคล ผู้ป่วย และครอบครัว จนกว่าจะประเมินแรงจูงใจซ้ำ และมีแรงจูงใจเพิ่มขึ้น (อยู่ในระยะตั้งใจ Comtempatency) เป็นอย่างต่ำ
* ผู้ป่วยควรหยุดยาได้ต่อเนื่อง
* ผู้ป่วยสามารถสื่อสารเข้ากลุ่มได้
* กรณีมีอาการทางจิตเวช ควรได้รับการดูแลเฉพาะทางและผ่านการประเมินโดยแพทย์ นักจิตวิทยา และนักบำบัด ผู้ดูแลว่าสามารถเข้ากลุ่มบำบัดได้
* กรณีผู้ป่วยมีอาการทางยาเสพติด ควรได้รับการบำบัดด้วยยาก่อน ตามสภาพของแต่ละคน และชนิดของยาเสพติด
3. การดึงสถานการณ์และบทเรียนให้มีความเกี่ยวพันกัน เพื่อให้ผู้ป่วยเห็นภาพของการปฏิบัติตัวทั้งด้านทักษะเลิกยาระยะต้น และการป้องกันการกลับไปใช้ยาซ้ำ ได้ชัดเจนขึ้น เช่น ผู้ป่วยมีตัวกระตุ้นภายใน คือ ทางด้านอารมณ์ ในส่วนของการป้องกันการติดซ้ำ การได้ประเมินความเครียด และวิธีการจัดการกับความเครียด จะส่งผลต่อการนำทักษะไปใช้
5. การเล่าเรื่องหรือยกตัวอย่างสถานการณ์ที่เกี่ยวพันกับบทเรียนนั้น ๆ หรือการให้ผู้ช่วยเหลือกลุ่ม ซึ่งเคยเป็นผู้ผ่านประสบการณ์ การฟื้นฟูมาก่อน ร่วมเสนอประสบการณ์ในกลุ่มเพื่อให้ผู้รับการบำบัดเข้าใจ และสามารถประเมินตนเอง และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เดิม ร่วมกับการรับถ่ายทอดความรู้ใหม่ จะส่งผลให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขยายความรู้และเกิดกระบวนการสร้างความรู้ทักษะใหม่ ๆ ขึ้น
6. การสร้างแรงสนับสนุนทางสังคม ในการฟื้นฟูสมรรถภาพ
* ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของการฟื้นฟู
* ให้การปรึกษากรณีมีปัญหา หรือความทุกข์ไม่สบายใจ
* วิธีการให้การสนับสนุน และปัจจัยที่เอื้อระหว่างการบำบัด
* การวางแผนร่วมกันระหว่างนักบำบัด ผู้รับการบำบัดและครอบครัว
7. ผู้ป่วยที่มีปัญหาตรงกับบทเรียนใดของทักษะเลิกยาระยะต้นหรือป้องกันการกลับไปติดซ้ำ นักบำบัดสามารถให้บทเรียนนั้นในทันที เพื่อให้สามารถนำทักษะไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ และผู้รับการบำบัดสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์ได้ชัดเจนขึ้น การดูแลผู้ติดยาเสพติดควรได้รับการดูแลครอบคลุมทั้งด้าน ชีววิทยา จิตใจ อารมณ์ ความคิด พฤติกรรม สังคม วัฒนธรรม อาชีพและจิตวิญญาณ เนื่องจากภาวะการติดยาเสพติดเป็นโรคที่เกลับเป็นซ้ำเรื้อรัง (Chronic relaphing disease) การดูแลแบบองค์รวมจึงเป็นสิ่งสำคัญ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การรวมพลังของเราจะส่งผลต่อการดูแลผู้ป่วยและครอบคัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทีมงานฟื้นฟูผู้ป่วยนอก
ขอชื่นชมในความพยายามของคุณที่ค่อยๆสะสมเป็นความรู้เช่นนี้