ฌาน
สมาบัติ ความชำนาญ (วสี) และ เหตุทำให้ฌานเสื่อม
๑. ฌานสมาบัติ
ฌานมี ๒ คือ รูปฌาน ๑ อรูปฌาน
๑
รูปฌาน
มี ๔ คือ ปฐมฌาน ทุติยฌาน
ตติยฌาน จตุตถฌาน
อรูปฌาน
มี ๔ คือ อากาสานัญจายตนฌาน ๑
วิญญาณัญจายตนฌาน ๑ อากิญจัญญายตนฌาน ๑
เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ๑
รูปฌาน ๔ อรูปฌาน ๔ รวมเป็น ๘
เป็นเหตุให้เกิดสมาบัติ
สมาบัติเป็นผลของฌานเรียกว่าชื่อตามฌาน ๘
จึงเป็นสมาบัติ ๘ สมาบัติ ๘
นี้ มีทั่วไปแม้ภายนอกพระพุทธศาสนา
แต่ไม่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์
ส่วนที่มีอยู่ในพระพุทธศาสนาเป็นไปเพื่อความดับทุกข์
สมาบัติ ว่าโดยประเภทเป็น ๒ คือ
ผลสมาบัติ ๑ นิโรธสมาบัติ ๑
ผลสมาบัติ มีทั่วไปแก่พระอริยเจ้าทั้งสิ้น
นิโรธสมาบัติ มีเฉพาะพระอริยบุคคล ๒
จำพวก คือ พระอนาคามีบุคคล ๑
พระขีณาสพที่ได้สมาบัติแปด ๑
ฌานกับสมาบัติ
ว่าโดยอรรถเป็นอันเดียวกัน ต่างแต่พยัญชนะ
เพราะฌานเป็นที่ถึงด้วยดีของผู้มีปกติได้ฌาน
สมาบัติ ๘ เพิ่มสัญญาเวทยิตนิโรธ คือ
ดับสัญญาและเวทนาเข้าอีก ๑ รวมเป็น ๙
เรียกว่า
อนุปุพพวิหารสมาบัติ
สัญญาเวทยิตนิโรธ เป็น
ความดับที่สุดสายของสมาบัติ คือ
เมื่อได้ ปฐมฌาน กามสัญญาดับ
เมื่อได้ ทุติยฌาน วิตกวิจารดับ
เมื่อได้ ตติยฌาน ปีติดับ
เมื่อได้ จตุตถฌาน ลมอัสสาสะ ปัสสาสะ ดับ
เมื่อได้ อากาสานัญจายตนฌาน รูปสัญญาดับ
เมื่อได้ วิญญาณัญจายตนฌาน สัญญาในวิญญาณัญจายตนะดับ
เมื่อได้ เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน สัญญาในอากิญจัญญายตนะดับ
เมื่อได้ สัญญาเวทยิตนิโรธ สัญญาและเวทนาดับ
๒. วสี (ความคล่องแคล่ว
ชำนาญ)
ผู้เจริญกัมมัฏฐาน เมื่อได้ฌาน เช่นได้ปฐมฌานแล้ว
ถ้ายังไม่มีความชำนาญคล่องแคล่วในฌานที่ตนเจริญนั้น
ห้ามเลื่อนไปเจริญฌานอื่นต่อ ๆ ไป
ความคล่องแคล่วหรือชำนาญเรียกว่า วสี มี ๕
คือ
๑) อาวัชชนวสี ความชำนาญในการนึก
๒) สมาปัชชนวสี ชำนาญในการเข้าฌาน
๓) อธิฏฐานวสี ชำนาญในการรักษาฌานมิให้ตก
๔) วุฏฐานวสี ชำนาญในการออกจากฌาน
๕) ปัจจเวกขณวสี ชำนาญในการที่จะพิจารณา
๓. เหตุซึ่งทำให้ฌานเสื่อม ๓ อย่าง
๑) กิเลสสมุทฺทาจาเรน เพราะกิเลสฟุ้งซ่าน
๒) อสปฺปาย กิริยาย เพราะทำความไม่สะดวก
(หรือคราเมื่อกระสับกระส่ายด้วยทุกขเวทนาเกินข่มได้
เพราะเจ็บไข้หนักเป็นต้น ชยมงฺคโล ภิกฺขุ)
๓) ๓) อนนุโยเคน เพราะไม่ประกอบเนือง
ๆ
ทางมรรคผลนิพพาน ธรรมปฏิบัติถึงธรรมกายและพระนิพพาน | ||||||
|
ขออนุโมทนาแก่บทความดีๆของกระทู้นี้ค่ะขอบคุณมากค่ะ