ชื่อเรื่องฟังแล้วเหมือนพาดหัวข่าวเหตุการณ์ร้ายนะคะ แต่ไม่ใช่ค่ะ เรื่องนี้สนุกล้วนๆ
31 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันฮาโลวีน (Halloween) ชื่อก็ออกแนวชัดเจนว่าไม่ใช่ประเพณีไทย เป็นของประเทศทางตะวันตกค่ะ แต่เมื่อเป็นเรื่องสนุกสนานคนไทยก็ร่วมฉลองวันนี้กับเขาด้วยเหมือนกัน และตั้งชื่อแบบไทยๆ ว่า “วันปล่อยผี”
ยุคนี้ กระแสฮาโลวีนแผ่กระจายไปทั่วโลก เพราะวัตถุประสงค์เดิมที่ตั้งใจให้เป็นวันเกี่ยวกับ "นักบุญ" และ "ผู้ล่วงลับ" เปลี่ยนไปเป็นวันพบปะสังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้กันแทนการระลึกถึงคนตายอย่างจริงจังเหมือนสมัยโบราณ
แต่เค้าเดิมเรื่องของผีผี ก็ทำให้การฉลองวันฮาโลวีนยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัว อะไรๆที่เกี่ยวข้องกับวันนี้ล้วนสร้างสรรค์ให้ออกแนวน่าเกลียดน่ากลัว และเน้นการใช้ “สีดำกับสีส้ม” เป็นหลัก
บ้านเรือนและอาคารสถานที่จะมีการตกแต่ง สร้างบรรยากาศให้น่ากลัว ด้วยสิ่งของประเภทโลงศพ ผี ค้างคาว แมงมุม โครงกระดูก แมวดำ แม่มด ฯลฯ
การแต่งกายในวันนี้ก็ต้องให้น่ากลัว เลียนแบบผีนานาชนิดหรือแบบแฟนซี ขึ้นอยู่กับว่าใครจะคิดได้สยดสยองพิสดารล้ำลึกกว่ากัน
กิจกรรมเด่นสุดๆ ที่ทำในวันฮาโลวีนคือ ทริกออร์ทรีต (Trick or Treat) ซึ่งเด็กๆ จะพากันแต่งแฟนซีออกไปเดินขอขนมตามบ้าน นอกจากนั้นก็มีการแกะสลักฟักทองเป็นรูปหน้าผีแล้วจุดเทียนใส่ข้างในเป็นโคมไฟ (Jack O’Lantern) การทัวร์บ้านผีสิง การจัดงานแฟนซีปาร์ตี้ การก่อกองไฟเล่าเรื่องผี การดูหนังสยองขวัญ ฯลฯ สมัยเรียนฉันเคยดูหนังเรื่องศุกร์สิบสามที่นำมาฉายต่อเนื่องกัน 3 ภาคในโรงหนังของมหาวิทยาลัย รอบๆตัวมีผีฝรั่งสารพัดแบบนั่งชมอยู่ด้วย ช่วยเสริมบรรยากาศมากเลยค่ะ ค่าตั๋วแค่ดอลล่าร์เดียว!
อาหารที่นิยมเสิร์ฟในวันฮาโลวีนของคนอเมริกันคือ แอปเปิ้ลเคลือบคาราเมล ข้าวโพดคั่วคลุกน้ำเชื่อมปั้นเป็นลูกกลมๆ พายฟักทอง เค้ก และลูกกวาดรูปเม็ดข้าวโพด โดยมีน้ำแอปเปิ้ลเป็นเครื่องดื่มสำคัญ ส่วนคนไอริชต้นตำนานฮาโลวีนนั้นจะต้องเสิร์ฟ Colcannon ซึ่งมีส่วนผสมหลักคือกะหล่ำปลีกับมันฝรั่ง
ความที่อาหารเป็นหัวใจของงานฉลองทุกประเภท อาหารที่กินในวันฮาโลวีนซึ่งตามปกติก็ไม่มีอะไรแปลกพิสดาร ก็มีคนสมัยนี้คิดสร้างสรรค์ให้มี “อาหารสไตล์สยองขวัญ” ขึ้นมา
อาหารสยองขวัญเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ที่พัฒนาเพิ่มเติมขึ้นจากธรรมเนียมอาหารดั้งเดิมที่กินในวันฮาโลวีน โดยออกแบบของกินที่เสิร์ฟในวันนี้ให้มีรูปลักษณ์ชวนคลื่นเหียน เห็นแล้วอยากอาเจียนแทนที่จะน่ากิน เพื่อจะได้เข้ากับบรรยากาศวันผีๆ
ฉันเคยไปร่วมงานฮาโลวีนปาร์ตี้ที่ของกินแต่ละอย่าง เห็นแล้วแทบไม่อยากหยิบเข้าปาก อย่างเช่น ลูกกวาดรูปสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ เค้กทำเป็นรูปโลงศพ รูปหัวกะโหลก คัพเค้กแต่งเป็นรูปลูกตาและอวัยวะต่างๆ ขนมปังรูปร่างเป็นนิ้วมือถูกตัดแถมมีเลือดติด แม้แต่เครื่องดื่มก็มีควันลอยขึ้นมาราวกับเป็นยาพิษ สีเขียวอื๋อ !?!
เฮ้อ...คนหนอคน.. คิดได้ยังไง?
ฮาโลวันคราวนี้ ระมัดระวังในเรื่องอาหารการกินกันหน่อยนะคะ เวลาพาเด็กๆไปทริกออร์ทรีต ควรไปเฉพาะบ้านของผู้ที่รู้จักคุ้นเคย จะได้แน่ใจว่าขนมและลูกกวาดที่ได้มานั้น เด็กๆกินได้อย่างปลอดภัย ถ้ามีผู้ใหญ่ตามไปกำกับดูแลด้วยยิ่งดีค่ะ
ในทางกลับกัน ถ้าเราเป็นฝ่ายต้องเตรียมขนมสำหรับเด็กๆ ควรเลือกของกินที่ไม่หกเลอะเทอะ ไม่ละลายเปรอะเปื้อนง่าย ห่อหุ้มเรียบร้อย สำหรับฉันเองสนับสนุนให้เด็กกินผลไม้มากกว่า จึงเตรียมผลไม้ไว้แจกแทนลูกกวาดค่ะ
คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นเคยกับธรรมเนียมทริกออร์ทรีต แต่กระแสฮาโลวีนที่มากระทบทำให้มีการจัดปาร์ตี้ในวันฮาโลวีนตามโรงแรมและสถานเริงรมย์ ทั้งๆที่เป็นงานที่ควรจัดในบ้าน ท่ามกลางสมาชิกครอบครัวและญาติมิตร
การตกแต่งอาหารให้มีรูปลักษณ์ชวนสยองขวัญได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การกินอาหารในงานปาร์ตี้ฮาโลวีนที่ผู้อื่นซึ่งไม่คุ้นเคยเป็นผู้จัด จึงต้องระมัดระวังให้มากๆ นะคะ เพราะถ้าเกิดเหตุ “อาหารเป็นพิษ” ละก็ วันฮาโลวีนจะกลายเป็นเรื่องสยองขวัญไปจริงๆ
ขำเรื่องอาหารที่อาจารย์บอกว่ารูปร่างไม่น่าหยิบเข้าปากน่ะค่ะ - - อิอิ
แต่ละอย่างสมกับที่อาจารย์อุทรมาว่า เฮ้อ...คนหนอคน
คิดถึงอาจารย์นะคะ...ศิริวรรณ นวัตกรปี50 นักศึกษารุ่นปี 48 Eng
โอ้โห...กินไม่ลงค่ะอ.ข๋า หนูนวัตกรศุภสุตาค่ะ ตามมาเป็นเป็นสมาชิกที่นี่อีกแล้วค่ะ...เมื่อปีที่แล้วหนูได้ไปร่วมงาน "ปาร์ตี้ฮาโลวีน" ที่บ้านเด็กทที่หนูไปสอนและดูแลค่ะ ฝั่งทั้งนั้น มีคนไทยแค่ไม่กี่คน ได้รับบรรยากาศฮาโลวีนแบบที่ทางตะวันตกจัดจริงๆเลยค่ะ ครั้งนั้นได้ทานอาหารที่นิยมทำในวันฮาโลวีนด้วย โดยเฉพาะพายฟักทอง เค้ก และลูกกวาดรูปเม็ดข้าวโพดและกะหล่ำปลีกับมันฝรั่ง( เพิ่งมารู้ตอนอ่านบล็อกนี้ว่าชื่อColcannon ค่ะ)...รสชาติก็..แปลกดีแต่ก็อร่อย
ที่ชอบมากคือการตกแต่งสถานที่...เหมือนเข้าไปในบ้านผีสิงเลยค่ะ น้องเอมที่หนูไปดูแล ถึงกับไม่กล้าเข้างาน
ต้อมไม่แปลกใจที่มีคนทำ แต่จะแปลกใจที่มีคนกิน อื๊ย..ย..ย
น่ากลัวกว่าน่ากินค่ะ