สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน .......
ดิฉันก็มีปะสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงอยากจะมาถ่ายทอดให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้
บางครั้งประสบการณ์นี้อาจจะเป็นประโยชน์แก่ท่านบ้างไม่มากก็น้อย
ดิฉันเคยใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นครูตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็ก ดิฉันมักจะชวนเด็กแถวบ้านมาเล่นครูนักเรียนกันอยู่เสมอๆ โดยที่ดิฉันจะขอแสดงเป็นบทคุณครูทุกครั้ง
เมื่อตอนที่ดิฉันเรียนอยู่ม.ปลาย ดิฉันอยากเรียนต่อทางสายครูมาก
แต่มันมีเหตุให้ดิฉันไม่ได้เรียน ดิฉันขอไม่พูดถึงเพราะอาจจะพาดพิงไปถึงใครหลายๆคน
จนวันหนึ่งมันเหมือนฝันที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ ดิฉันจบปริญญาตรี สาขาการท่องเที่ยว มันห่างไกลจากคำว่าครูมาก แต่ดิฉันก็มีโอกาสได้มาสอนที่โรงเรียนพณิชยการหัวหิน
ความรู้สึกตอนแรกนั้นรู้สึกดีใจมาก ทำอะไรไม่ถูก โทรศัพท์ไปบอกพ่อ พ่อพูดกับดิฉันมาหลายประโยค ดิฉันรู้สึกได้ว่าพ่อปลื้มใจมาก แต่มีประโยคหนึ่งที่พ่อพูดมาแล้วดิฉันรู้สึกสะดุดมากๆ พ่อพูดคำว่า
"หนูจำได้ไหม???? ตอนเด็กๆหนูชอบเล่นเป็นคุณครู "
มันทำให้ดิฉันรู้สึกว่า เราจะต้องทำให้ดีที่สุด แต่แล้วชีวิตการเป็นครูมันไม่เหมือนตอนที่เราเล่นตอนเด็กๆ มันมีอะไรหลายๆอย่างให้เราได้เรียนรู้มากมาย แต่ถึงเหนื่อยและท้อยังไงดิฉันก็รู้สึกชอบมาก
หน้าที่ที่ดิฉันต้องทำคือ-เป็นครูผู้สอนในสาขาวิชาการท่องเที่ยว
-เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ปวช 1/5 เรื่องมันเริ่มตรงนี้แหละค่ะ!!!!! ตรงที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ปวช 1/5
ตอนแรกที่ดิฉันได้มาเป็นที่ปรึกษาเด็กนักเรียนห้องนี้ เขาเหมือนว่าจะไม่ค่อยยอมรับดิฉันเท่าไร เพราะดูเหมือนว่าอายุจะไม่ห่างกันสักเท่าไร และเขาก็รู้ว่าดิฉันคือครูใหม่
ดิฉันจำได้ว่าดิฉันเคยร้องไห้ครั้งหนึ่งเมื่อตอนโฮมรูมวันที่ 2 และนับตั้งแต่นั้นมา.........
ดิฉันรับรู้ได้เลยว่าดิฉันได้ชนะใจเด็กนักเรียนห้องนั้นไปเสียแล้ว เพราะปฏิกิริยานักเรียนได้เปลี่ยนไป
ดิฉันรู้สึกรักเด็กนักเรียนห้อง ปวช 1/5 มากๆ ดิฉันมีความรู้สึกว่าอยากจะทุ่มเทชีวิตให้กับเด็กนักเรียนห้องนี้
ดิฉันได้เข้าใจคำว่า เมตตา เด็กห้องนี้ทำให้ดิฉันได้รู้จักแก้ไขปัญหาหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องหนีเรียน เรื่องทะเลาะวิวาท เรื่องไม่ยอมนั่งสมาธิตอนเช้า เรื่องคุยกันในขณะทำกิจกรรมหน้าเสาธง
และที่สำคัญเรื่องที่ไม่อยากจะเรียนต่อ ต้องการออกจากการเรียนกลางเทอม ตามเหตุผลต่างๆนานาของเขา
ดิฉันได้แก้ไขปัญหาด้วยการพูดและการกระทำหลายๆอย่าง จนเด็กนักเรียนหลายๆคนมาสัญญากับดิฉันว่าเค้าจะเรียนให้จบภายใน 3 ปีให้ได้ บางคนก็มาบอกกับดิฉันว่า เขาจะตั้งใจเรียน จะกลับตัว
แต่แล้วมีช่วงหนึ่งดิฉันรู้สึกท้อถอยกับการที่จะต้องทำงานและเรียนไปด้วยมาก(ดิฉันลืมบอกท่านผู้อ่านว่าดิฉันได้เรียนป.บัณฑิตไปพร้อมๆกับสอนหนังสือด้วย)
ดิฉันรู้สึกท้อถอยอย่างบอกไม่ถูก มันมีอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้ดิฉันอยากจะหยุดเรียน
ดิฉันต้องทำงานหลายๆอย่างที่คั่งค้าง จนทำให้ดิฉันไม่ได้มาเรียนหลายอาทิตย์
ดิฉันรู้สึกว่าไม่ไหว เพราะบางทีดิฉันจะต้องเลือกที่จะทำงานของโรงเรียนให้เสร็จก่อน เด็กนักเรียนรออยู่
ทำให้ดิฉันไม่ได้มาเรียนติดต่อกัน จนวันหนึ่งนักเรียนคนหนึ่งมาถามดิฉันว่า "อ.ไม่ไปเรียนหรือ" มันทำให้ดิฉันได้คิดได้ว่า ทำไมเราให้กำลังใจเด็ก เราให้เด็กสู้ เราบอกเด็กว่าจะต้องเรียนให้จบนะ แต่พอถึงทีของตัวเรา เราทำไม่ได้ มันเหมือนกับว่าเรายังเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กไม่ได้เลย มันเหมือนกับว่าปัญหาที่เกิดกับเด็กเราสามารถแก้ไขได้ แต่กับเรื่องของเราเรากลับแก้ไขมันไม่ได้
จากเหตุการณ์ดังกล่าวมันทำให้ดิฉันต้องการที่จะสู้ สู้กับตัวเราเอง เพื่อความฝันของเรา และเพื่อให้สมกับคำว่า ครู
เราต้องอดทน
อดกลั้น
ไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย
ไม่รู้จักคำว่าท้อ
เราต้องพยายามต่อไป!!!!
.......ใช่ไหมค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน ดิฉันคิดถูกหรือเปล่า อยากฟังข้อเสนอแนะของท่านผู้อ่านนะค่ะ
.................................ครูผู้สำนึกได้เพราะศิษย์.........
...เยี่ยมมากครับ..
ครูคือประทีปส่องทางสว่างไสว ส่องบ้านไพรให้สว่างทางขัดสน สอนเด็กน้อยให้เป็นปัญญาชน บุญคุณอันล้นพ้นเหลือคณา มีคนเปรียบให้ครูเป็นเรือจ้าง ส่งลูกศิษย์สุดทางยังห่วงหา กลับมารับเที่ยวต่อไปเช่นทุกครา ตลอดเวลาเป็นเช่นนี้ชีวิตครู สอนเด็กน้อยให้โตเป็นผู้ใหญ่ มีวินัยใฝ่เรียนเพียรต่อสู้ มอบอนาคตมอบความหวังอย่างเอ็นดู ชีวิตครูเห็นเด็กดีแค่นี้พอ
ขอให้เบิกบานสุขสำราญเหมือนภุมรินบินชมดมมาลี
อ.เชาว์เอาเพลงลงซึ่งมากมายเลยคร๊าบบบบ
นี่เป็นเพียงบทเรียนแรกของ "ครูมืออาชีพ"
ครูรุ่นพี่คนนี้จะเป็นกำลังใจให้เสมอ... ตั้งใจน่ะ(สู้ ๆ น่ะคุณครู)
ทำดีสำเร็จได้ ดังใจ
ดวงจิตย่อมผ่องใส สุขล้ำ
รางวัลใช่อื่นไกล คือจิต สุขนา
ใครจักอวยลาภซ้ำ ห่อนสู้ใจเกษม
ฐะปะนีย์ นาครทรรพ
ขอเป็ฯแรงบันดาลใจให้ครูคนนี้ทำสิ่งที่ดีและถูกต้องนะครับ
จะคอยติดตามดูผลงานะครับ
ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ
เก่งจัง
หนูจะตั้งใจให้เหมือนครูจ่ะค่ะ
นี่แหละ คือ คำว่า ครู ต้องเข้มแข็งและอดทนสู้ต่อไปนะคะ