ผมมีคนทำงานด้านสื่อ โสตทัศนศึกษา และเทคโนโลยีทางการศึกษา อยู่ในหลายลักษณะ บางคนเรียนมาทางด้านนี้โดยตรง บางคนเรียนมาทางนิเทศศาสตร์ ทว่า แนวคิดและทักษะปฏิบัติการทางสื่อเฉียบ บางคนเรียนมาทางศิลปะ เทคโนโลยีไอที การศึกษา และการบริหาร
แต่การเป็นสถาบันวิชาการ ซึ่งต้องมีภารกิจสร้างความรู้และบริการทางวิชาการ เลยต้องมีส่วนร่วมและเรียนรู้ผ่านการทำงาน ทำให้เก่งและมีทักษะรอบด้านเพื่อการทำงาน ทั้งการเป็นนักวิจัย เป็นวิทยากร พัฒนาหลักสูตรอบรม สนับสุนทางวิชาการให้นักพัฒนาและคนทำงานจากแหล่งต่างๆได้มีที่กลับมาพัฒนาตนเองแล้วก็ออกไปทำงานในเงื่อนไขและความจำเป็นใหม่ๆ ได้อย่างดีอยู่ตลอดเวลา
นอกจากทำหน้าที่ถ่ายทอดประสบการณ์ จัดกระบวนการเรียนรู้ และจัดการมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเสริมพลังให้กับนักพัฒนาสาขาต่างๆ เก่งแล้ว นักวิชาการ นักวิจัย และคนบริการทางวิชาการของสถาบันมักพึ่งตนเอง ถ่ายรูป ทำสื่อ นำเสนอและถ่ายทอดสื่อสาร เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ เก่งทุกคน หลายคนจัดว่าชั้นยอด รวมไปจนถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการในห้องประชุมและในเวทีเรียนรู้รูปแบบต่างๆ
ผมเห็นน้องๆหลายคน วิธีคิดและทักษะการจับประเด็นจากเหตุการณ์ต่างๆ เริ่มแก่กล้า ทั้งด้วยความที่อาวุโสมากขึ้นและเป็นคนไม่นิ่งดูดายต่อกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นตรงหน้า ซึ่งทำให้เข้าใจกระบวนการและเกิดการเรียนรู้ สามารถร่วมลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยการริเริ่มและบูรณาการตนเองเข้ากับการทำงาน ในระดับที่ครอบคลุมเบ็ดเสร็จมากขึ้น
ผมเลยลองขอให้ทุกคนที่ทำงานของตนและถ่ายรูปเก็บข้อมูลไปด้วย ลองพัฒนาชุดภาพถ่ายจำนวนหนึ่ง ให้เป็นสื่อการเรียนรู้และสร้างพลัง (Empowerment Learning Media : ELM) โดยใช้วิธีปฏิบัติการทางสื่อขนาดเล็ก (Small media) สร้างเสริมปฏิสัมพันธ์ของกลุ่มก้อนผู้เรียน เพื่อให้มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการเรียนรู้ ในลักษณะต่างๆ
ได้ผลดีมากทีเดียว ทั้งต่อการทำให้คนทำงานเกิดการยกระดับความแตกฉานในสิ่งที่กำลังทำด้วย และการส่งเสริมกระบวนการต่างๆ ของการอบรม ประชุมสัมมนา เวทีระดมความคิด และเวทีทำวิจัยเป็นกลุ่ม ให้มีความต่อเนื่อง เต็มไปด้วยบรรยากาศสร้างสรรค์การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ที่สุด เลยกลายเป็นประเด็นเชิงยุทธศาสตร์การเรียนรู้ ที่เราจะนำมาพิจารณาในการประชุมสรุปบทเรียนการทำงานในแต่ละครั้ง และบางส่วน เริ่มพัฒนาเป็นหัวข้อย่อยเพื่อถ่ายทอดสู่การอบรมเทคนิควิทยากรและพัฒนาทักษะนักวิจัยสุขภาพชุมชน สะสมข้อมูล ตกผลึกแนวคิด และพัฒนาความเชี่ยวชาญ แบบบูรณาการให้กับตนเองไปด้วย ทีละเล็กละน้อย
บทเรียนดังกล่าว พอจะประมวลออกมาเล่าสู่กันฟังเป็นลำดับได้อย่างนี้ครับ
โอกาสการนำเสนอ
รูปแบบ เทคนิค และศิลปะทางสื่อ
การออกแบบเนื้อหาและกระบวนการเรียนรู้
วิธีนำเสนอให้มีพลัง
การจบ สรุป และส่งประเด็นสู่กิจกรรมต่อไป
การผุดการทำงานอย่างนี้ขึ้นบนการบริการห้องประชุม การบริการทรัพยากรทางวิชาการ การจัดการเทคโนโลยีและทรัพยากรทางความรู้ กิจกรรมบริการทางวิชาการ รวมไปจนถึงการจัดการเรียนการสอน และการประชุมทางการวิจัย ทำให้คนทำงานที่ชอบการเรียนรู้ผสมผสานไปกับการทำงาน จูงใจตนเองจากการได้ทำงาน เรียนรู้ กล่อมเกลาและค้นพบตนเอง มีพลังการริเริ่มและเห็นความงอกงามจากการได้ทำงาน
องค์กรสามารถได้คนที่ขยายประสบการณ์ผ่านการทำงานและเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เพิ่มพูนขีดความสามารถไปกับความอาวุโส เสริมข้อจำกัดของการตอบแทนและการจูงใจด้วยสวัสดิการโดยทั่วไป ให้ทรัพยากรบุคคลอีกจำนวนหนึ่งที่ให้คุณค่าต่อการพัฒนาตนเอง ได้มีโอกาสใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ต่อองค์กร ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ได้รับความสำคัญ สำหรับการพัฒนาองค์กรเรียนรู้ในปัจจุบัน
สื่อเล็กๆ แต่เติมแรงบันดาลใจ วิธีคิด และปฏิบัติการในแนวทางใหม่ๆ ก็สามารถทำให้งานประจำพื้นๆ กลายเป็นสิ่งสร้างสรรค์ทั้งงาน องค์กร และการพัฒนาบุคลากร ได้ครับ.
แวะมาอ่านการพัฒนาคนแบบบูรณาการด้วยสื่อสร้างพลังครับ
เรียน อาจารย์วิรัตน์ครับ
ผมอ่านโดยละเอียดครับ ต้องขอบคุณอาจารย์มากครับ ที่ได้ชี้ประเด็นให้เห็นชัดโดยละเอียด ในการทำงานผมเองให้ความสำคัญกับการสื่อสารมากครับ ผมถอดบทเรียนกับตัวเองตลอดว่า คือการสื่อสารที่ดีทำให้งานสำเร็จไปกว่าครึ่ง
โจทย์ที่น่าสนใจก็คือ การสื่อสารที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย และเร้าพลัง น่าจะเป็นอย่างไร...อาจารย์เขียนบันทึกได้ดีมากเลยครับ
ประเด็นที่ผมคิดว่า เราควรเรียนรู้ก็คือ
ผมคิดว่าจะขออนุญาตบันทึกเรื่องราวที่อาจารย์เขียน นำเผยแพร่ให้เพื่อนๆที่ทำงานด้วยกันได้เข้ามาเรียนรู้ครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์