เดี๋ยวนี้เวลาเราจะตัดสินใจซื้อบ้าน ซื้อคอนโดมิเนียม หรือที่พักอาศัยอื่นใดก็ตาม เรามักถูกชักจูงให้เห็นดีเห็นงามกับแคมเปญโฆษณา สารพัดใกล้ หลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นใกล้โรงเรียน ใกล้ตลาด ใกล้ทางด่วน ใกล้สนามบิน ใกล้สนามม้า ใกล้สนามมวย หรือไปจนถึงใกล้สถานีรถบัส รถเมล์ รถไฟ และทำเลยอดฮิตในปัจุบันคือ ใกล้สถานีรถไฟฟ้า
ถ้าเราฟังแคมเปญเหล่านี้โดยผิวเผินและไม่คิดตาม ก็อาจจะหลงเคลิบเคลิ้มไปได้ว่าถ้าเราเลือกซื้อที่อยู่อาศัยให้มีทำเลใกล้กับสถานที่เหล่านั้น เป็นเรื่องดี เป็นข้อได้เปรียบ เป็นความพิเศษ และเป็นเรื่องถูกต้องที่เราสมควรกระทำ
แต่จริงๆ แล้วเราต้องคิดเสียก่อนว่า จุดประสงค์หลักในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของเราคืออะไรเป็นสำคัญ ปกติแล้วถ้าเป็นพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ เราคงพิจารณาโดยอาศัยเกณฑ์ความสะดวกในการเดินทางเป็นสำคัญ และมีปัจจัยเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น ศูนย์การค้า โรงเรียน ฯลฯ เป็นปัจจัยรองแล้วแต่ว่าเรามีความชอบส่วนตัวแบบไหน อย่างไร
และสิ่งสำคัญเราก็คงคำนึงถึงสภาพความสงบร่มรื่นของพื้นที่โครงการ และพิจารณาสภาพแวดล้อมใกล้เคียงว่ามีความเหมาะสมกับการอยู่อาศัยหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยจากโจรผู้ร้าย มลภาวะต่างๆ เช่น ฝุ่น ควันจากการจราจร และเสียงรบกวนต่างๆ
ดังนั้น ถ้าท่านจะเลือกซื้อบ้าน หรือที่อยู่อาศัยใกล้สนามบินเพียงเพราะตื่นเต้นไปกับแคมเปญโฆษณา โดยลืมไปว่าตัวท่านไม่ได้ทำงานอยู่ในสนามบินนั้น หรือเป็นนักบิน เป็นแอร์โฮสเตท หรือสจ๊วต ที่ต้องเดินทางไปสนามบินบ่อยๆ แต่อย่างใด
แล้วท่านจะแห่กันไปซื้อบ้าน ซื้อคอนโด ที่เขาโฆษณาว่าอยู่ใกล้สนามบินเพียง 5 หรือ 10 นาทีกันทำไมให้หนวกหูเครื่องบินและหลังคาบ้านสั่นกันทำไมครับ
แคมเปญยอดฮิตสุดฮอตในปัจจุบันที่ทำให้เราท่านเห็นแล้วใจละลาย ใจละลาย ใจละลาย ละลาย ละลาย ก็คือคอนโดมิเนียมหรูใกล้สถานีรถไฟฟ้า เราจึงเห็นการล้อมรั้วสร้างสำนักงานขายคอนโดมิเนียมใหญ่น้อยกันแทบจะทุกหย่อมหญ้าที่มีรถไฟฟ้าแล่นผ่านหรือเพียงแต่เงาของรางรถไฟฟ้าก็ตาม
หลายๆ แคมเปญบอกให้เราเคลิบเคลิ้มว่า อยู่ใกล้รถไฟฟ้าแค่หน้าประตูคอนโด หรือหลายแคมเปญก็โฆษณาว่า อยู่ใกล้แค่ 5 นาทีเท่านั้นเอง หรือแม้แต่ใกล้…..
ความใกล้ในหลายรูปแบบเหล่านี้ มองในแง่ดีก็คงเป็นประโยชน์ต่อผู้อยู่อาศัยในแง่ของการเดินทางคมนาคมจะเดินทางไปไหนมาไหนไปทำงาน ไปเรียนหนังสือ หรือไปเที่ยวดูหนัง ฟังเพลงก็คงสะดวกดี ในวงเล็บปีกกาว่าถ้ามีรถไฟฟ้าแล่นผ่าน
แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง อยากให้ลองคิดต่ออีกนิดหนึ่งว่า ความใกล้ต่างๆ เหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อการอยู่อาศัยพักผ่อนของเราจริงไหม หรือคำว่าใกล้เพียง 5 นาทีของคนขายกับตัวเรานั้นเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ตัวอย่างแรก ถ้าคอนโดมิเนียมของท่านอยู่ชิดติดสถานีรถไฟฟ้าเลย ลองนึกดูว่าถ้าตัวท่านอาศัยอยู่ที่คอนโดนั้นท่านจะเจอสภาพหมู่มวลของคนเดินเข้าออกสถานีรถไฟฟ้าใกล้ๆ กับคอนโดของท่านวันละกี่พันกี่หมื่นคน
กรณีต่อไป สถานีรถไฟฟ้าย่อมอยู่ติดกับถนนสาธารณะเพื่อความสะดวกในการเข้าถึง แน่นอนเมื่อคอนโดของท่านอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า ห้องพักของท่านโดยเฉพาะท่านที่อยู่ชั้นล่างๆ ย่อมเจอกับสภาพเสียงดังจากรถราและมลภาวะจากฝุ่นควันต่างๆ ไม่แพ้ป้อมตำรวจกลางสี่แยกแหงๆ
ความใกล้รถไฟฟ้าที่น่ากลัวอีกประการหนึ่งคือ ใกล้ไม่จริง อันเนื่องมาจากเจ้าของโครงการที่มีพฤติกรรมเหมือนศรีธนญชัยในหลายลักษณะ เช่น โฆษณาว่าคอนโดใกล้เส้นทางรถไฟฟ้า แต่เมื่อดูจริงๆ แล้วคอนโดหลังดังกล่าวมีรถไฟฟ้าผ่านจริง แต่กลับอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดเกือบกิโล หรือแม้แต่บอกว่าคอนโดอยู่ใกล้รถไฟฟ้าเพียง 5 นาที แต่ไม่รู้ว่า 5 นาทีที่โฆษณาเป็น 5 นาทีของรถ Ferrari รถแท็กซี่ หรือรถซาเล้ง หรือเป็นเวลาคนเดิน เป็นต้น
ดังนั้นเราต้องคิดให้ถี่ถ้วนเสมอเมื่อฟังคำโฆษณาอวดอ้างดังกล่าว และใตร่ตรองด้วยสติปัญญาและเหตุผลของตนเองว่า สภาพการอยู่อาศัยที่แท้จริงของเราเป็นอย่างไร เรามีวัตถุประสงค์อะไรในการเลือกซื้อที่พักอาศัยดังกล่าว และความใกล้ทั้งหลายนั้นเป็นประโยชน์กับเราจริงหรือไม่
คราวหน้า คราวหลัง ถ้าจะเลือกซื้อบ้านหรือซื้อคอนโดครั้งต่อไป ลองคิดดูดีๆ นะครับว่า จะอยู่ใกล้……..ไปทำไมครับ จะได้ไม่เสียใจภายหลัง
อาจารย์ตั้งข้อสังเกตได้น่าสนใจครับ
ผมอยู่ต่างจังหวัด ก็เลือกบ้าน "สงบ"
ถึงไกลที่ทำงานก็ยังเลือกอยู่ครับ v v
ขอบคุณครับ อาจารย์ :)