เจ็บ จน โง่...มีจริงหรือ


เจ็บ จน โง่ มีจริงหรือ

เจ็บ จน โง่ มีจริงหรือ

เจ็บ จน โง่ มีจริงหรือ ระบบ ระบอบสังคมการเมืองมีส่วนเหนี่ยวนำวาง (เดินหมาก) ให้เป็นอย่างนั้น

 

ขอโน้ตไว้ก่อนว่า เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ห้ามลอกเลียนแบบ  เอ๊ย..ม่ายช่าย หมายถึงแม้คิดต่างกรุณาแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ได้โดยสุภาพ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ สิ่งที่พบเห็นมาในชีวิต   ชีวิตคือชีวิต  โรงเรียนไม่มีสอนนะคะ.....ยกมาเป็นประโยชน์สักหน่อย  เจ้าความผ่านร้อน ผ่านหนาวมาแล้ว(หลายรอบเสียด้วย)

 

ในสมัยโบราณมาก ๆ  หลักฐานจากหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช  เราคนไทยสมัยนั้นมีหรือคะ..เจ็บ จน โง่

ยุครุ่งเรืองต่อ ๆ มา น่าจะยุคพระนารายณ์มหาราช ด้วยองค์หนึ่ง..ไทยเรามีมั้ย..เจ็บ จน โง่

ยุคราชวงศ์จักรี  เห็นกันเด่นชัด..รัชกาลที่ห้า

รูปที่เห็นเจนตา  คือภาพนั่งยอง ๆ ในพระหัตถ์มีมวนยาสูบ..หรือเปล่านะ

ท่าทางพระองค์สบาย สบาย

คราเสด็จประพาสต้น

ไทยเราตอนนั้นมีหรือยัง..เจ็บ จน โง่

 

ดิฉัน(คิดเอาเองว่า)  เป็นเพราะสังคมสมัยต่าง ๆ ที่ว่ามาข้างต้นนั้น  

หลังคาเรือนแต่ละเรือนแม้ไม่ชนกันแต่  ความเป็นเพื่อนบ้านสื่อไปมาหาสู่กัน

มีการแลกเปลี่ยนข้าวปลาอาหาร  กับพืชผักสวนครัว  หมูไปกลายเป็นหมูย่างมา..ฮา

 

มีการช่วยกันทำนาเกี่ยวข้าว  ลงแขก  เต้นกำรำเคียว..ผู้รู้จริงช่วยให้ข้อมูลดิฉันด้วย

(ข้อเขียนดิฉัน อย่างน้อยแฟนคลับคนหนึ่งเคยบอกว่า..มีความจริงใจ..แทรกมา  ซึ่งเป็นจริง..คือเขียนตามที่เราคิดออกมาจากความในใจ  ที่ซื่อสัตย์กลั่นกรองออกมา เพราะรู้ว่าข้อเขียน ตัวอักษรของเรา..บอก..ความเป็นเราได้

ไม่ถนัดค่ะกับการลอก หรือก๊อปปี้ ความรู้ข้อมูล ข้อเท็จจริงมานำเสนอ..โดยการตัด-ต่อ-แต่ง-เติม  หรือ เกาะสถานการณ์  เกาะประชานิยม )

สังคมไทยแบบเดิม เป็นสังคมใหญ่ เกาะกลุ่ม เกษตรกรรม ปศุสัตว์ ทำไร่ทำนา

ได้ผลิตภัณฑ์ออกมาก็..ใครใคร่ค้า ม้าค้า....

ยุคเปลี่ยนผ่านมาอีกหน่อย  มีคนคิด  เอาระบบสหกรณ์ มาใช้

สหกรณ์ในส่วนท้องถิ่น

มีแรง มีกำลังต่อรอง  ที่จะตั้งเงื่อนไขเราคา ผลประโยชน์ กับพ่อค้าคนกลาง

ซึ่งดูดีอยู่นะคะ

 

 

............กาลเวลาผันเปลี่ยน  มีตัวอย่างให้เห็นบ่อย ๆ

เช่นไม่นานมานี้ คนใกล้ชิดที่เปรียบเสมือนญาติ..พวกเขาขายที่ดินทำกินให้ชาวญี่ปุ่น  เพื่อก่อสร้างโรงงาน

แล้วตัวเอง  ญาติมิตร เกือบทุกคนในหมู่บ้านเดียวกันที่เป็นเคยแรงงานสำคัญในการทำสวนผักของตัวเอง

รับค่าแรงเป็นรายวัน..อ้อ..รายวิก(week)

 

ตลกร้าย..เหลือ

 

ตอนนี้ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เพราะบังเอิญเป็นโรงงานทำตุ๊กตา  ไม่ใช่ปัจจัยสี่

คนงานได้หยุด(เล่น)บางวิก พร้อมค่าแรงก็หยุดเช่นกัน

 

ตอนนี่สิคะ  เริ่มเห็นชัดเจนขึ้น..เจ็บ(ใจ)  (ที่)  จน และ..โง่

 

ขายที่ดินทิ้งไป..ทำไม

 

 

นั่นสิ

 

หมายเลขบันทึก: 215355เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2008 22:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2014 22:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)
  • อ่านแล้วยัง งงๆครับ
  • เจ็บแล้วจนแล้วโง่หรือว่า
  • เจ็บ จนกลาย เป็นโง่ครับ

น่าคิดดีค่ะทำให้เห็นว่าเหตุปัจจัยของวงจนอุบาทว์เจ็บจนโง่นั้นคืออะไร

คำตอบนั้นมัทว่าเรารู้ๆกันดีว่าคืออะไร แต่...ที่สำคัญคือ เราต้องตามกระแสหรือไม่

ระบบที่คนอื่นเค้าพามา เราไปตามทำไม

เรื่องขายที่นานี่มัทเห็นมากับตาเวลาพานักศึกษาไปออกชุมชน

ทั้งขายเพราะเป็นหนี้ หรือ โดนเวรคืนทำเขื่อนแล้วทางการให้เงินมา

เงินหมดง่ายมาก ต้องไปรับจ้างทำนาคนอื่น ไม่ก็แย่ไปกว่านั้นคือไม่มีนาให้ทำ

ต้องไปรับจ้างทำอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่ถนัด

แล้วความอยากก็ยังมี ยังยืมต่อ ยังมีคนแจกเงินต่อ สอนให้ใช้เงินต่อ แต่ไม่สอนให้สร้างเงิน

หนี้ธกส.นี่ติดจนลืม ยังมีหนี้อื่นอีก โดนหลอกต่อมาเรื่อยๆ จนแบบเป็นหนี้แต่หน้าบ้านมีรถมีมือถือมีจานดาวเทียม

นี่แต่ก่อนไม่มีโครงการ 30 บาท เจ็บทีก็เรื่องใหญ่กว่านี้ (ตอนนี้เรื่องเป็นการบริหารจัดการของรพ.มากกว่า)

โอย....อย่าให้เริ่ม hahahahha : P

คุณหมอเปลี่ยนแนวนะคะ
โง่ จน เจ็บ พูดกันมานานค่ะว่า เป็นวงจร  ของชาวชนบทโดยปฏิบัติการของภาครัฐมาตลอด
  แม้ว่ารัฐเองจะพยายามขจัดปัญหาความยากจนของประชาชนให้หมดไปด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจต่างๆนานา เช่น การจัดตั้งกองทุนต่างๆ จะมุ่งช่วยเหลือเกษตรกรที่มีคนจนเป็นสำคัญก็ตาม

พี่มีความเห็นว่า รัฐควรเข้ามาดูแลเรื่องการศึกษาอย่างจริงจัง ให้มากกว่านี้  เท่าที่อ่านจากบันทึก ครูวุฒิ ยังต้องมีการปรับปรุงอีกมาก

นอกจากนี้ รัฐต้องช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ ให้ได้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขตามอัตภาพ ไม่แร้นแค้นขัดสนจนเกินไป โดยให้เขามีอาชีพ ที่เหมาะสม สร้างโอกาสให้คนจนสามารถพัฒนาและพึ่งตนเองได้ในระยะยาว เพราะความจนไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องรายได้  
แต่ยังมีเรื่องของที่ดินทำกิน  และการที่นักการเมืองบางคน ใช้การคอร์รัปชันเชิงนโยบายขูดรีดเบียดบังประชาชนเหล่านี้ด้วย

แต่ที่เห็นว่า ดีแล้วคือ โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าค่ะ ควรทำต่อไป

P คคห น้องมัท ช่วยให้พี่ไม่ต้องเขียนตอนสอง...ฮา

ความคิดเราตรงกันค่ะ

  • เหตุปัจจัยของวงจรอุบาทว์เจ็บจนโง่นั้นคืออะไร  ชนชั้นปกครองหรือผู้มีความรู้(นายทุน นักการเมือง ...)ระบบ ระบอบสังคมการเมืองมีส่วนเหนี่ยวนำวาง (เดินหมาก) ให้เป็นอย่างนั้น หรือเปล่า โลกมีglobbalrization  พี่ไทยนักก๊อป เดินตาม(ก้น)เขาหรือเปล่า  เหมือนเพลงพี่เต๋อเพลงหนึ่ง..มันแปลกดีนะ มันแปลกดีนะ มีคนเขาอยู่เมืองนอก ไม่ต้องบอกเขาชื่ออะไร เขาคิดให้เราแต่งตัว..ถ้าเขามั่วจะว่ายังไง...
  • เรื่องขายที่นานี่มัทเห็นมากับตาเวลาพานักศึกษาไปออกชุมชน ทั้งขายเพราะเป็นหนี้ หรือ โดนเวรคืนได้เงินมาเงินหมดง่ายมาก ต้องไปรับจ้างทำนาคนอื่น ไม่ก็แย่ไปกว่านั้นคือไม่มีนาให้ทำต้องไปรับจ้างทำอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่ถนัด  บริษัทมีชื่อแห่งหนึ่งก็เคยมีคนกล่าวถึงในแง่มุมนี้ค่ะ

  • ยังมีคนแจกเงินต่อ สอนให้ใช้เงินต่อ แต่ไม่สอนให้สร้างเงิน....ตรงนี้สำคัญมาก ๆ พี่คิดว่าสิ่งสำคัญสุดระดับประเทศน่าจะเป็นเรื่อง..การปฎิรูปการศึกษา การเรียนรู้ ซึ่งม่ใช่เพียงแค่เรียนให้ได้เกรดหรือ คะแนนดี ๆ การเรียนการศึกษาที่ดี น่าจะ เรียนแบบองค์รวม แบบเรียนรู้ เรียนคิดจากชีวิต..ของผู้คนจริง ๆ  เรียนถึงการเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างไรกับทรัพยากรที่ร่อยหรอ อยู่อย่างไรกับแนวโน้มโลกแห่งเศรษฐกิจโงนเงน  อยู่อย่างไรกับภาวะโลกร้อน...อีกเยอะจริง ๆ ค่ะน้องมัท

P  จริง ๆ แล้วเวลาอยู่ในชีวิตประจำวัน น้องพูดคุยเรื่องแบบนี้ค่ะ  เพียงเห็นว่าในเวบ ในพื้นที่ส่วนกลางจะมากไปหรือเปล่า ที่จะคุยเรื่องนี้..ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ คุยอีกนิดแล้วกัน

  • โง่ จน เจ็บ พูดกันมานานค่ะว่า เป็นวงจร  ของชาวชนบทโดยปฏิบัติการของภาครัฐมาตลอด
      แม้ว่ารัฐเองจะพยายามขจัดปัญหาความยากจนของประชาชนให้หมดไปด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจต่างๆนานา เช่น การจัดตั้งกองทุนต่างๆ จะมุ่งช่วยเหลือเกษตรกรที่มีคนจนเป็นสำคัญก็ตาม

    โครงการ อุดมการณ์ ความคิด ดีค่ะแม้แต่โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า  หลักจริง ๆ แล้ว (ที่เคยเข้าเรียนกับเขา น้องจบสองใบค่ะ จบอนุมัติบัตรเวชศาสตร์ครอบครัวด้วยค่ะ)   รัฐอยากให้ประชาชน  มีความรู้ความเข้าใจเรื่องดูแล ป้องกัน ปฎิบัติตัวเองให้ถูกต้องเวลาไม่สบาย หรือมีโรคเรื่อรังบางอย่างที่ดีขึ้นเองได้จากการดูแลตนเอง
  • แต่นี่  กลายเป็น..รัฐแจก..อ้อ..ขอโทษ จ่ายยาตามคำrequest ของคนไข้ค่ะ
  • คงต้องรอปรับ หรือเพิ่ม และดูแลเรื่องการศึกษาอย่างจริงจัง อย่างที่คุณพี่ให้ข้อคิดไว้ 
  • น้องคิดแว้บ ๆ ขึ้นมาคล้ายที่พี่แสดงข้อคิดเห็นไว้ว่า  ถ้าไทยเราได้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขตามอัตภาพ ไม่แร้นแค้นขัดสนจนเกินไป  อยู่อย่างพอเพียง พึ่งพากันและกันตามแบบฉบับสังคมไทยเราแต่ก่อน ๆ ก็..ตัดคำนี้ทิ้งได้..ไม่ว่า"เจ็บ-จน-โง่หรือ โง่-จน-เจ็บ" 
  • ขอบคุณทั้งสองมาก ๆ เลยค่ะ

หรือ..เพื่อเป็นช่องสำหรับ  การทำ"ประชานิยม"นั่นเอง...

โอ จะโดนถล่มมั้ยเนี่ย...

P  Do you understand now ,please read other comments from 2-6 . Thanks very much for your comment ;p 

อาาา พี่หมอจบ fam med มาด้วยนั่นเอง

มัทว่าอย่างที่อ.หมอโกมาตรสอนมาเป็นสิบๆปีค่ะคือต้อง empower ประชาชน

มองให้เห็นสิ่งที่เค้ามี ไม่ใช่มองว่าเค้าไม่มี

ตอนนี้มันกลับไม่ห่วงชนบทมากเท่าในชุมชนในเมืองค่ะ องค์ความรู้ชนบทเราเริ่มมีมากขึ้น  คนที่ทำงานกับชุมชนก็มีมาก ดูอย่างคุณเอกและแต่ละที่ที่คุณเอกไปเป็นต้น (แต่ศัตรูเรา - กิเลศ- มันยังแรงแท่านั้นเอง)

แล้วคนในเมืองก็เป็นทั้งเหยื่อและตัวอย่างที่ไม่สู้จะดีให้ชนบท

ดูจากหนังสือที่ขายตามร้านนะคะ ถ้าไม่ใช่เรื่องชาวบ้าน (ดารา) ก็คัมภีร์ทำอย่างไรถึงรวย หรือ พวก self-help ดู rating หนังสือที่เราผลิตขายและซื้ออ่านก็พอจะบอกได้ว่าสังคมช่วงนั้นเป็นอย่างไร

เหมือนที่คุณกวินเขียนไว้เป็นจม.ถึงพี่ ประมาณว่า

จน เจ็บ แต่ไม่โง่ น่าจะโอเค

รวย เจ็บ โง่ ก็มี

คือจนรวยตาม GDP ไม่สำคัญ เจ็บยังไงก็ต้องเจ็บ แต่ที่สำคัญคือ

โง่รึเปล่า โดนหลอกรึเปล่า รู้จักตัวเองรึเปล่า

การศึกษาที่ดีคือต้องสอนให้รู้จักตัวเองมากกว่าให้รู้จักโลก...

จริงๆวัดก็เป็นหรือเคยเป็นศูนย์กลางชุมชน แทนที่เราจะมองไปที่กระทรวงศึกษาอย่างเดียวเรามาเริ่มที่วัดด้วย ไม่ว่าจะวัดไทย วัดจีน วัดแขก วัดฝรั่ง ได้หมด

มาหลุดวงจรโดนหลอกด้วย การรู้จักตัวเองกันเถิด....โอ้....ทำยากดีมั้ย

 

มาหลุดวงจรโดนหลอกด้วย การรู้จักตัวเองกันเถิด....โอ้....ทำยากดีมั้ย

P  น้องมัท แสดง คคห ครั้งไร พี่ต้องอ่านทบทวนบันทึก คิด ค้นหาความหมายของคำถามที่แฝง/แนบกลับมาด้วยทุกครั้ง

ดีค่ะ ได้ใช้สมอง 

การรู้จักตนเอง  นั่นสินะคะ หลายครั้งบางคนเหมือนไม่รู้จักตัวเอง
คนถนัดขวา แต่เห็นคนถนัดซ้ายแล้วดูเท่ห์ ก็คิดอยากเลียนแบบเขา  ทำท่าทางอย่างไรก็ไม่เหมือน

ไทยเราเป็นประเทศแห่งกสิกรรม พอแฟชั่นประเทศอุตสาหกรรมมา พี่ไทยก็พยายามแปลงกาย  แล้วผลพวงเป็นอย่างไร

ไทยเราเป็นเอเชีย ประเทศในเขตร้อน แต่ผู้คนใส่สูทและผูกเน็คไทด์  ก็เห็นใจนะคะว่า โกอินเตอร์  แต่มันมีวิธีอื่นไหม..หนอ

คนที่รายได้เท่ากำปั้น แต่ใช้จ่ายเกินฝ่ามือมีให้เห็นและแอบมองอย่างเงียบ ๆ


ทุกวันนี้ทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ  มีทำไม บางคำที่ได้ยินคือ..บลา บลา บลา

(พี่จึงชอบใจมากที่โรงเรียนที่เราเลือกให้อบรมบ่มและดูแลลูกของเรา เขาห้ามเด็กมีโทรศัพท์มือถือค่ะ)

เราชอบ/ไม่ชอบอย่างหนึ่ง แต่เเสดงออกตรงกันข้าม คุณรู้ตัวไหมว่าคุณกำลังหลอกตัวเอง

สรุป.....เห็นด้วยค่ะ กับน้องมัท

มาหลุดวงจรโดนหลอกด้วย การรู้จักตัวเองกันเถิด ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
เลิกทำร้ายตัวเอง

รู้จัก พออยู่พอกิน พอใจกับสิ่งของ ข้าวของที่มี อย่ามีหนี้สิน
เอื้ออารีกับเพื่อน คิดบวกต่อเพื่อน ฯลฯ โอยเดี๋ยวยาว

เอาเป็นว่า รู้จักตัวเอง ต้องเริ่มที่ตัวเอง..จริง ๆ และพี่ว่า..มันยากค่ะ..ยากตั้งแต่เริ่มต้นเลย ! ! !

มัทมานั่งคิดว่าทำไมตัวเองถึงได้พยายามเข้าใจตัวเอง

1. ต้องมีเวลาที่จะอยู่กับตัวเองนิ่งๆ ให้ได้คิด ได้สะท้อน เพราะฉะนั้น เราต้องสร้างพื้นที่นี้ แล้วก็ต้อง slow down คือทำให้ชีวิตมันช้าลง โดยทั่วๆไป เรื่องนี้ต้องเริ่มจากแต่ละบ้านเลยว่าจะจัดกิจกรรมกันยังไง อย่าให้ schedule มันแน่นไปหมด อยู่นิ่งๆเฉยๆกันบ้าง ค่อยๆเป็นค่อยๆไป

2. ต้องมีคำถามมาทำให้ฉุกคิด ไม่ว่าจะเป็นจาก การพบปะผู้คน การดูหนังดีๆ หรืออ่านหนังสือดีๆ คนเราจะฉุกคิดได้มาก ถ้าเห็นอะไรที่ขัดแย้งมากๆกับประสบการณ์เก่า

3. มีคนนำว่า การพิจารณากายและใจตัวเองทำอย่างไร มีขั้นตอนอย่างไร มัทว่าถ้ามีการสอนเจริญสติ หรือการให้ทำ quiet time ของ ศาสนาอื่นในทีวีให้มาก หรือ ในโรงเรียนให้มากน่าจะดี

4. มีทางเลือกให้เห็น ว่าแบบไหนที่ถูกจริตเรา มีความหลากหลายว่า ในโลกนี้มันมีแบบนี้นะ แบบนั้นนะ แบบโน้นนะ เรามีทางเลือก ไม่ใช่ว่าคนรอบข้างเราเป็นแบบนี้เราเลยต้องเป็น กระแสหลักเราเป็นแบบนี้เราเลยต้องยอม ต้องให้เห็นความหลากหลาย คนจะได้กล้าที่จะแตกต่าง และเห็นว่าความแตกต่างเป็นหลายๆแบบเป็นเรื่อง healthy

มัทว่ามันยากที่จะให้คนไม่ทำอะไรตามกัน...แต่เราต้องใช้ข้อนี้มาเป็นประโยชน์และโอกาส

คนเรามีนิสัย แคร์ว่าคนอื่นพูดอย่างไร จะไปเปลี่ยนคงยาก แต่ต้องทำให้ความหลากหลายมาเป็นกระแสหลักให้ได้ คนจะได้เลือก ได้เทียบว่าจรืตตัวเองเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นในหนังในทีวีก็ได้

ถ้าคนมันดูกันนักหนา ก็ให้สื่อมันมีสื่อดีๆ มีโฆษณาดีๆไป ตอนนี้มัทคิดว่าคนมักจะคิดว่าก็ถ้าไม่เป็นแบบนี้จะเป็นแบบไหน "ใครๆก็ทำ" ทั้งๆที่ใจจริงๆก็ทุกข์

มัทว่าการศึกษาในระบบต้องมาช่วยแน่นอน ต้องสอน critical thinking สอนโยนิโส แต่ว่ามันไม่พอ สื่อสารมวลชนมีพลังต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ โครงสร้างอื่นๆของสังคมก็ต้องช่วยกันหมด advocate ต้องมากและต้องขยัน ต้อง lobby เป็นด้วย

แล้วคนที่เห็นทางออกต้องมารวมตัวกัน ช่วยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เหมือนที่เรากำลังทำอยู่ สื่ออกไปให้คนได้มาอ่านว่า เราคิดอย่างไร ค่อยๆทำไปทีละคน ทีละหน่อย ซักวันมันต้องมี tipping point! หรือไม่งั้นนะ ถ้ามันแย่มากขึ้นเรื่อยๆ อะไรก็ตามถ้าถึงเวลาตกอับมากๆๆๆๆแย่มากๆๆๆๆมันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ดี เป็นธรรมชาติ

ก็มาดูว่าสังคมเราจะ tip ด้วยแรงบวกดันขึ้นมาสำเร็จ หรือ แรงลบมันกดลงต่ำ! : )

ขอบคุณครับ

เริ่มเข้าใจแล้วครับ

P  ชอบใจประโยคสุดท้าย ตัวสุดท้ายของน้องมัท : ) จังค่ะ

ก็มาดูว่าสังคมเราจะ tip ด้วยแรงบวกดันขึ้นมาสำเร็จ หรือ แรงลบมันกดลงต่ำ! : )

คือ จะอย่างไร จะยังไง อย่าลืมมี senes of humor

*****            *********             ******

1.นิ่ง มีคำสอนจากท่านไหนจำไม่ได้แน่(ท่านพุทธทาส ?) ว่ามีความสุขเวลาอยู่นิ่ง ๆ ให้เป็น 

2.3.4.และข้ออื่น ๆ อีกถ้ามี พี่ว่าการอ่านมาก ฟังมาก คิดตาม โต้(ในใจ) แต่ควรจะเป็นบุคคลที่นับได้ว่าเป็น นักคิด นักปราชญ์ /หนังที่ดี /เพลงความหมายดี..

จะใช้คำพูดยังไงดีนะ เราเอง(หมายถึงพี่เอง)ก็ไม่ได้เป็นคนที่จะสามารถ ไปตัดสินใครได้ ขึ้นกับวิจารณญาณ norm ของแต่ละคน

ขอยกคำพูดของอาจารย์หมอประเวศ วะสี ในวันนี้ เกี่ยวกับวิธีคิดของมนุษย์ ที่คิดแบบตายตัว แยกส่วน คิดเอาง่ายเข้าว่า คิดตาม ๆ กัน..ปัญหาจะเกิดก็เกิดจากการคิดแบบนี้ นำมนุษย์ไปสู่วิกฤต ความขัดแย้ง...ทำนองคล้าย ๆ แบบนี้ รายละเอียดมีอีกมาก  พี่ว่าจะไปหามาอ่านโดยละเอียดอีกครั้ง(เป็นบทความที่อาจารย์นำเสนอถึงทางออกของวิกฤต  มติชนหน้าในน่าจะมี..)

การศึกษาในระบบต้องมาช่วยแน่นอน อย่างน้องมัทแสดง คคห ไว้ นอกระบบแบบในโกทูโน นี่ก็ช่วยนะคะ น้องมัท  ขอบคุณที่ตามคุยกัน ;P

น้องมัทคะ

วิธีเรียนรู้ตัวเราเองอีกวิธีหนึ่ง คือ

เรียนจากประสบการณ์ การผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านเหตุการณ์ทุกข์ สุข เหงา เศร้า แล้วเก็บเกี่ยวมานั่งคิด สรุปประเด็น เก็บเป็นประโยชน์แก่ตนเอง

สุข จริง ๆ ไม่มี มีแต่ทุกข์น้อย

ทุกข์ ซึ่งเมื่อเผชิญเข้าสักหนึ่งครั้งก็ปางตาย(ในครั้งแรก ๆ)

คิดให้ดี ทั้งสองสิ่งสองอย่างนี้ มาแล้วก็ไป

มีสติ ระลึก ตั้งสติตัวเองได้..ก็ สบมยห..สบายมากอย่าห่วง ได้แง่คิดมาจากบันทึก พี่หมอเจ๊ ค่ะ

  • คนเราทุกคนมี "self" หรือ อัตตา ที่แฝงอยู่ในเบื้องลึก มันอยู่ลึกเสียจน เราจับต้องมัน มองมันไม่เห็น
  • พฤติกรรมหลายอย่างของคนเราที่แสดงออกมา เป็นผลมาจากตัว "self" นี้มันโหยหา
  • จะเรียนรู้และมีสติได้ สามารถใช้วิธีใคร่ครวญ เพื่อคลี่ภายในตนให้จับต้อง มองเห็น "self" นี้ค่ะน้องเล็ก
  • Pคคห ของพี่หมอเจ๊ นี่..สั้นแต่เฉียบ..ค่ะ
  • "อัตตา" ใช่ค่ะ ....  ยากที่จะค้นหา จับต้องมัน ทั้งที่มันเติบโตมาพร้อม ๆ กับ"เรา"นี่แหละ
  • การที่จะเรียนรู้ การที่จะครองสติ ระลึกรู้ถึง"อัตตา" ของ"เรา" นำมาใช้ให้ถูกที่ ถูกทาง ถูกเวลา ถูกคน ถูกเหตุถูกผล..
  • ยิ่งไม่ง่าย..นะคะ

เคยเห็นชาวสวนที่ซึมเศร้าเพราะขายที่ไป ใช้เงินจนหมดแล้วต้องมารับจ้างเขาทำสวนในที่ที่เคยเป็นของตัวเอง ไม่รู้จะพูดยังไง ตอนนั้นเห็นเงินแล้วตาโต ได้เงินมาด้วยความที่ไม่เคยมี บริหารเงินไม่เป็น ทำเป็นอย่างเดียวคือทำสวน ในที่สุดก็หมดในเวลาอันรวดเร็ว ก็ต้องกลับมาทำอาชีพเดิม แต่บนปัจจัยที่ไม่เหมือนเดิม เห็นแล้วก็เศร้าแทน แต่ถามว่าใครบังคับให้ขายที่หรือเปล่าก็ไม่ ตอนใช้เงินอย่างสนุกสนานก็ไม่มีใครบังคับ อย่างนี้คงต้องโทษฟ้าดิน รัฐบาล สังคม นายทุน ยกเว้นตัวเอง แต่ต้นตอที่น่าจะโทษที่สุดคือการศึกษา เมื่อไม่มีมันก็เลยตกเป็นเหยื่อของระบบทุนที่กลืนคนที่โง่กว่า แต่ต้นตอที่สุดของที่สุดคือความโลภ ถ้าไม่มีความโลภ รู้จักพอเพียง ชีวิตก็จะไม่เป็นเหยื่อของอะไรง่ายๆ หนูคิดว่างั้นนะ อาจจะเป็นเพราะเราไม่เคยเป็นอย่างเขา ถ้าตกอยู่ในจุดนั้นอาจจะคิดอะไรไม่ออกเลยก็ได้

มีงานวิจัย โดยนักพัฒนากร เขียนไว้ว่าด้วยเรื่องของความยากจน http://www.midnightuniv.org/midnight2544/0009999557.html

แต่ต้นตอที่น่าจะโทษที่สุดคือการศึกษา P  เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะน้องซาน

มีงานวิจัย โดยนักพัฒนากร เขียนไว้ว่าด้วยเรื่องของความยากจน ขอบคุณค่ะ

มาโน้ตไว้ว่า ฟังเรื่องหนึ่งมา เรื่องจริงค่ะ

ขอเวลาแล้วจะมาต่อตอนสอง

ประกาศนียบัตร "ผู้กู้เงินดีเด่น"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท