รมว.ศธ.ประชุม ก.ค.ศ.ครั้งที่ ๔/๒๕๕๑ |
การแต่งตั้ง อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะสำหรับตำแหน่งที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เพื่อดำรงไว้ซึ่งความรู้ความสามารถ ความชำนาญการ หรือความเชี่ยวชาญในตำแหน่งและวิทยฐานะที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง ๑๙ คน (โดยมีนายพลสัณห์ โพธิ์ศรีทอง เป็นประธานอนุกรรมการ) และได้มีการเสนอรายชื่อผู้ที่สมควรได้รับการแต่งตั้ง รมว.ศธ.กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงหลักเกณฑ์การคัดเลือกอนุกรรมการชุดนี้ ซึ่งได้มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องความเหมาะสมและการมอบหมายผู้แทนว่าไม่ควรจะมี เนื่องจากควรเป็นระดับสูง เช่น รองเลขาธิการ ที่เลขาธิการมอบหมาย แต่ในหลักการที่ประชุมเห็นชอบแล้ว จะมีการปรับปรุงเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ และการใช้ถ้อยคำ ซึ่งได้มอบให้นายบุญปลูก ชายเกตุ และรองเลขาธิการ ก.พ. รวมทั้ง ปลัด ศธ. ไปดูแลปรับปรุง และเมื่อปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว สามารถนำเสนอ รมว.ศธ. ลงนามในประกาศ ก.ค.ศ. ได้เลย การปรับปรุงแก้ไขกำหนดเขตพื้นที่การศึกษา ตามที่ ศธ.ได้มีการอนุมัติให้เพิ่มเขตพื้นที่อีก ๗ เขตใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ อ.ก.ค.ศ. เดิมทำหน้าที่ไปก่อน กรณีจำเป็นเร่งด่วน จนกว่าจะตั้ง อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาแล้วเสร็จ การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา สังกัด กศน. (เพื่อเข้าสู่มาตรฐานตำแหน่ง) เนื่องจาก ผอ.กศน. และรอง ผอ.กศน. เดิมตำแหน่งจะเป็นผู้บริหารการศึกษา แต่เมื่อมีกฎหมายใหม่ ได้เปลี่ยนเป็นผู้อำนวยการหน่วยงานการศึกษา จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรฐานตำแหน่งและวิธีประเมิน เพื่อคัดเลือกผู้บริหาร กศน.ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการ ดังนี้ - คุณสมบัติ ประกอบด้วย ต้องเป็น ผอ.กศน.จังหวัด และ กทม., รองผอ.กศน.จังหวัด และ กทม., เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา, มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารการศึกษา โดยจะรับเฉพาะผู้บริหาร กศน. เท่านั้น - คุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษา หรือทางอื่นที่ ก.ค.ศ. กำหนด - การประเมินจะต้องประเมินหลายด้าน และมีการจัดทำบัญชีผู้ผ่านการประเมิน แต่ถ้าไม่ผ่านการประเมินในรอบแรก ศธ. ก็ให้โอกาสในการประเมินอีกครั้ง และเมื่อประเมินแล้วยังไม่ผ่าน ก็จะเปิดโอกาสให้กับข้าราชการ กศน. ที่มีความประสงค์จะรับการประเมิน ได้เข้าสู่การประเมิน - เมื่อมีผู้ผ่านการประเมิน ก็อยู่ที่ผู้บริหารตัดสินใจ ในการแต่งตั้งผู้ที่เหมาะสมไปอยู่ในจังหวัดใด หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ จะต้องมีการพัฒนาในหลายด้าน คือ ความรู้ ทักษะ และเจตคติที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพที่เหมาะสม ซึ่งจะต้องพัฒนาด้วยวิธีการที่หลากหลาย และหลักสูตรในการพัฒนา ประกอบด้วย ๓ ส่วน คือ การเสริมสร้างสมรรถนะของศึกษานิเทศก์ การฝึกประสบการณ์นิเทศการศึกษา และการจัดทำและนำเสนอแผนงานนิเทศในหน้าที่ความรับผิดชอบ โดยมีระยะเวลาการพัฒนากำหนดไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน กฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารับเงินเดือนในอัตราทดแทน พ.ศ.๒๕๕๑ ที่ประชุมได้รับทราบกฎ ก.ค.ศ.ดังกล่าว ซึ่งได้มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๑ โดยมีสาระสำคัญดังนี้ - ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือ ผอ.สพท.อาจขออนุมัติกำหนดอัตรากำลังทดแทนต่อ ก.ค.ศ.ในกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นและไม่เกินกำหนดระยะเวลา กรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งได้รับอนุญาตให้ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ ลาติดตามคู่สมรสไปต่างประเทศ หรือได้รับทุนไปศึกษาอบรมต่างประเทศ สามารถขอกำหนดอัตรากำลังทดแทนได้ไม่เกินกำหนดระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต ส่วนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งมีวิทยฐานะชำนาญการหรือระดับ ๗ ขึ้นไปที่มีระยะเวลารับราชการเหลืออยู่ไม่เกิน ๖ เดือน หรือผู้ที่ต้องไปพัฒนาเพื่อรองรับการปรับบทบาท ภารกิจ โครงสร้าง หรือปรับระบบงานใหม่ รวมทั้งผู้ที่ไม่อาจปฏิบัติงานให้เกิดผลสัมฤทธิผลได้ตามเป้าหมายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือไม่สามารถปฏิบัติงานให้สัมฤทธิผลได้ตามมติ ครม. นโยบายรัฐบาล หรือกระทรวงต้นสังกัด กรณีนี้สามารถขอกำหนดอัตรากำลังทดแทนได้ไม่เกินกำหนดระยะเวลา ๖ เดือน และขยายได้อีกไม่เกิน ๖ เดือน - ต้องแสดงรายละเอียด คือ คำชี้แจง เหตุผลความจำเป็น กำหนดระยะเวลา รวมทั้งหน้าที่และความรับผิดชอบที่จะมอบหมาย - เมื่อ ก.ค.ศ.อนุมัติให้กำหนดอัตรากำลังทดแทนแล้ว ให้สั่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งหน้าที่และขาดจากอัตราเงินเดือนในตำแหน่งเดิม - เมื่อมีเหตุผลความจำเป็นจะขออนุมัติขยายเวลาการสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารับเงินเดือนในอัตราทดแทนได้อีกครั้งละไม่เกิน ๑ ปี - กรณีจะนำตำแหน่งและอัตราเงินเดือนว่างมาเป็นอัตรากำลังทดแทน ให้ขออนุมัติ ก.ค.ศ.หรือให้หัวหน้าส่วนราชการ หรือ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา เป็นผู้อนุมัติ แล้วให้รายงาน ก.ค.ศ.ภายใน ๗ วัน - เมื่อหมดความจำเป็นหรือครบกำหนดระยะเวลา ให้ผู้มีอำนาจสั่งให้พ้นจากการรับเงินเดือนในอัตรากำลังทดแทน และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเดิมหรือในตำแหน่งระดับเดียวกัน - การพ้นจากตำแหน่ง การให้ได้รับเงินเดือน การแต่งตั้ง การเลื่อนขั้นเงินเดือน การดำเนินการทางวินัยและออกจากราชการ ให้ถือเสมือนว่าข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ถูกสั่งนั้นดำรงตำแหน่งเดิม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ฉบับแก้ไข (เพิ่มเติม) พ.ศ.๒๕๔๗ ได้ยกเลิกมาตรา ๕๙ และให้ใช้มาตรา ๑๓ ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ฉบับแก้ไข (เพิ่มเติม) พ.ศ.๒๕๕๑ แทน คือ การโยกย้ายข้าราชการครู ทั้งที่อยู่ที่ สพท. และสถานศึกษา ซึ่งในกฎหมายใหม่ระบุว่า การพิจารณาโยกย้ายข้าราชการครูในสถานศึกษาจะต้องให้คณะกรรมการสถานศึกษาเป็นผู้เสนอความคิดเห็น ที่ประชุมได้เสนอให้จัดทำแนวทางการแผนปฏิบัติของมาตรา ๑๓ ว่า สามารถเสนอความคิดเห็นในลักษณะใด และเมื่อเสนอความคิดเห็นแล้ว จำเป็นจะต้องรับฟังหรือไม่ อย่างไร. |
ไม่มีความเห็น