มาเชียร์ การทำดี คนที่ทำดี ทุกครั้งที่มีโอกาส


ทำเพื่อผู้อื่น ทำเพื่อ มนุษย์ ผู้กำลัง ประสบทุกข์ เป็นเพื่อนทุกข์ ให้แก่ ผู้ป่วยอย่างแท้จริง
ทีมเยี่ยม มีความรู้สึกอย่างไร  เวลา ไป นั่งคุย กับหน่วย ต่างๆ  ในโรงพยาบาล(ที่บรรยากาศขณะคุยกัน ปลอดภัย ในเวทีสัญจร)

ถามและสัมผัส ความรู้สึกกันในทีม จิตอาสาที่ทำเวที  ในแต่ละคน

ในทีมดั้งเดิม คุณหมอติ่ง คุณหมอติ้ง คุณหมอต๋อย ดรสง่า คุณพบ น้องเอ้ย น้องแดน

และในทีมใหม่ๆ ป้าดวน Uro คุณต้อย LR คุณเล็ก ICUเด็ก คุณอ้อ NS คุณแจ๋ว คุณแจ้ สูติ คุณจิ๋ว Med ฯลฯ

ได้ความเห็น ความรู้สึกของผู้เป็นทีมเยี่ยมว่า  ทุกครั้ง ที่มาเวทีสัญจรจะได้ พลังใจมาเสริมสร้าง ความแข็งแรงในใจของตัว เอง ที่จะตั้งใจทำงาน เปิดเวที นี้ ต่อ และแถมได้ พลังใจ กลับไปทำงานดี ของตัวเอง และทีมตนเองต่อ

พื้นที่ที่ถูกเยี่ยม ก็ เช่นกัน เรียกได้ว่า

ทุกที่ ที่เยี่ยมแล้ว อยากให้มาเยี่ยมอีก เมื่อตนเองได้เล่าเรื่องการทำงานดีๆ เล่าของตนเอง เล่าของเพื่อนๆ  ก็ รู้สึกดี ได้ฟังเพื่อนๆ ในทีมเล่าสิ่งดีๆ ที่ไม่เคยได้ยิน  แล้วรู้สึกยิ่งดีใหญ่

อยาก ทำให้ดี ยิ่งขึ้นไปอีก ดีกว่านี้

ดิฉันเองยิ่งเยี่ยม ยิ่งรู้สึก เลยว่า  เจ้าหน้าที่ทุกคน ในแต่ละโรงพยาบาล ได้ คัดเลือกตนเองมาแล้ว มาสู่แต่ละจุดทำงาน ที่จะทำเพื่อผู้อื่น ทำเพื่อ มนุษย์ ผู้กำลัง ประสบทุกข์ เป็นเพื่อนทุกข์ ให้แก่ ผู้ป่วยอย่างแท้จริง

แต่ด้วยภาระงานที่โถมทับมา ด้วยอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนตามพื้นฐานอารมณ์ ของแต่ละคน ด้วยภาระหน้าที่ส่วนตัวที่ยังมีอีกมากมาย ในความเป็นปัจเจกบุคคลนั้น  .......................

ทำให้บางครั้ง บางเวลา ของ แต่ละคน อาจทำหน้าที่เป็นเพื่อนทุกข์ ของผู้ป่วย  ไม่ได้เต็มที่...... ไม่ได้ตลอดการทำงาน  อย่างที่เดิมได้ตั้งใจ

ต้องอาศัยพลังจากกลุ่ม จากฝูง เหมือนผึ้ง เหมือนมด รวมหัวใจ รวมพลังกันมีการทำดียอดเยี่ยมของคนแต่ละคนในทีม เป็นตัวอย่าง ช่วยให้ เกิดการเสริมพลังใจกัน ผลักดันให้ เกิดผลงานรวมของการเสียสละนี้  ที่เราเรียกกันว่า การทำงานเป็นทีม 

ซึ่งเมื่อไปเยี่ยม ได้สัมผัส ทีละคน ทีละทีม เราจะได้พลังแห่งการทำดี เป็นกลุ่มก้อน เป็นฝูง คนดี 

ซึ่ง เกิดขึ้นไม่ได้  ถ้าแต่ละคนในฝูง ในทีม ไม่มุ่งมั่น ตั้งใจ ตั้งแต่ต้น และ........ต่อเนื่องตลอดเวลาไม่ได้............

ถ้าระหว่างการทำงานไม่มี  ตัวอย่างการทำดี ตัวอย่างการเสียสละ ตัวอย่างคนที่ทำสุดความสามารถ ให้คนอื่นๆ เห็นอย่างสม่ำเสมอ

เรามาเชียร์ การทำดี คนที่ทำดี ทุกครั้งที่มีโอกาส เชียร์

กระตุ้น ให้แต่ละทีม แต่ละฝูงคน ให้ทำดี ต่อเนื่องตลอดเวลา กันเถอะค่ะ

หมายเลขบันทึก: 217470เขียนเมื่อ 19 ตุลาคม 2008 05:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 02:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

• สวัสดีอาจารย์หมอค่ะ

• โดยส่วนตัว ดิฉันมีความเห็นว่า ในหมู่คนไทยเรา โดยทั่วไป คำว่า "ทีม" เกิดขึ้นได้ไม่ง่ายนัก ดิฉันหมายถึง "ทีม" ที่มีความยั่งยืน ทำอะไรในตอนแรก ๆ ก็ไม่ค่อยจะได้ "ทีม" พออยู่ตัวค่อยเหนียวแน่น แต่ไป ๆ แล้วมักจะตกหล่น "ทีม" เลยไม่ค่อยยั่งยืน

• จึงต้องอาศัยการกระตุ้นแบบมีเทคนิควิธี มีศิลปะอย่างเป็นระยะ ๆ

• ในเรื่องการทำความดีเพื่อสังคม บางครั้งอาจไม่มีโอกาสได้ร่วมทีม หรือกว่าจะรวมทีมก็ต้องรอกัน แต่ถ้าทำความดีโดยเริ่มได้จากแต่ละคนก่อน เริ่มได้เลย

• เมื่อวานดิฉันเลือกที่จะช่วยเหมาผักจากชาวบ้านคนหนึ่งที่ตลาดนัด แทนที่จะซื้อผักแม่ค้าทั่วไป โดยไม่ต่อราคา หวังให้เขาได้มีเงินมากขึ้นและกลับบ้านเร็วไม่ต้องนั่งร้อนแดด

• ออกจากตลาดไปแวะไหว้พระ มีโอกาสพาคนแก่ที่มาแวะไหว้พระ ไปเข้าห้องน้ำ เป็นการช่วยเหลือคนที่กำลังมีทุกข์ (ปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ)

• เสร็จแล้วรีบไปอยู่เวรที่ศาลากลางจังหวัด (ที่ตั้งปัจจุบันของที่ทำงาน) ขณะอยู่เวรก็ช่วยเก็บเศษกระดาษ ถุงขนม ฯลฯ ที่ตกหล่นลงถัง แม้ว่าจะมีแม่บ้านทำความสะอาดอยู่แล้ว แต่อาณาบริเวณที่กว้างใหญ่ แม่บ้านก็ดูแลไม่ทั่วถึง

• ยังคิดว่าถ้ามีคนช่วยทำอย่างเราหลายคนหน่อย ศาลากลางคงจะสะอาด มีความสง่างาม

• อีกเรื่องหนึ่งคือสำนักงานจังหวัดจะจัดให้ข้าราชการ ระดับ 6 ลงมาจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่อยู่ในศาลากลางเปลี่ยนเวียนกันมาอยู่เวรในวันหยุด ใครเลื่อนระดับสูงขึ้นกว่าระดับ 6 ก็สามารถไปทำเรื่องเปลี่ยนเป็นตรวจเวรได้ จะได้ไม่ต้องอยู่โยงแบบอยู่เวร ทุกวันนี้ดิฉันเป็นข้าราชการระดับ 8 แล้ว แต่ยังไม่ไปทำเรื่องเปลี่ยนเป็นตรวจเวร เพราะคิดว่าถ้าใคร ๆ ก็อยากจะไปตรวจเวรกันหมด แล้วจะเหลือคนอยู่เวรอีกสักเท่าไร ก็เลยเฉย ๆ ไม่ได้ไปทำอะไร ดิฉันคิดว่าการมาอยู่เวรเป็นการตอบแทนคุณของสถานที่ที่เราทำงานค่ะ

• มีคนเคยบอกดิฉันว่า เราจะเอาอะไรมาตัดสินว่าสิ่งที่เราทำดีนั้น ดีไม่ดีอย่างไร เขาบอกว่าถ้าสิ่งที่เราทำ ทำไปแล้วเราสบายใจ สิ่งนั้นก็น่าจะเป็นการทำดี แต่ถ้าตรงข้าม หากทำไปแล้วไม่สบายใจ คงเป็นเรื่องที่ไม่ดี

• ที่เล่ามานั้นเป็นการกระทำที่ทำให้ดิฉันสบายใจ จึงคิดว่านั่นแหละทำดี และคิดว่าการทำดีโดยเริ่มที่ตัวเราสามารถทำได้ทันที ไม่ต้องรอเงื่อนไขใด ๆ

• เป็นกำลังใจให้อาจารย์หมอเสมอค่ะ

ขอบคุณ อ ปวีณาค่ะ

ขอบคุณ ที่เป็นตัวอย่างดีๆให้สังคม ที่เหมาผักให้แม่ค้า เก็บขยะ ให้สถานที่สวยงาม เป็นเพื่อนทุกข์ให้คนแก่ ที่ปวดห้องน้ำ อยู่เวร เพราะเห็นใจคุณครูผู้น้อย ให้ เป็นตัวอย่างแก่ คุณครูเรื่อง ยังไม่ไปเปลี่ยนการอยู่เวร

ทำดี โดยไม่รอเงื่อนไขใดๆ

เรามักเห็นไม่ชัด ตอนเราทำ แต่อยากต่อยอด คิดเล่นๆ ให้เห็นชัดขึ้น ว่า ถ้าอาจารย์ไม่ทำ จะเกิดอะไรต่อ

แม่ค้าอาจไม่ได้ขาย ผักเน่าเสียหายไป ไร้ประโยชน์ ทั้งที่มีการลงทุนทำงานเหนื่อย ของมนุษย์คนหนึ่ง ไปแล้ว แม่ค้า ไม่ได้เงิน กลับไป เลี้ยงดูซื้อหาเพื่อการดำรงชีวิตอยู่ ของแม่ค้า และครอบครัวอีกต่อไป อาจเลิกปลูกผัก หมดหวัง อาจไปหาอาชีพอื่นๆ ที่ไม่ใช่สัมมาอาชีว ทำ

ถ้าทุกคนไม่เก็บ รอ ขยะคงเต็มลาน แม่บ้าน คงหมดกำลังใจ ทำงาน เพราะไม่มีใครเห็นใจ นอกจาก ไม่ช่วยเก็บ ยังมีแต่คนทิ้ง อีกเพียบ

คุณครูคงเร่งให้ อายุ เพิ่ม C เพิ่ม เพื่อหนีการอยู่เวร น้องๆก็ไปอยู่เวรแบบซังกะตายรู้สึก เป็นภาระ แทนที่จะรู้สึกว่ามีคุณค่าที่ได้มาอยู่ เร่งให้เวลาผ่าน และจบเร็วๆ

คนดี ที่ทำหน้าที่ตัวเองจะหมดกำลังใจ และถ้า เลิกทำดีมากมากเข้า สังคมจะเป็นอย่างไร

เหล่านี้ ต้องอาศัย พลังใจจาก หมู่จากคณะสนับสนุน

นึกถึงว่า เด็ดดอกไม้ กระเทือนดวงดาว เป็นเรื่องจริงนะคะ

การทำดี เห็นใจ และเคารพ ความเป็นมนุษย์ แบบนี้ เป็นตัวอย่างให้คนที่พบที่เห็น พลอยเห็นดี เห็นงาม ทำดียิ่งๆ ขึ้น ไปอีก

เชียร์ ให้ อาจารย์ ทำดี ต่อ อยู่ที่ไหนก็สร้างได้ ใครก็ทำได้ มาช่วยกันสร้างความดี ต่อกันเถอะ นะคะ

ขอบพระคุณอาจารย์หมอ สำหรับการต่อยอดทางปัญญาค่ะ

ในชีวิตของดิฉันเอง ยังมีมุมที่ทำไม่ดี ไม่เหมาะสม อยู่เหมือนกัน แต่ก็อายที่จะเปิดเผย

จะว่าไป ทำดีโดยไม่มีเงื่อนไข ก็อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด เพราะจริงแล้วหวังว่าทำดีด้านอื่น เพื่อชดใช้ด้านที่ไม่ดีค่ะ

ขอบพระคุณสำหรับข้อคิดในการทำดีค่ะ

เรื่องดูคน ที่การกระทำ

ดู แยกแยะว่า ดี ไม่ดี

เหมือนดูเป็นเหรียญ มีสองด้านเท่านั้น ไม่น่าจะพอ นะคะ

จริงแล้วถ้าพิจารณา แบบ ลูกเต๋า โยนลูกเต๋า มีตั้ง หกด้าน

ตั้งใจโยนไปแต่ละครั้ง ไม่ได้ขึ้นกับคนโยนเท่านั้น พลิกไปตามสิ่งแวดล้อมที่มากระทบ และที่ลูกเต๋า ไป กระแทก

ผลออกมาไม่เหมือนกัน ตั้งแต่ 1 หรือมากสุด ตั้ง 6

ดีน้อย จนดีที่สุด

แต่ตัวพี่เองถือว่า ถ้ามีความตั้งใจทำดี ในปัจจุบันขณะก็น่าจะดีที่สุดแล้ว

ส่วนทำได้ ได้ดี หรือ ได้ไม่ค่อยดี ก็ แล้วแต่จะคุมจิตใจไว้ได้ขนาดไหนในสิ่งแวดล้อมขณะนั้น

ขอบคุณ สำหรับความเห็นครั้งที่สองนะคะ

ครูต้อยอ่านบันทึกคุณหมอแล้วภูมิใจ ที่มีโอกาสได้เรียนรูวิถึชีวิตการทำงานอย่างทุ่มเทหัวใจ แม้ความเป็นปุถุชนยังมี คุณหมอก็ฉลาดที่จะให้พลังกลุ่ม พลังคนดี เก่งกล้าหาญหักความเหนื่อยลงไปได้

คุณหมอบอกว่า"ตั้งใจโยนไปแต่ละครั้ง ไม่ได้ขึ้นกับคนโยนเท่านั้น พลิกไปตามสิ่งแวดล้อมที่มากระทบ และที่ลูกเต๋า ไป กระแทก

ผลออกมาไม่เหมือนกัน ตั้งแต่ 1 หรือมากสุด ตั้ง 6

ดีน้อย จนดีที่สุด"

รู้สึกเป็นเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ แต่บางครั้งหากพลังกลุ่มอ่อนแอ ผสมกับไฟในตัวเริ่มมอดลงด้วยเหตุแห่งทุกข์ ร่างกายที่ถดท้อยอ่อนแรงตามกาลเวลา ก็ยังอาจลุกขึ้นมา เริ่ม เดิน และวิ่งในที่สุด ด้วยพลังใจ ของคนดี กระชากหัวใจให้ได้คิด มีสติ เดินหน้าเพื่อสร้างกรรมดี

ยังมีผู้คนอีกมายที่ทุกข์ระทมทั้งกายใจ  หากกระทบจนจิตตก จึงเป็นกระทบนิดที่สัมผัสแต่มิอาจทำลายความฝันได้ 

เหมือน ที่ เคยได้ยิน ท่าน อ ประเวศ วะสี ท่านบอกว่า

เวลาเราเห็น คนทำความดี แล้ว ใจมันขึ้น

หรือ ที่พระอาจารย์ ไพศาล วิสาโล สอนว่า เวลา เราเห็นคนทำดี เราจะอยากทำดี เพิ่มขึ้น มันเป็นสิ่งติดต่อได้

เติมพลังใจให้ กัน นะคะ

ขอบคุณ คุณ ครู ต้อย ซึ่งมาเติมพลังให้ หมอหน่อย สม่ำเสมอ ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท