จากการทำงานที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เรามักให้บริการเชิงรับมาตลอด.....ทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์อยู่ในหน่วยงาน ทำหน้าที่ให้บริการทางสังคมสงเคราะห์กับผู้ป่วยยาเสพติดและญาติ และก็เป็นนักบำบัดที่เข้าไปทำกิจกรรมกลุ่มบำบัดกับผู้ป่วยที่เข้ามาบำบัดรักษาที่สถาบันฯ ดำเนินกิจกรรมการบำบัดรักษาร่วมกับสหวิชาชีพ เพื่อสนับสนุน ส่งเสริมให้คนแต่ละคนเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ความคิดและพฤติกรรมเพื่อให้สามารถเลิกยาเสพติดได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่กิจกรรมส่วนใหญ่ก็จะเป็นกิจกรรมที่ทำกับผู้ใช้ยาเสพติดที่เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาแล้ว ไม่ว่าจะสมัครใจมาด้วยตนเอง ทางบ้านบังคับ ขอร้อง หรือถูกผลกระทบทางกฎหมาย หรือถูกบังคับให้บำบัดรักษาก็ตาม.... แต่ก็ยังมีกลุ่มอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจ คือกลุ่มผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นซึ่งยังไม่เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ยังเป็นกลุ่มที่หลบซ่อนตัวในสังคม ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลุ่มผู้ด้อยโอกาสในสังคมอีกกลุ่มหนึ่งที่ควรได้รับการดูแลช่วยเหลือ เนื่องจากถูกแบ่งแยกจากสังคม สังคมไม่ยอมรับ ดูถูก เลือกปฏิบัติ ส่งผลต่อการขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการทางสังคม ประกอบกับเมื่อได้รับเชื้อ HIV ด้วยแล้วยิ่งส่งผลกระทบให้สถานการณ์แย่ลงไปจากเดิม ผู้ใช้สารเสพติดต้องประสบปัญหาทั้งด้านร่างกาย จิตใจและสังคม
การให้การสนับสนุนทางสังคม ในด้านสิ่งของ ข้อมูลข่าวสาร การยอมรับ ความเห็นใจ การเห็นคุณค่า และความช่วยเหลือ จึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นที่ได้รับการติดเชื้อ HIV ทำให้ได้รับความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการดูแลตนเอง เราจึงมีกิจกรรม “ บ้านอุ่นไอรัก ” เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ใช้ยากลุ่มนี้ แต่เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้ยากลุ่มนี้มักแยกตัวออกจากสังคม ทำให้การเข้าถึงโดยบุคลากรสาธารณสุขจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ในช่วงแรกที่ลงไปทำงานเชิงรุก เข้าไปในชุมชนเพื่อค้นหาผู้ใช้สารเสพติดที่ยังไม่เข้ารับการรักษาเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก แม้มีการเตรียมชุมชนโดยเข้าไปพูดคุยอธิบาย และจัดประชุมกับคนในชุมชนแล้วก็ตาม แต่สำหรับผู้ใช้ยาและครอบครัวก็ยังไม่ไว้วางใจ ไม่กล้าเปิดตัว บางคนก็กังวลว่ามาหลอกหรือไม่ หากเปิดเผยตัวก็จะนำตำรวจมาจับหรือเปล่า บางคนก็กังวลเรื่องความปลอดภัย บางคนก็รู้สึกว่าการติดยาไม่เป็นปัญหาของเขา ทำให้เราเรียนรู้ว่าการเข้าถึงโดยบุคลากรสาธารณสุขนั้นเป็นไปได้ยาก จึงมีการศึกษาและปรึกษาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานที่เคยมีประสบการณ์จนได้แนวทางการเข้าถึงผู้ป่วย โดยใช้เทคนิคการค้นหากลุ่มเป้าหมายโดยใช้กลุ่มผู้ป่วยกันเอง ( Snowball ) ให้ผู้ป่วยบอกต่อ ชวนกันมาเข้าร่วมกิจกรรม โดยเริ่มจากไปหากลุ่มเป้าหมายหนึ่งคน ( ตอนเริ่มทำเราจัดทีมประมาณ 3 คน ในการลงชุมชน ไปรอกลุ่มเป้าหมายหน้าคลินิกเอกชนแห่งหนึ่งที่ผู้ใช้ยามักมาซื้อยานอนหลับ เมื่อพบกลุ่มเป้าหมายเราเข้าไปพูดคุยสร้างสัมพันธภาพ บอกว่าเป็นญาติที่นำน้องชายซึ่งเป็นผู้ใช้ยาเช่นกันมาซื้อยานอนหลับไปทาน และก็ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมบ้านอุ่นไอรักเพื่อชักชวนเข้าร่วมกิจกรรม ) อธิบายวัตถุประสงค์ของการช่วยเหลือจนเกิดความเข้าใจ และให้เขาบอกต่อๆกันจนเกิดเป็นกลุ่ม เป็นเครือข่าย ในรูปแบบกลุ่มสนับสนุนทางสังคม ( Social Support) ซึ่งกิจกรรมการให้ความช่วยเหลือแบบกลุ่มจะใช้ลักษณะเพื่อนช่วยเพื่อน คือให้สมาชิกที่ประสบปัญหาคล้ายๆกัน มารวมตัวกัน ช่วยเหลือสนับสนุน โดยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์กัน มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน สมาชิกของกลุ่มมีโอกาสเรียนรู้เทคนิคต่างๆที่นำไปสู่การดูแลตนเองจากเพื่อนสมาชิกที่ทำสำเร็จมาก่อน ทำให้เกิดกำลังใจ ส่วนผู้ที่ให้คำแนะนำ เป็น Role model ก็จะได้รับประโยชน์จากการเป็นแบบอย่างให้ผู้อื่น เป็นการเปิดโอกาสให้แสดงความภาคภูมิใจ และต้องการที่จะดูแลตนเองต่อไปเพื่อนำไปสู่การดูแลตนเองที่ดีขึ้น นอกจากนี้แล้วยังควรให้ความช่วยเหลือแบบรายบุคคล ( Individual case) ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือแบบกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับความช่วยเหลือตามสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น มีความรู้ ความเข้าใจ กำลังใจ ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีการดูแลตนเอง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้
ไม่มีความเห็น