เด็กขี้โมโห


เด็กมีสิทธิ์โกรธ หรือโมโหได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

                  หลานตัวเล็กอายุ 6 ขวบ ปกติเป็นเด็กอารมณ์ดี ช่างพูด ช่างเจรจา แต่ถ้าเกิดขัดใจ หรือไม่ชอบใจขึ้นมาก็จะโมโห โกรธ ส่งเสียงดัง ไม่พอใจ ทำให้คนรอบข้างเป็นกังวล อยากปรับพฤติกรรมให้ดีขึ้น พอดีมีโอกาสไปฟังอบรมเรื่องการปรับพฤติกรรมมา ก็เลยเอามาใช้ คิดว่าได้ผลดีพอควร เลยมาเล่าสู่กันฟัง

                 วิธีการก็คือ ขั้นแรกเราต้องยอมรับก่อนว่า เด็กมีสิทธิ์โกรธ หรือโมโหได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เราเองเป็นผู้ใหญ่บางครั้งยังโมโหได้ เพียงแต่ถ้าเด็กเริ่มรู้สึกว่า โกรธ หรือ โมโหแล้ว ให้เด็กเข้าใจความรู้สึกของตัวเองก่อนว่า ตอนนี้กำลังโมโหนะ ถ้าเด็กโมโหโดยแสดงกริยาไม่เหมาะสมต่างๆ เราเป็นผู้ใหญ่ต้องช่วยเด็กให้รู้ว่าตัวเองกำลังโมโหนะ อาจพูดออกมาแทนเด็ก ให้เด็กเข้าใจว่ากำลังรู้สึกอย่างไร จากนั้นช่วยให้เด็กเข้าใจว่า ทำไมจึงโมโห เช่น หิวข้าวแล้ว อยากดูหนัง ไม่อยากกินข้าว เบื่อแล้ว เป็นต้น อาจทำได้โดยการถามเด็กว่า ทำไมถึงโมโหละ โกรธเพราะอะไร บางครั้งเด็กก็บอกออกมาได้ บางครั้งผู้ใหญ่อาจต้องเดาและช่วยให้เด็กเข้าใจว่า ตัวเองโกรธเพราะอะไร จากนั้น ก็ช่วยให้เด็กคิดต่อว่า ถ้าอย่างนั้นจะจัดการกับเหตุการณ์นั้นๆอย่างไรดี ซึ่งเป็นวิธีการที่ยอมรับได้ดีกว่าแสดงออกว่า โมโห โกรธ ซึ่งเป็นพฤติกรรมไม่ดี และไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ถ้าเด็กทำได้ ก็อย่าลืมชมเด็กด้วย เด็กจะได้รู้สึกว่า การแก้ปัญหาด้วยวิธีการอื่นดีกว่าการแสดงอารมณ์โกรธ หรือโมโหออกมา

                ตัวอย่างของหลานตัวเล็ก ก็คือ วันนั้น เราพากันไปทำธุระเลือกซื้อกระเบื้องที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เวลาก็ผ่านไปจนเย็นแล้ว เกินหกโมงเข้าไปแล้ว เดินกันมาตั้ง 2 ชั่วโมงกว่าแล้ว ก็ยังไม่เสร็จ หลานตัวเล็กก็เลยเริ่มหิวข้าว  แล้วก็เริ่มโวยวาย งอแง เพราะเบื่อและหิว เราก็เลยต้องงัดวิทยายุทธที่ไปเรียนมาใช้ ก็ดึงหลานมาคุย ถามหลานว่า เริ่มโกรธแล้วใช่ไหม ทำไมถึงโกรธละ หลานก็บอกว่า เขาหิวแล้ว แล้วก็เบื่อและเหนื่อยด้วย เราเลยบอกว่า ป้าเข้าใจนะ ว่าเดินนานแล้ว ก็เลยเหนื่อย แล้วก็เบื่อใช่ไหม แต่ว่าดูสิ คนอื่นเขายังทำงานกันไม่เสร็จเลย หนูว่า เขาหิวแล้วก็เหนื่อยหรือเปล่า หลานก็นิ่งคิดแป๊บนึง ไม่ว่าอะไร เราก็เลยบอกต่อว่า คนอื่นเขาก็เหนื่อย แล้วก็หิวเหมือนกัน แต่เขาก็อดทนเพราะยังทำงานไม่เสร็จเลย หนูเก่งอดทนไหวไหม เพราะถ้าเราทำงานไม่เสร็จ คราวหน้าเราต้องมาใหม่นะ เราน่าจะซื้อของให้เสร็จวันนี้ วันหลังเราจะได้มีเวลาไปเที่ยวที่อื่นได้ไง หลานนิ่งไปอีกนิดแล้วบอกว่า ครับ จะอดทนครับ เสร็จแล้ววิ่งไปบอกแม่ว่า  แม่ครับ ผมจะอดทนครับ เดี๋ยวแม่เลือกของให้เสร็จเลยนะครับ ผมจะอดทนครับ ผมทนไหวครับ แล้วทำตาแดงๆ ทุกคนเลยงงๆ กันเล็กน้อยแล้วชมหลานตัวเล็กว่า เก่งหลานตัวเล็กเลยยิ้มหน้าบาน แล้วหันมาบอกว่า เดี๋ยวผมช่วยเลือกนะครับ ว่าแล้วก็ชี้กระเบื้องอันโน้นที อันนี้ทีต่อไป วันนั้นเจ้าตัวเล็กก็เลยไม่อาละวาด ไม่โกรธแล้ว ซึ่งถือว่า การปรับพฤติกรรมครั้งนี้ได้ผล แต่อย่าเพิ่งดีใจไปนะคะบรรดาคุณพ่อคุณแม่ เพราะการปรับพฤติกรรมไม่ใช่เรื่องง่าย การปรับพฤติกรรมครั้งเดียวสำเร็จไม่ได้แปลว่า เด็กจะหายจากพฤติกรรมนั้นตลอดไป เด็กจะมีพฤติกรรมนั้นอยู่บ้าง เราต้องพยายามช่วยเด็กทุกครั้งที่มีพฤติกรรมนั้นๆ ซึ่งบางครั้งก็ง่าย บางครั้งก็ยาก แต่พยายามอดทนทำกันไปเรื่อยๆเถอะคะ เพราะในที่สุดเด็กก็จะค่อยๆดีขึ้นเอง แต่ไม่เร็วนะคะ ต้องใช้เวลาและความพยายามเยอะๆ

                หวังว่า เรื่องการปรับพฤติกรรมเด็กขี้โมโหครั้งนี้คงมีประโยชน์บ้าง ถ้าใครเอาไปใช้แล้วได้ผล หรือมีวิธีอื่นๆ ก็เล่าสู่กันฟังได้นะคะ

 

 

หมายเลขบันทึก: 206696เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2008 21:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 17:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท