ปฏิบัติธรรมแบบพุทธมหายาน (5) : เปรียบเทียบพุทธเถรวาทกับพุทธมหายาน


"เถรวาทเน้นศีล มหายานเน้นทาน"

ตาราง  สรุปข้อแตกต่างระหว่างพุทธเถรวาทกับพุทธมหายาน

พุทธเถรวาท 

พุทธมหายาน

1. เน้นด้านประหยัด (เป็นต้นแบบความเรียบง่ายสมถะ)  เน้นความสามารถ (เป็นต้นแบบด้านช่วยสรรพสัตว์ด้วยจิตโพธิสัตว์   จึงต้องรู้จักใช้เครื่องมือช่วยสังคม เช่น  ขับรถยนต์ได้  จัดกิจกรรมเก่ง  ต้อนรับบริการดี)
2. ความสุภาพเรียบร้อย  ความกระฉับกระเฉง  กระชุ่มกระชวย 
3. ศีล  ทาน
4. ปฏิบัติส่วนตัว  ปฏิบัติส่วนรวม 
5. ปฏิบัติโดดเดี่ยว พึ่งตนเอง  แยกตัวหลุดพ้น (เอาตัวเองก่อน)  ปฏิบัติรวมกัน  รวมกันเป็นกลุ่ม  บรรลุพร้อมกันเป็นทีม  มีการพึ่งพาซึ่งกันและกัน (เอาทั้งตนกับส่วนรวมพร้อมกัน)
6. มุ่งสู่อรหันต์ เท่านั้น  สานต่ออุดมการณ์โพธิสัตว์ถึงพระพุทธเจ้า 
7. ตายแล้วสูญ  ไม่อยากเกิดอีก  ตายแล้วยินดีเกิดอีก  มาช่วยคนอื่นต่อไป 
8. ไม่กินเจ - ตามมีตามได้  ต้องกินเจ  เพื่อลดการเบียดเบียนกันทั้งทางตรงทางอ้อม 
9. ไม่กินมื้อเย็น  กินมื้อเย็นได้  เรียกว่าอาหารยา (เอี้ยวสือ) 
10. เศรษฐกิจในประเทศ - จน  เศรษฐกิจในประเทศ - รวย 

                 
เอกสารอ้างอิง   หนังสือคุณลักษณะและกระบวนการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมของประเทศไต้หวัน

วิจารณ์  พานิช
 18 มี.ค.49     

หมายเลขบันทึก: 20643เขียนเมื่อ 24 มีนาคม 2006 13:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 20:15 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

ตื่นเต้นมากครับที่พยายามจะ แลกเปลี่ยนกับอาจารย์เป็นครั้งแรกที่จะเริ่มต้น เห็นบันทึกแล้วโดนใจมากครับ ในความเห็นผมนั้น พุทธเถรวาทหรือพุทธมหายานเปรียบสายน้ำสองสายที่แยกจากกัน อาจมีวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกันแต่จุดหมายแห่งโมกขธรรมนั้นคือสิ่งเดียวกัน ขออาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ

อยากถามว่า แล้วสมัยพุทธเจ้ามีพุทธเถรวาท และพุทธมหายาน หรือ? แล้วทำไมถึงต้องแบ่ง แบ่งเพราะอะไร แบ่งเพื่ออะไร ...หรือแบ่งเพราะความหลงของมนุษย์ คนแบ่ง แบ่งตามกิเลส ไม่ได้ยึดหลักที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า.....

ผมว่า คนเขียนหนังสือเล่มนี้ คงต้องไปศึกษาพุทธศาสนา หรือพุทธประวัติ หรือพระไตรปิฏก ให้ชัดเจนอีกเยอะเลยน่าจะดี  มีความเข้าใจผิดในสิ่งที่เขียนเปรียบเทียบแทบทั้งหมด เผยแพร่ไปน่าสงสารคนอ่านมากกกกกกก....ไม่ดีไม่ดี

ขอบคุณที่เปิดให้แสดงความคิดเห็น

อยากถามเหตุผลท่านผู้รู้จริงๆว่า ทำไมศาสนาบางศาสนาจึงมีหลายนิกายทั้งๆที่ศาสนานั้นๆก็มีศาสดาองค์เดียวกันและท่านศาสดาก็คงสอนไว้เหมือนกัน หรือแต่ละนิกายตีความเจตนารมณ์ศาสดาไม่ตรงกัน ถ้าเป็นอย่างหลังต้องมีนิกายใดนิกายหนึ่งผิดต่อคำสอนศาสดาหรือไม่ 

การที่ศาสนามีหลายนิกายหลายลัทธิหลังการสิ้นพระชนม์ของศาสดาหรือเจ้าของลัทธินั้นๆในการต่อมานั้น      สามารถแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของศาสนาหรือลัทธิความเชื่อนั้นๆในแต่ละกาลสมัย ถิ่นฐาน ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ พื้นฐานความเชื่อเดิม ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามที่มีอยู่

จากการศึกษาประวัติศาสาตร์มนุษย์นั้น  สมัยที่ศาสนาหนึ่งๆมีการแตกลัทธินิกายมากที่สุดนั้น เป็นกาลสมัยที่มนุษย์มีจิตใจดีงามใฝ่หาความจริงและความเจริญงดงามของชีวิตจิตใจมากกว่าวัตถุ (บ้างเป็นการขยายความ,บ้างก็เป็นการผนวกหรือปรับให้เข้ากับภูมิประเทศ-อากาศหรือความเชื่อเดิม )

พุทธศาสนานั้นเคยมีเป็นสิบๆนิกาย ( สังฆิกะวาท, อันธกะ,เอกวยหาริกะ, โลโกตตรวาท, พหุศุรติยะ, โคกุลิกะ, สรวาสติวาทิน)   ปัจจุบันเหลือแค่เเถรวาท,มหายาน ???    ;  คริสต์มีคาทอลิก,โปรแตสฯ  ???

ตารางสรุปนี้  เป็นการสรุปโดยผู้ศรัทธานิกานมหายาน  ซึ่งมักจะกล่าวหาเถรวาทว่าเห็นแก่ตัว   แต่ขอให้พิจารณาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงที่กำลังได้รับการกล่าวขานจากทั่วโลกดูทีเถิด ว่าเป็นแนวคิดของพุทธเถรวาท  ใช่หรือไม่

ผมไม่มองว่าใครดีกว่าใคร   หรือใครกล่าวหาใคร   แต่หาทางทำความเข้าใจ - เรียนรู้    ซึ่งต้องใช้กาลามสูตร   ไม่ด่วนตัดสิน

วิจารณ์ พานิช

เมื่อทุกท่านเข้าไปในวัดในฝ่ายมหายาน สิ่งที่จะได้พบเห็นจนเป็นปกติทั่วไปคือ สรีระธาตุของบูรพาจารย์ที่ไม่เน่าเปื่อย ประดิษฐานอยู่ในวิหารให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชา และได้ยึดถือเป็นแบบอย่างของการปฏิบัติธรรม สรีระธาตุของบูรพาจารย์ดังกล่าวนี้ส่วนใหญ่จะเป็นภิกษุในนิกายฌาน (เซน) ที่ถือวิปัสสนาธุระอย่างเคร่งครัด เมื่อถึงกาลมรณภาพมักจะเข้าฌานสมาบัติให้สิ้นใจในเวลานั่งสมาธิอยู่ในฌานสมาบัตินั้น เมื่อมรณภาพแล้วร่างกายจะดำรงอยู่อย่างนี้แล้วแห้งไปเอง ชาวจีนนับถือบูชากันว่าเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์เรียก กันว่า พระสำเร็จ หรือ เส่งเต๋า

ตลอดประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาในประเทศจีน และต่างประเทศมักจะเห็นสรีระธาตุของบูรพาจารย์มากมาย ตัวอย่างที่รู้จักกันดี คือ พระสังฆปริณายกเว่ยหลางแห่งนิกายฌาน ซึ่งมรณภาพมากว่า 1000 ปีแล้ว สรีระพระอาจารย์ตังชั้ง สรีระพระอาจารย์คัมซัว (หันซาน) พระปราชญ์แห่งราชวงศหมิง ที่ประดิษฐานรวมกันในวัดน่ำฮั้วยี่ (หนานหัวซื่อ) มณฑลกวางตุ้ง


ส่วนพระเถระฝ่ายจีนนิกายในเมืองไทยที่นั่งมรณภาพในฌานสมาบัติก็มีอีกหลายรูป เช่น พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร(สกเห็ง) พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร (กวยหงอ) แต่ร่างของท่านทั้งสองได้รับพระราชทานเพลิงศพตามประเพณีนิยม

ในปัจจุบันวัดฝ่ายจีนนิกายยังมีสรีระร่างบูรพาจารย์ได้แก่ พระอธิการตั๊กฮี้ พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร (เซียงหงี) พระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร (โพธิ์แจ้ง) พระอาจารย์เย็นกวง พระอาจารย์เย็นกวน เป็นต้น

ภาพสรีระธาตุบูรพาจารย์ฝ่ายมหายาน จีนนิกาย ที่สำเร็จธรรมแล้วนั่งสมาธิดับขันธ์ แต่สรีระธาตุกลับไม่ผุพัง

http://www.palungjit.com/board/attachment.php?attachmentid=193595&d=1186633494

*****************

วัดเทพพุทธาราม(เซียนฮุดยี่) อ.เมือง จ.ชลบุรี
ขอเชิญพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา
ร่วมสวดมนต์ภาวนา ฟังพระธรรมบรรยาย
และบำเพ็ญสมาธิแบบสุขาวดี
ทุกวันเสาร์ เวลา 15.00 – 18.00 น. (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)

** เริ่มวันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2550 เป็นต้นไป
สอบถามรายละเอียด หรือลงทะเบียนโทร. 081 777 0369

•淨土世間 念佛法門•

"เถรวาทเน้นศีล มหายานเน้นทาน"

มีความหมายว่าอย่างไรครับ

พุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ไม่ได้แตกต่างจากเถรวาทมากเลย เพราะ มหายานได้กล่าวถึงเรื่องนิพพาน ในปรัชญาปารมิกตาหฤทัยสูตร อย่างชัดเจน และกล่าวถึงนิพพาน ถึง 3 ระดับ (นิพพานของมหายาน นั้นเหมือนกับทางเถรวาทแน่นอน).

เพราะมหายานไม่ได้ปฏิเสธคำสอนของเถรวาทเลย หากแต่ ยังไม่พอที่จะสงเคราะห์สัตว์โลก จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการสอน ให้ถูกกับจริต ของแต่ละบุคคล

 ศีล  ทางมหายาน นั้นมีศีล สำหรับ คฤหัสถ์ เหมือนกันกับทางเถรวาท แต่มีข้อปฏิบัติมากกว่า และยากลำบากกว่า คือ นอกจากจะถือศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล (สามเณร)  ศีล 250 (ภิกษุ) 508 ข้อ(ภิกษุณี) ยังต้องถือศีลโพธิสัตว์ อีก 58 ข้อ การรับศีลโพธิสัตว์ของมหายานจะรับครั้งเดียว เท่านั้น...

 มหายานไม่ได้ถอดถอนสิกขาบท หรือศีล ซึ่งเป็นความเชื่อของทางเถรวาท ที่สอนมาผิด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ซึ่งหากศึกษาที่จริงแล้ว มหายาน กับเถรวาทยึดพระวินัยปิฏกฉบับเดียวกัน  (ศึกษาได้จากสิกขาบทอุตรนิกาย วัดโพธิ์แมนคุณาราม)

ทาน ในทางมหายาน นั้น ไม่ได้หมายถึงว่าการให้ทานเฉพาะในโลกธาตุภพภูมิแห่งมนุษย์เท่านั้น หากมีแต่การให้ทานในโลกธาตุอื่น เช่น นรกภูมิ (พิธีโยคะตันตระเปรตพลีโยคะกรรม)

 หลักจริง ๆ ของมหายาน ที่จุดเด่น คือ เรื่องโพธิจิตตฺ ซึ่ง มหายานสอนเรื่องการดำเนินชีวิตประจำวัน ในเรื่องของความกรุณา ปราถนาให้ผู้อื่นได้เป็นสุข จากผู้เป็นสุขให้สุขยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการก้าวสู่การเป็นโพธิสัตว์ นอกจากนี้ยังต้องบำเพ็ญทศปารมี ตามวิถีทางแห่งโพธิสัตว์

 

จุดเด่นอีกข้อของมหายานอีกข้อ คือเรื่อง ของสภาวะความเป็นพุทธาตุ หรือ อีกความหมายหนึ่ง คือ ทุกคนสามารถตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เหมือนกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ 

 พุทธเจ้า ท่านไม่ได้เป็นอะไรที่สูงเกิน ไปจนทุกคนไม่สามารถปฏิบัติตามท่าน แล้วไม่ประสบความสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้เลย

 สภาวะความพุทธะของมนุษย์ในมหายานไม่ได้แบ่งเพศ ชาย-หญิง เพราะการปฏิบัติตามคำสอนหรือการเข้าถึง รวมถึงการบวชมหายานนั้น ไม่ได้แบ่งเพศชายหญิง ผู้หญิง กับผู้ชายเสมอกัน

ยังมีอีกหลาย ๆ ๆๆ เรื่อง ที่คนไทยยังไม่รู้.....มหายาน...เพราะ การรับรู้ และสื่อที่ออกมานั้น ไม่เข้าใจพื้นฐาน วัฒนธรรม การสืบทอด และประเพณีของแต่ละท้องถิ่น ในการประยุกต์ หรือ ถ่ายทอดคำสอนนั้น

ความคิดเห็นที่ 10 แยกแยะได้เข้าใจเป็นอย่างดี ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ

แต่ความหมายของ เถรวาทเน้นศีล มหายานเน้นทาน นั้น ดิฉันแปลกใจอยู่เล็กน้อย

เถรวาทนี้คือ เหล่าภิกษุสงฆ์ ใช้หรือไม่ค่ะ แล้วแต่ละรูปเนี่ย เน้นศีลจนครบถ้วนถูกต้องหรือเปล่าคะ

มิได้จะดูหมิ่นนะคะ ขอความเข้าใจด้วยคะ

ขอบพระคุณอย่างสูง

ผมได้พบฆราวาสผู้หนึ่ง ผู้มีอภิญญาขั้นสูง เดินสายพุทธมหายานโดยตรง สามารถสนทนาธรรมได้ 18 ภาษา ทั้งที่พื้นความรู้ระดับประถมเท่านั้น สามารถตอบธรรมได้ทุกเรื่องอย่างรวดเร็ว บทสวดมนต์ที่ใช้สวดเน้นเพียงอิติปิโสและบทสวดที่ไม่เคยได้ยินจากพระสงฆ์ทั่วๆไปมาก่อน เป็นบทสวดโบราณ ท่านสวดได้คล่องแคล่วและยาวบทละประมาณ 20-30 นาทีหรือกว่านั้นโดยไม่ต้องดูหนังสือเลย(เพราะไม่มีในหนังสือสวดมนต์ทุกชนิด) แต่เดิมท่านเป็นหมอดูชื่อหมอเต็ก อยู่ใกล้ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี (โทร. 0840171746 ) แต่ต้องเลิกราเพราะท่านต้องกินต้องใช้ ถามว่าแล้วเงินค่าดูหมอล่ะ ใช้ไม่ได้หรือ ท่านบอกว่าใช้ไม่ได้แม้แต่บาทเดียว ต้องถวายวัดทั้งหมด จึงต้องหาเลี้ยงชีพโดยเป็นพ่อค้าขายกับข้าวตามตลาดนัดต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันทุกวันพฤหัสบดีท่านจะเปิดให้ผู้สนใจมาสวดมนต์เสริมบารมีกันที่บ้านท่านตั้งแต่เวลา 1 ทุ่มเป็นต้นไป คนที่ไปต้องสวมใส่ชุดขาว บนบ้านท่านเห็นมีรูปเสด็จพ่อ ร.๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รูปหลวงพ่อแพ หลวงปู่บุดดา ฯลฯ ท่านตั้งใจมั่นที่จะปกป้องสถาบันสูงสุดคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้คงอยู่คู่ประเทศไทยต่อไปไม่ให้ใครมาล้มล้างได้ ภาษาเขียนทีท่านใช้จดบันทึกเป็นภาษาโบราณที่เลิกใช้ไปแล้ว (จำชื่อไม่ได้ ลองติดต่อสอบถามดูครับ) ถ้าท่านสนใจลองโทรคุยดูครับ หรือติดต่อไม่ได้ก็ติดต่อผม อ.ฉลอง 0877528247 ครับ

การถกเถียงว่านิกายไหนดีกว่ากัน ไม่มีประโยชน์ควรดูที่จุดมุ่งหมายเพราะต้องการให้คนเป็นคนอื่นเหมือนกัน บรรลุพุทธเหมือนกัน

ต่างตรงที่แนวคิด(นิดหน่อย) และวิธีปฎิบัติ ดิฉันสวดนัม เมียว โฮ เร็ง เง เคียว อยู่ซึ่งก็สอนให้สวดมนต์มากๆพร้อมกับขัดเกลาตัวเอง ไม่โกรธ ไม่ด่าว่า นิททา หรือคิดร้ายกับผู้อื่น

วันนี้โลกมนุษย์เจริญรุ่งโรจน์ด้วยด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเป็นที่ถูกอกถูกใจของคนจำนวนมาก เพราะถ้ามีเงินแล้วจะหาความสุขความสบายแบบไหนๆก็พอได้ แต่ความสุขที่หาได้นั้นก็ยังเป็นความสุขปลอมๆ เพราะสัจจธรรมของโลกคือทุกข์ ดังนั้นไม่ว่ารวยหรือจนก็จะต้องพบเผชิญกับความทุกข์เป็นของแน่นอน แต่พวกเรายังโชคดีที่มีพระธรรมช่วยบรรเทาทุกข์และหายจากทุกข์ได้ และเมื่อไหร่ที่เราสรุปด้วยปัญญาได้ว่า ทั้งทุกข์และสุขมีค่า = 0 ก็จะนับว่าเป็นผู้มีโชคอย่างมาก

และที่สำคัญจำเป็นในวันปัจจุบันนี้ ท่านต้องเห็นความจริงตามธรรมชาติว่า แผ่นดินโลกไม่เคยหมุนรอบตัวเอง! ถ้ารู้แล้วก็น่าจะคลายทุกข์ได้อีกระดับหนึ่ง

เถระวาทเน้นศิล แต่มหายานไม่ได้เน้นทานเลย พระทุกองค์ไม่ยึดติดในทาน มหายานนั้นเน้นปัญญาเพื่อที่จะหลุดพ้นหรือ สัมเร็จสัมมาสัมโพธิญานเป็นหลัก จึงมีหลักของโพธิสัตวจริยา

ยากให้2นี้กายลวมกันเป็น1หน้าจะดี

จะได้มีความรู้เยอะๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท