เรื่องที่ ๘ ชีวิตไม่อาจทดแทนกันได้
ก่อนจบบทเรียนวันนั้น คุณครูเล่านิทานให้พวกเขาฟัง เป็นนิทานที่เขาจะจดจำมันไว้ชั่วชีวิต
“ครั้งหนึ่ง มีนกพิราบตัวหนึ่งกำลังบินหนีกรงเล็บของนกอินทรีหิวโหยเข้าไปในป่า ในป่านั้นมีพระรูปหนึ่งกำลังนั่งบำเพ็ญธรรมอยู่ พิราบบินไปหลบอยู่ที่ตักภิกษุ ผู้ทรงศีลจึงกล่าว บิณฑบาตกับนกอินทรีไว้ชีวิตพิราบน้อย
นกอินทรีตอบว่า “ถ้าไม่ได้กินนกพิราบตัวนี้ ข้าต้องอดอาหารตายเป็นแน่ ท่านประสงค์ช่วยชีวิตนกพิราบ ไฉนไม่ห่วงใยชีวิตข้า”
พระกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น อาตมาขอแลกเนื้อของอาตมาแทนชีวิตพิราบน้อยด้วยน้ำหนักที่เท่ากัน เจ้าจงบริโภคเนื้ออาตมาแทนเถิด”
นกอินทรีตอบตกลงตามที่พระเสนอ พระจึงนำนกพิราบวางไว้บนตาชั่งข้างหนึ่ง แล้วเฉือนเนื้อของตนชิ้นเท่า ๆ กับนกพิราบ วางลงบนตาชั่งอีกข้างหนึ่ง แต่ทว่าตาชั่งหาขยับไม่ ยังความแปลกใจแก่ผู้ทรงศีลเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ว่าพระจะเฉือนเนื้อของตนวางลงเท่าใด ก็ไม่ได้น้ำหนักมากเท่าพิราบน้อยตัวหนึ่งได้ แม้จะเฉือนเนื้อจนหมดแขนและขาทั้งสองข้างแล้วก็ตาม ในที่สุด ด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย พระภิกษุโยนร่างของตนขึ้นตาชั่ง น้ำหนักจึงเท่ากัน
นักเรียนต่างมีสีหน้าสงสัย คุณครูจึงอธิบายต่อไป “ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่อาจทดแทนได้ ไม่ว่าชีวิตนั้นจะต่ำต้อยหรือสูงส่งเพียงใด ทุกชีวิตล้วนมีค่าในตัวเอง ชีวิตนกอินทรีหรือชีวิตนกพิราบ ผู้ล่าหรือเหยื่อต่างก็มีชีวิตเช่นเดียวกัน การปล่อยให้นกอินทรีตายเพื่อช่วยชีวิตนกพิราบจึงไม่ยุติธรรม แต่ชีวิตในโลกนี้มีหรือที่คงความยุติธรรมสมบูรณ์”
เมื่อเล่าจบ คุณครูเงยหน้าขึ้นมองไปที่ขอบฟ้า ท้องฟ้าแจ่มกระจ่างเป็นสีฟ้าสดใส เช่นเดียวกับชุดที่คุณครูสวมอยู่ จิตใจของเขาพลันรู้สึกปลอดโปร่ง เพราะได้สัมผัสรับรู้ถึงอำนาจแห่งเมตตาธรรม แม้ว่ามนุษย์เราจะตัวเพียงเท่านี้ หากถ้าเปี่ยมไปด้วยเมตตาแล้ว ย่อมยังความสว่างไสวแก่โลกได้เฉกเช่นท้องฟ้าอันสดใส
ไม่มีความเห็น