และแล้ว การศึกษานพลักษณ์ด้วยระบบ E Learning ของสมาคมนพลักษณ์ไทย ที่จัดทำและดำเนินการฝึกอบรมให้กับพนักงานของ สวทช. รุ่นที่ 1 ก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว
เมื่อผู้เข้ารับการอบรมเข้าไปเรียนรู้ในระบบ E Learning ครบจำนวน 5 โมดูล แล้ว มีการจัดอบรมนอกระบบ E Learning เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้มีโอกาสรับคำปรึกษาจากวิทยากรพี่เลี้ยง ก่อนที่จะเข้ากลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยน การทำความรู้จักตนเองตามลักษณ์
เมื่อผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยการสัมภาษณ์หมู่ (Panel Interview) ทางการเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการ ได้แจกแบบประเมินผลการเรียนรู้ และได้รวบรวมสรุปได้ ดังรายละเอียดในไฟล์ที่ดิฉันนำขึ้นเป็น ไฟล์อัลบัมไว้ตามลิ้งค์ ค่ะ
http://gotoknow.org/file/nujjin/Enneagram_E_Learning.ppt
โดยรวมๆ ก็เป็นที่น่าชื่นใจค่ะ
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่สมาคมนพลักษณ์ไทยออกแบบหลักสูตรการเรียนรู้นพลักษณ์แบบนี้
เราพบว่า key success factor ที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่ระบบการเรียน แต่อยู่ที่ ความสนใจของผู้เรียนเองเป็นสำคัญ
ท่านที่ใส่ใจ และไม่มองออกนอกตัว ก็จะพบว่า แม้จะไม่ได้ศึกษาข้อมูลในระบบมากนัก เพียงแค่ได้รับการปรึกษาตัวต่อตัวกับวิทยากร ก็สามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความเป็นตัวเองได้ดีเยี่ยม แถมมีความสดใหม่ ไม่ได้ลอกเลียนคำพูดจากตำรา หรือข้อมูลที่เราจัดเตรียมไว้ให้
ทางสมาคมฯ ก็ได้เรียนรู้บทเรียนในการวางตัวเป็นเพียงแค่ "กระบวนกร" หรือผู้จัดกระบวนการเรียนรู้ หรือแค่การ "เอื้อ" ให้เกิดการเรียนรู้ ในอีกแง่มุมหนึ่ง มิเพียงแต่ผู้เข้ารับการอบรมจะได้รู้จักตนเองเท่านั้น
สวัสดีค่ะ krutoi ชอบเรียนรู้แบบตัวถึงตัว กับวิทยากร เช่นกัน มันกว่ากันเยอะเลย รับรูข้อมูล แลกเปลี่ยนทันใจ ขอบคุณค่ะ
สวัสดีคะ พี่อัญชลี
เพิ่งตามมาอ่านเจอ
ในฐานะเพื่อนกัลยาณมิตรรุ่นน้องพี่อัญชลี ในการเรียนรู้นพลักษณ์ ด้วยคนหนึ่ง
อ่านประมวลผลการเรียนรูโครงการนี้ ที่แนบแล้ว ชื่นใจจังเลยคะ ซาบซึ้งใจ
ชื่นใจกับโครงการนี้ด้วย
อ่านบทความนี้แล้ว
สะดุดกับประโยคที่กล่าวว่า
"เราพบว่า key success factor ที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่ระบบการเรียน แต่อยู่ที่ ความสนใจของผู้เรียนเองเป็นสำคัญ"
แล้วนึกถึงตัวเอง และเพื่อนๆคนรอบข้าง
เพราะบางทีเมื่อก่อน เราไม่สามารถรับสิ่งที่ผู้อื่นเห็นว่าดีแต่เรายังไม่พร้อมรับเลยบางทีเหมือนยัดเยียด
และบางทีพอเราเจอพบสิ่งอะไรดีดี แล้วเราก็"อยาก"ให้สิ่งดีดีนี้แก่คนรอบข้างมากไปเช่นกันโดยไม่ดูความพร้อม เขา ทำให้เหมือนยัดเยียด
เลยตอนนี้ตระหนักได้ว่า .."ไม่มีใครต้องการกอบกู้จิตวิญญาณ หรือพัฒนาด้านในตนเองโดยอาศัย ความเชื่อ หรือการยัดเยียดจากผู้อื่น มันจะเกิดเองเมื่อถึงเวลาอันควรของแต่ละคน เราก็ทำดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ "
สวัสดีคะ เขียนบทความดีดีมาให้อ่านอีกนะคะ
ขอบคุณค่ะผึ้ง