จากบันทึกที่แล้วประวัติศาตร์ศึกษา : รอยพระพุทธบาท บ้านเมืองแปง ครูแอนจะขอนำ ประวัติพระสิงห์สาม พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง บ้านเมืองแปง มาศึกษาน่ะค่ะ
ที่วัดเมืองแปงมีพระพุทธรูปที่ถือว่าเป็นของคู่บ้านคู่เมือง อยู่ 3 องค์ คือ พระสิงห์สาม โดยได้อัญเชิญมาจากบริเวณรอยพระพุทธบาทเดิมถูกทิ้งร้างไว้ พระสิงห์สามมีลักษณะงดงามมาก โดยเฉพาะองค์ใหญ่ซึ่งมีขนาดหน้าตักกว้าง 24 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปที่มีพระพักตร์อิ่มเอิบ มีรอยยิ้มพิมพ์ใจให้ความรู้สึกสงบสุขในจิตใจยามเมื่อได้อยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ของพระพุทธรูปองค์นี้ ส่วนพระสิงห์องค์ที่ 2 มีขนาดรองลงมาบ้าง คือมีขนาดหน้าตักกว้าง 16 นิ้ว และองค์สุดท้าย มีขนาดเล็กที่สุด คือมีขนาดหน้าตักกว้าง 12 นิ้ว
พระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้ถือว่าเป็นของสำคัญคู่บ้านคู่เมืองที่ชาวบ้านเมืองแปงให้ความเคารพกราบไหว้บูชามาก เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่มาแต่เดิม เป็นศูนย์รวมจิตใจที่สำคัญ และเชื่อกันว่าเป็นสิ่งที่บันดาลให้บ้านเมืองแปงมีความผาสุก สงบร่มเย็นตลอดมา
ติดตามสักการะสิ่งศักสิทธิ์บ้านเมืองแปงต่อบันทึกต่อไปค่ะ
ครูแอน ๒๗ กันยายน ๒๕๕๑
หวังว่าคงจะเป็นคนที่แวะมาดูคนแรกนะครับ สวยงามมากๆ พระพุทธรูปคู่เมือง ขอบคุณครับที่นำมาให้ดู
หากได้ไปนั่ง สงบอยู่หน้าองค์ท่านได้ คงมีสมาธิ และใจคงสงบมีสุข
ขอบคุณครูแอน หลากหลายเรื่องราว สาระน่ารู้ค่ะ ขอบคุณค่ะ อิอิ
มาทักทายค่ะ สบายนะค่ะพี่ครูแอน
ไหว้พระเยอะๆนะหลานเอ๊ย บุญจะได้นำ
สวัสดีครับน้องครูแอน
ฝากกราบท่านด้วยครับน้องครู
โชคดีจ้า
สวัสดีค่ะคนพลัดถิ่น
พี่ คนโรงงาน
น้อง กล้วยแขก~natadee
พี่ครูโย่ง ครูโย่ง หัวหน้า~ natadee
พี่ชายใหญ่ นายช่างใหญ่
มาไหว้พระครับคุณพี่ครูแอน
พี่เกษตรปรีดา เกษตร(อยู่)จังหวัด
น้อง กวิน
ตามมาทักทายน้องสาว
อิอิ
เช่นกันค่ะ
แอบ...ตามคุณครูโย่ง (คนหน้าตาดี)
มาทักทายน้องสาว คุณครูแอนคนน่ารัก
ขอให้นอนหลับฝันดีนะคะ
ตื่นเช้าขอให้พบกับวันใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุขนะคะ
ทักทายว่าไงล่ะค่ะพี่ชาย ครูโย่ง หัวหน้า~ natadee ซำบายดีบ่อ้าย
พี่ครูคิมจ๋า krukim
จากประวัติที่พยายามศึกษามา (หากใครมีข้อมูลขออนุเคราะห์เพิ่มเติมด้วย) พระเชียงแสนจะแบ่งตามยุคสมัยและมีข้อแตกต่างออกไปคือ
สิงห์หนึ่ง เป็นยุคต้นมีลักษณะพิเศษคือ เกศบัวตูม, พระหนุเป็นปม, ขัดสมาธิเพชร และสังฆาฎิเหนือพระอุระ
สิงห์สอง เป็นยุคกลางมีลักษณะพิเศษคือ เกศเปลวเพลิง, สังฆาฎิอยู่ระดับพระนาภี
และสิงห์สามไม่ค่อยเห็นกล่าวถึงกันมากนักนอกจากวงการพระ เป็นพระยุคหลังน่าจะอยู่ในยุคร่วมกับกรุงศรีอยุธยา และลักษณะจะเพรียวบาง บางคนกล่าวว่าเป็นต้นแบบของพุทธศิลปะลาว
สำหรับรูปที่เห็นด้านบนเป็นศิลปะที่ผสมผสานออกไปทางพม่า
ขออนุโมทนาครับ มีโอกาสจะไปกราบท่านสักครั้ง
หนูแอนจ๊ะ นั่นแหละคือหลักฐานชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่ง ที่แสดงให้เรารู้ว่า ชุมชนบ้านเมืองแปงเป็นชุมชนเก่าแก่ (ชุมชนโบราณ)และเป็นส่วนหนึ่งของล้านนา แม่ฮ่องสอนเราขาดหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในช่วงศตวรรษที่20-23 จึงต้องอาศัยหลักฐานทางโบราณคดีมาชำระประวัติศาสตร์ของเราเอง ลุงเริ่มเข้ามาพบปะกับพวกเราอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนาน ขอให้มีความสุขนะจ๊ะ ขอบใจที่เป็นห่วงลุงเก ลุงเก
ขอบคุณ คุณโยธินิน
พี่สาว naree suwan
ขอบคุณคุณลุง อาจารย์เก ที่มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
ผมมีสิงห์ 1 หน้าตั้ง 10 นิ้ว คุณพ่อผมเอามาตั้งแต่ผมยังไม่เกิดเลยครับ แต่ไม่เข้าใจว่า จีวรที่ท่านใส่จะป็นคลายๆลายดอกเป็นจุดๆผ้าจีวรเป็นแบบบางๆ อยากทราบว่าเป็นรุ่นไหนครับ
ยํกิญจิ สมุทยธมฺมํ สพฺตํ นิโรธธมฺมํ ตีติ(สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งเหล่านั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา) ยึดมั่นถือมั่นอะไรมากมายครูแอนครับทุกอย่างเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ครับ...............
บ้านอยู่แม่ฮ่องสอนครับแต่ไม่ได้ปิ๊กบ้านตั้งนานว่างๆจะกลับไปนมัสการหลวงพ่อสิงห์สามครับ สิงห์สามอยู่เมืองปายแม่นก่อผมจบป.โทปรัชญาครับ ไม่ค่อยรู้เรื่องประวัติสิงห์สามเท่าไรครับ แต่ผมมีพระสิงห์สามครับ หน้าตักนิ้วนึงเองขนาดห้อยคอครับเนื้อทองเหลืองหนักพอควร งามแต้ๆๆครับ(คนสามหมอก0806746444)มีความสุขในชีวิตประจำวันทุกท่านครับ/สวัสดี..........
เมื่อ ๒๓ ธค.๕๕ รศ.ดร.วีระศักดิ์ ชมภูคำ ได้ส่งแผ่นปลิวบอกบุญ ว่าทางวัดท่าช้างหนองล่อง ลำพูน กำลังสร้างพระวิหารประดิษฐาน พระสิงห์สามซึ่งเปลี่ยนพระพักตร์ได้ ๔ แบบ คือ ยิ้มเมื่อมีงานบุญใหญ่ ๑ เบิกพระเนตรเพ่งเมื่อจะมีภัยมาเยือน ๑ พระพักตร์บูดบึ้งเมื่อมีสิ่งที่ไม่เป็นมงคลต่อผู้เชื่อถือศรัทธา ๑ หลับพระเนตรเมื่อบ้านเมืองอยู่สุขสบาย ๑ พุทธศาสนิกชนผู้ใดสนใจจะไปชมหรืออยากทำบุญสร้างวิหารถวาย โปรดไปชมที่วัดท่าช้างหนองล่อง อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน หรือโอนเงินทำบุญไปที่ ธนาคาร ธกส. สาขาเวียงหนองล่อง บัญชีออมทรัพย์ วัดท่าช้าง เลขที่
๐๑-๖๔๗-๒๕๙๙๖๔๐