วันนี้ทำให้อาตมานึกถึงอดีต ในสมัยที่เป็นเด็ก ต้องมารับหน้าที่เป็นพ่อครัว เพื่อทำอาหารให้ตนเองรับประทาน เพราะไม่มีผู้ทำให้ พ่อแม่ไม่อยู่ ถูกทอดทิ้งให้อยู่เพียงคนเดียวตามลำพัง ไม่มีผู้ใหญ่สักคนที่จะช่วยเหลือ พ่อแม่ท่านไม่ได้ทิ้งเพราะความไม่รัก แต่ท่านมีธุระกระทันหันที่จะต้องไป ตอนนั้นป.3 เลย ทำอาหารกินเองไม่เป็น แต่พอจะจำได้เล็กน้อย ว่าเขาทำอาหารกันอย่างไร มือแรกจำได้ว่า เป็นการทอดไข่ มันเป็นไข่เป็ด แต่ด้วยความที่ไม่เคยทำครัวมาก่อน เลยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ไม่รู้ว่าอุปกรณ์พวกกะทะมันอยู่ที่ไหน น้ำมันอยู่ทีไหน ในขณะนั้นเลยแก้ปัญหาฉะเพราะหน้า เอาหม้อมาทำกะทะ น้ำมันไม่มีใช้น้ำแทน ทอดไม่สำเร็จ เติมน้ำลงไปได้ทำเป็นไข่ต้มไปเลย กินไปอีกมื้อ เป็มมื้อแรก ของการทำอาหาร มื้อต่อมาเป็นการทำน้ำพริก(คำว่าน้ำชุบ เป็นภาษาใต้) พอพูกถึงการทำน้ำพริก หรือน้ำชุม ในมื้อถัดมา หลังจากหุ้งข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็อยากกินน้ำชุบขึ้นมา เลยจัดหาอุปกรณ์การทำน้ำชุม ก็แต่ว่าไม่รู้ว่าน้ำชุมนั้นเขาทำกันอย่างไร เพียงเคยได้เห็นบ้าง ว่าเขาใสครกแล้วต่ำ ก็สำเร็จมาเป็นน้ำชุบ แต่คราวนี้เราต้องมาทำเอง ได้เห็นเขาใสดีปลีบ้าง กระเทียมบ้าง ใส่เคยบ้าง(กระปิ ไม่ใช่อย่างอื่น 555) เห็นเขาใสอย่างอื่นๆ เลยนึกว่าน่าเขาใสสิ่งนี้ ใสสิ่งนั้นลงไป เลยการทำน้ำชุบครกนั้น ใช้ขี้มนิ้นเข้าไปด้วย เพราะนึกว่าเขาใส่ด้วย ขมิ้นเลยเป็นตัวประกอบด้วย คิดว่าเขาต้องใส น้ำชุบสำเร็จออกมาสีเหลืองเหมือนจีวรพระไปเลย กินอร่อยดีเหมือนกัน สำเร็จประโยชน์ไปอีกมือ เมือพอใจอะไรก็ได้ทั้งนั้น หรือเมือหิวก็กินได้ ถ้าอดก็จำเป็นต้องกิน คนที่ไม่อดนึกถึงคนอดอยากบ้าง แค่คิดก็เป็นความดีแล้ว
กราบนมัสการพระคุณเจ้า
กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ
เจริญพร ครูอ้อย แซ่เฺฮ
ถ้าเด็กในสมัยนี้ กลัวและกังวลอยู่อย่างหนึ่งว่า จะไม่ทำกินเอง ถ้ากลับบ้านเห็นไม่มีอาหารในหม้อ จะโมโห ฉิ่งหม้อ ประชดก็เป็นได้
////สวัสดีครับพระคุณเจ้า
ประสบการณ์คล้ายเหมือนกัน
แต่ของผมกับข้าวพื้นฐานพอไปได้
วันหนึ่งมีภาระกิจต้องแกงพุงปลา (แกงไตปลา)
เตรียมเครื่องปรุง ตั้งน้ำบนเตาเสร็จ ถึงขั้นตอนเอาพุงปลาลงหม้อ..............ด้วยยึดถือคำสั่งว่าทุกอย่างต้องล้างให้สะอาด
ผมเอาพุงมาล้าง ผลปรากฎ ต้องไปซื้อพุงปลามาไหม่ 555555