เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เวลาประมาณเก้าโมงเช้า ระหว่างที่ผู้เขียนออกจากที่พักมาที่ป้ายรถเมล์ซึ่งมี “ร้านเกมส์คอมพิวเตอร์” ตั้งอยู่ ผู้เขียนเห็นเด็กผู้ชายซึ่งน่าจะเรียนอยู่ชั้นประถม 4 คน มัธยม 1 คน นั่งจับกลุ่มรอร้านเกมส์เปิด พวกเขารออยู่ก่อนหน้าที่ผู้เขียนจะมาถึง 3 ใน 5 คนนั้นเป็น “เด็กอ้วน” จัดว่าอ้วนมากๆ เลยทีเดียว เหมือนโดเรมอน !
ผู้เขียนสังเกตว่าในย่านที่พักของผู้เขียน และเลยไปถึงบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงมี “ร้านเกมส์คอมพิวเตอร์” เปิดให้บริการมากกว่า 5 ร้าน ซึ่งแต่ละร้านก็มีเด็กเป็นลูกค้าค่อนข้างหนาแน่นทั้งช่วงหลังเลิกเรียนและวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
ผู้เขียนอดคิดไม่ได้ว่าเด็กที่เกิดและเติบโตใน “สังคมเมือง” ที่พ่อแม่ไม่มีเวลาสำหรับสร้างสรรค์และร่วมทำกิจกรรมต่างๆ กับลูกมากนัก ทำให้เด็กมีทางเลือกของกิจกรรมน้อยมากในช่วงเวลาว่างหรือวันหยุด ทำให้เป็นโอกาสทองของบรรดาร้านเกมส์ฯทั้งหลายที่ช่วงชิงเอาเวลาเหล่านี้ไป
เมื่อนึกเปรียบเทียบกับหลานๆ ของตัวเองในวัยใกล้เคียงกับเด็กๆ เหล่านี้ ซึ่งเกิดและเติบโตใน ”ชนบท” หลังเลิกเรียนหรือวันหยุดหลานๆ ของผู้เขียนได้แต่ขุดดิน เล่นทราย ปีนต้นไม้ กระโดดลงว่ายน้ำในคลองหน้าบ้าน ตกปู-ช้อนปลาเข็มในคูข้างบ้าน บางวันก็ตาม “ย่า-ยาย” ออกไปวิ่งเล่นในสวน ขี่ม้าก้านกล้วย ช่วยถอนต้นหญ้า เก็บขยะใบไม้บ้าง แต่ก็ไม่ค่อยจะได้เรื่องได้ราวนักเพราะเห็นเป็นเล่นสนุกมากกว่าเห็นเป็นงาน
หลานๆ ของผู้เขียนไม่มีทางเลือกกิจกรรมที่เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่มากนัก ที่บ้านไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ เด็กๆ ได้เรียนรู้และฝึกใช้เฉพาะที่โรงเรียน มีบางครั้งที่ผู้เขียนกลับบ้านแล้วเขาขอเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถือแต่ก็เห็นเล่นได้ไม่นานเพราะเป็นสิ่งที่เขาไม่คุ้นชิน ผู้เขียนไม่แน่ใจนักว่าการที่พวกเขาเติบโตอย่างห่างไกลเทคโนโยลีเช่นนี้จะมีผลอย่างไรในอนาคตบ้าง แต่ก็พอใจกับสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่เช่นนี้เพราะผู้เขียนเองก็เคยใช้ชีวิตวัยเด็กในแบบเดียวกันนี้ หวังเพียงว่ากิจกรรมบ้านๆ ที่ออกจะเลอะเทอะ มอมแมมในวัยเด็กของพวกเขาน่าจะช่วยเป็นภูมิคุ้มกันให้กับเขาได้บ้าง หากวันข้างหน้าเขาจำเป็นต้องเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเมือง
ปลาทูแม่กลอง
8 กันยายน 2551
ไม่มีความเห็น