กราบเท้าอาลัยลา ส่งแม่สถิตฟ้าชั่วนิรันดร์ ๑


ลูกจะขอ อำลา ครั้งสุดท้าย

 

 

 

 

 

             กราบเท้าอาลัยลา ส่งแม่สถิตฟ้าชั่วนิรันดร์ ๑

 

 

    กราบเท้าแม่ อาลัย ใจจะขาด         น้ำตาหยาด วิปโยค สุดโศกศัลย์

  ภาพความหลัง ยังชัด ทุกคืนวัน          ภาพแม่นั้น ตรึงจิต สนิทใจ                

 เมื่อจำความ แรกตา ใบหน้าแม่         สายตาแล ป้อนข้าว ยังจำได้

 สองมือแม่ อุ้มประคอง ถนอมไว้           สัมผัสใด ฤาเปรียบ เทียบละมุน 

 

ไล่แมลง ปัดยุง รบกวนลูก                เสียงกล่อมผูก รักหวาน ผ่านไออุ่น

หลับเถิดหนา ขวัญเกล้า เจ้าปลูกบุญ      อย่าเคืองขุ่น โยเย โอ้เอ้กวน 

 

  เมื่อตั้งไข่ เตาะแตะ แม่ตื่นเต้น          ลูกแลเห็น  รอยแก้ม แย้มยิ้มสรวล   

แม่จับมือ น้อยน้อย คอยชี้ชวน              ภาพยังหวน เช่นฝัน เมื่อวันวาน 

 

ทุกย่างวัย แม่สนิท คอยชิดใกล้         เลี้ยงด้วยใจ สู้สร้าง อย่างกล้าหาญ

เพื่อลูกลูก ทั้งหก มาเนิ่นนาน               แม่ถักสาน สำเร็จผล ทุกคนดี 

 

ได้ร่ำเรียน เขียนอ่าน ถึงชั้นสูง           คำสอนจูง ใฝ่สร้าง ทางสุขศรี    

แม่ยอมเหนื่อย แสนหนัก นานนับปี        เพื่อวันนี้ ลูกยืนได้ ในสังคม 

 

ยามลูกทุกข์ แม่ก็ทุกข์ ทวีโถม           แม่ประโลม ปลอบใจ ให้สุขสม

แม่เหมือนพระ ของลูก ผูกนิยม              แม่เหมือนร่ม โพธิ์ใบ ให้ชื่นเย็น  

 

ขอประกาศ แม่นี้ เป็นตัวอย่าง            แม่ได้วาง สร้างแบบ ให้คนเห็น

เกียรติคุณ ความดี นี้จะเป็น                   แม่ดีเด่น ของลูก ทั้งหกคน 

 

  หนึ่งคือพี่ คนโต พิมลศรี                 ปริญญาตรี พยาบาล สำเร็จผล

รับผิดชอบ ดูแลน้อง ทุกทุกคน              ช่วยผ่อนปรน ภาระแม่ ตลอดมา 

 

๑๐ อีกหนึ่งพี่ ไพศาล ที่ชาญช่าง           วิศวกรรม ก่อสร้าง การไฟฟ้า

ปริญญาตรี ภูมิใจ ได้สืบมา                   เป็นหน้าตา พี่น้อง ยิ่งภูมิใจ

  

๑๑ พูลศิริ  คือพี่สาว คนที่สาม              สมดั่งนาม เป็นศรี  ของแม่ได้

ปริญญาตรี พยาบาล เป็นหลักชัย           เป็นผู้ให้  รักพี่น้อง  และผองชน 

 

๑๒ คนที่ห้า คือน้องสาว  ทิพย์ลดา        เป็นครูบา อาจารย์ สำเร็จผล

ปริญญาโท  ประดับเกียรติ อีกหนึ่งคน     ช่วยบ่มเพาะ เยาวชน มั่นความดี

 

๑๓ คนที่หก สุดท้อง พยาบาล              เพชรา   สืบสาน อีกศักดิ์ศรี

ปริญญาโท สำเร็จ ในวันนี้                    เป็นสิ่งที่ ภูมิใจ ของครอบครัว

 

    ๑๔ แม้แต่ลูก คนนี้ แม่ปลูกฝัง            คำสอนยัง สอนไว้ ไม่ทำชั่ว

  สอนให้ใฝ่ ศึกษา อย่าเมามัว                ไม่เกลือกกลั้ว สิ่งอบาย ให้จดจำ 

 

  ๑๕ ลูกพากเพียร เรียนครู สู้อุตส่าห์        สร้างคุณค่า  ที่แท้ แม่สอนพร่ำ

  ปริญญาโท แม่ดีใจ ให้น้อมนำ               อันถ้อยคำ  แม่ให้ ไว้เป็นแนว 

 

  ๑๖ ได้บวชเรียน เพียรธรรม พระศาสนา    พระคุณแม่ เลิศค่า ชายผ้าเหลือง

สร้างกุศล  แทนพระคุณ  หนุนประเทือง      ส่งยังเบื้อง อนาคตกาล 

 

 ๑๗ ทั้งพี่ชาย และลูก แม่ปลูกฝัง             เป็นชายยัง ตอบแทน พระคุณท่าน

ย่อมหนุนแม่ ขึ้นสวรรค์ ดลบันดาล             ได้สืบสาน พระศาสนา แลพระธรรม   

 

 ๑๘ กาลเวลา ผ่านผัน มาวันนี้                 แปดสิบเอ็ดปี แม่เห็น ทุกเช้าค่ำ

 รอยยิ้มแม่ มีสุข เพราะรอยธรรม               แม่หนุนนำ สร้างลูก จำเริญรอย 

 

 ๑๙ เห็นหลานหลาน ห้อมล้อม แม่แจ่มใส  ยิ่งสุขใจ ชีวิต ไม่เหงาหงอย

 ชีวิตแม่ แก่ชรา  มาเฝ้าคอย                   สังขารพลอย พยาธิ  มิอาจทน 

 

 ๒๐ อาการป่วย เสาะแสะ เพราะสังขาร      ทรมาน กายกร่อน มิผ่อนผล

 เพราะตรากตรำ ทำงาน  อย่างอดทน        ชีวิตคน ธรรมดา ประดามี 

 

 ๒๑ ย่อมมีเกิด มีแก่  มีเจ็บป่วย                จะจนรวย เพียงใด ไม่อาจหนี

 พระพุทธองค์ ทรงสอน ให้ทำดี                กุศลนี้ จะส่งผล สุขล้นใจ 

 

 ๒๒ เป็นอนุสรณ์ สถิตไป ในเบื้องหน้า         เหล่าประชา ลูกหลาน ระลึกได้

 เหมือนดั่งแม่  ของลูก  ปลูกสร้างไว้           สร้างลูกดี มอบให้ แก่สังคม 

 

 ๒๓ ให้ลูกลูก สร้างประโยชน์ แก่ปวงราษฎร์    ทดแทนชาติ แผ่นดิน ถิ่นสุขสม

 ด้วยสองมือ แม่สร้าง ทางนิยม                   แม่คือพรหม ที่แท้ แก่แผ่นดิน 

 

 ๒๔  ยิ่งรำลึก ยิ่งนึกได้ ในอดีต                  เหมือนเส้นขีด ร่องลึก ในเนื้อหิน

 ชีวิตแม่ แต่น้อย ค่อยได้ยิน                       ใช่ประทิ่น ปูพรม ลาดสบาย 

 

 ๒๕ เกิดตระกูล สรัคคานนท์ ที่ลพบุรี          แม่สมศรี  ออกเรือน  ดังมุ่งหมาย 

 พ่อไพบูลย์  เพชรรุ่ง  พาโยกย้าย                และอยู่หลาย อำเภอ ประจำการ 

 

 ๒๖ เพราะทำงาน ฝ่ายปกครอง หลายท้องที่    ภาระมี ต้องย้าย หลายสถาน

แม่ติดตาม หอบลูก เดินทางนาน                  เดี๋ยวย้ายบ้าน โยกเรือน  มิเชือนแช 

 

 ๒๗ อยู่ชัยนาท ไม่นาน ขึ้นเชียงใหม่              อำเภอพร้าว อยู่ไกล กันดารแน่

 อยู่บ้านโฮ่ง ลำพูน  ไกลสุดแล                     ต่อห้วยกาน ก็ไม่แพ้ พอพอกัน 

 

    ๒๘ แม่ทำงาน ทำขนม ทำอาหาร                 เป็นแม่บ้าน เลี้ยงลูก ให้สุขสันต์

   เพื่อเลี้ยงปาก เลี้ยงท้อง อยู่ทุกวัน                  ทุกข์ทั้งนั้น แต่แม่ ก็พอใจ 

 

    ๒๙ จากเหนือสู่ ภาคกลาง อุทัยธานี              ผมอยู่ชั้น ป.สี่ ยังจำได้

    อยู่อำเภอเมือง อำเภอทัพทัน  ที่แสนไกล        สว่างอารมณ์  ก็ไม่ เคยท้อทน 

 

    ๓๐ พ่อได้เห็น ความลำบาก ของครอบครัว       ต้องโยกย้าย ไปทั่ว ระเหระหน 

    พ่อลาออก ราชการ มาสร้างตน                      แม้ยากจน ก็กัดฟัน  ทำงานการ 

 

    ๓๑ เราทั้งหมด ย้ายกลับ ลพบุรี                     ภาระมี หนักหนา เกินไขขาน

    ทั้งพ่อแม่  กัดฟัน  หมั่นทำงาน                      มิเกียจคร้าน  เลี้ยงลูก เจริญวัย 

 

    ๓๒ มิให้ทิ้ง การศึกษา  เพื่อหวังผล               จะเลี้ยงตน ติดตัว จนเติบใหญ่

    พ่อทุกข์ยาก แม่ลำบาก อยู่เพียงใด                 ต้องสู้ให้ ถึงที่สุด นะลูกยา 

 

    ๓๓ กี่หมื่นครั้ง หยาดเหงื่อ แม่ไหลอาบ           สองมือหยาบ เมื่อยขบ ทุกแขนขา  

    กี่พันครั้ง น้ำใส ในดวงตา                             แม่อ่อนล้า ลูกรู้ อยู่เต็มทรวง 

 

    ๓๔ แม่ต่อสู้ อยู่เคียงพ่อ มิท้อถอย                  เพื่อเฝ้าคอย ความสำเร็จ อย่างใหญ่หลวง  

    ดั่งต้นข้าว ออกช่อ รอออกรวง                        แม่หมดห่วง ภูมิใจ ได้ปลูกมา

....................................................................... (มีต่อ / ทั้งหมดมี ๘๑ บท)

 ขออาลัยแด่ คุณแม่สมศรี  เพชรรุ่ง  (อายุ ๘๑ ปี)  ที่จากไป

 

กำหนดสวดพระอภิธรรมศพ   วันที่ ๖ - ๑๐ กันยายน ๒๕๕๑  เวลา ๑๘.๓๐ - ๑๙.๐๐ น.

 ณ ศาลา ๔  วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน  กทม.

 

พระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ    วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๑   เวลา  ๑๖.๐๐ น.

ณ เมรุวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร 

หมายเลขบันทึก: 206121เขียนเมื่อ 5 กันยายน 2008 18:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 17:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งครับ

ขอให้ดวงวิญญาณของคุณแม่สมศรี เพชรรุ่ง ไปสู่สุคติในสัมปรายภพด้วยเทอญ...

สวัสดีค่ะอาจารย์

หนูได้อ่านกลอนที่อาจารย์แต่งแล้วก็คิดถึงแม่กับพ่อมากค่ะ

พออาจารย์บอกว่าให้ไปอ่านกลอนที่อาจารย์แต่งให้แม่ดูนะ หนูก็รีบเข้ามาอ่านเพราะอยากรู้อาจารย์แต่งได้เพราะค่ะ

แต่หนูเชื่ออย่างหนึ่งว่า "เราควรที่จะแสดงความรักกับพ่อแม่เมื่อตอนที่ท่านอยู่ อย่างน้อยก็คือการกอด บางคนอาจจะอายและไม่กล้า แต่อย่างน้อยเราก็ได้ทำเมื่อตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ถ้าหากท่านตายไปแล้วเราจะไมโอกาสบอกรัก และกอดท่านได้อย่างทุกวันนี้ก็เป็นได้ ใช่ไหมคะอาจารย์"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท