กรณีตัวอย่างที่ดิฉันจะเล่าให้ท่านฟัง/อ่านกันนี้ เป็นกรณีตัวอย่างของการจัดเวทีประชุม/ จัดกระบวนการเพื่อทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเกษตรอำเภอ ซึ่งเป็นพื้นที่วิจัยเพื่อ "พัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตร ปี 2551" ณ สำนักงานเกษตรอำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยทีมงานของดิฉันได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า
1) เพื่อร่วมสังเกตการณ์การดำเนินงานในเวทีประชุมของสำนักงานเกษตรอำเภอประจำเดือนนั้นทำอะไรบ้าง?
2) เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเกษตรอำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกี่ยวกับ "การวิจัยระบบส่งเสริมการเกษตร ปี 2551" ที่จะต้องทำนั้นมีอะไรบ้าง? จะทำกันอย่างไร? และสุดท้ายต้องการทราบผลอะไรบ้าง?
ในการจัดเวทีการประชุมดังกล่าว จะเป็นการประชุมประจำเดือนของสำนักงานเกษตรอำเภอที่ปฏิบัติกันเป็นปกติวิสัยโดยมีเกษตรอำเภอบางบาล เป็นผู้นำการประชุม/ เป็นประธานที่ประชุม แต่ในการประชุมของเดือนมิถุนายน 2551 จะมีวาระเพิ่มเติมก็คือ มีการชี้แจงงานวิจัย ที่มีผู้แทนจากกรมส่งเสวริมการเกษตร (ส่วนกลาง) และมีเจ้าหน้าที่ จากสำนักงานเกษตรจังหวัดมาร่วมด้วย รวมแล้ว ประมาณ 15 คน
เริ่มต้นของการประชุมท่านเกษตรอำเภอบางบาล ได้นำเข้าสู่เรื่องโดยเล่าเนื้อหาสาระเพื่อชี้แจงและสื่อสารข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ภายในสำนักงานเกษตรอำเภอได้รับทราบข้อมูล หลังจากนั้นก็จะมีการซักถาม/นำเสนอข้อมูลที่เป็นปัญหาในการทำงาน/หาทางออกเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
การชี้แจงทำความเข้าใจ ในการทำงานวิจัยเพื่อพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตร ปี 2551 ได้เริ่มต้นจากเนื้อหาสาระ ได้แก่ 1) การชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับ "ทำไมต้องทำงานวิจัยระบบส่งเสริมการเกษตร" 2) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการ ขั้นตอน และแนวทางการทำงานวิจัยระบบส่งเสริมการเกษตร 3) เป้าหมายสุดท้ายของการทำงานก็คือ การหาข้อสรุปว่า "รูปแบบของระบบส่งเสริมการเกษตรที่กรมส่งเสริมการเกษตร ให้มานั้นใช้ได้หรือไม่? แล้วควรจะปรับแก้กันตรงไหนบ้าง? โดยใช้ผลจากการทำวิจัยมาปรับแก้เพื่อพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตร 4) สิ่งที่จะดำเนินการนั้นจะใช้วิธีการมีส่วนร่วมของทุกคน เช่น การจัดเก็บข้อมูล และอื่น ๆ
หลังจากนั้นได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจระหว่างกัน ได้แก่
1) เริ่มต้นจาก "เจ้าหน้าที่ระดับจังหวัด" ได้เล่าข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ที่ทำอยู่ตอนนี้นั้นเขาทำงานอะไรกันบ้าง? เพื่อเป็นการทบทวนงานส่งเสริมการเกษตรที่พื้นที่ทำกันอยู่ในตอนนี้นั่นเอง
2) "เจ้าหน้าที่ระดับพื้นที่" ได้เล่าสถานการณ์การดำเนินงานส่งเสริมการเกษตรที่เกิดขึ้นจริงที่เป็นกรณีของการทำงานร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) นั้นเป็นอย่างไรบ้าง? มีปัญหาอุปสรรคตรงไหน? และควรจะปรับแก้กันอย่างไร? เพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูล/วิเคราะห์การปฏิบัติงาน/บทบาทที่ทำจริง/ปัญหาที่เกิดขึ้น/วิธีการปรับแก้
3) "เจ้าหน้าที่ระดับพื้นที่" สะท้อนความรู้สึกที่มีต่อการทำงานส่งเสริมการเกษตรที่เกิดขึ้น ได้แก่ งานส่งเสริมการเกษตรนั้นมีอยู่จำนวนมากแต่ส่วนกลางขาดการประชาสัมพันธ์/เผยแพร่ สำนักงานเกษตรอำเภอ ทำงานอยู่มากมาย แต่เบื้องบนบอกว่า "อำเภอไม่มีผลงาน" ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสถานการณ์และบริบทของข้อมูลพื้นฐานทางด้านบรรยากาศของการทำงานที่รองรับการจัดเก็บข้อมูลเพื่อปฏิบัติงานวิจัยได้
4) "เจ้าหน้าที่ส่วนกลาง" อธิบายเนื้อหาสาระของระบบส่งเสริมการเกษตร ปี 2551 ได้แก่ ความเป็นมา องค์ประกอบ และผลที่เกิดขึ้นจากการทำวิจัย เพื่อช่วยเหลือองค์กรและการปฏิบัติงานของพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ
5) "เจ้าหน้าที่ส่วนกลาง" สะท้อนข้อมูลจากการบันทึก ได้แก่ งานที่อำเภอทำในปัจจุบันมีอะไรบ้าง? ผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติมีอะไรบ้าง? การวิจัยระบบส่งเสริมการเกษตร ปี 2551 ที่จะเกิดขึ้นต้องการอะไร? และแนวทางการดำเนินงานเพื่อค้นหาคำตอบ
จากการสนทนาพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์/ความคิดเห็นดังกล่าวสรุปได้ว่า
1) แนวทางการดำเนินงานวิจัยระบบส่งเสริมการเกษตร ปี 2551 มีกระบวนการ คือ ขั้นที่ 1 วิเคราะห์สถานการณ์ ขั้นที่ 2 ประเด็นที่จะทำวิจัย ขั้นที่ 3 กำหนดแนวทางแก้ไข (ปัญหา/อุปสรรค) ขั้นที่ 4 ดำเนินการในพื้นที่ ขั้นที่ 5 สรุปผลที่เกิดขึ้น ขั้นที่ 6 นำเสนอ และ ขั้นที่ 7 สรุป/ข้อเสนอแนะ
2) สถานการณ์การดำเนินงานที่เกิดขึ้นก็คือ
เรื่องที่ 1 การทำงานส่งเสริมการเกษตรในปัจจุบันยังขาดทิศทางการดำเนินงานที่ชัดเจน เรามีผลงานส่งเสริมการเกษตรเกิดขึ้นมากมาย แต่เราขาดการประชาสัมพันธ์/เผยแพร่
เรื่องที่ 2 การทำงานวิจัย เจ้าหน้าที่เห็นว่า งานวิจัยเป็นการเพิ่มภาระในการทำงาน การทำงานวิจัยก็เพื่อปรับระดับ/ตำแหน่ง/เพิ่มซี และผลงานวิจัยที่มาทำกันนั้นไม่มีการนำข้อมูลย้อนกลับมาให้อำเภอ/ให้กับเจ้าของข้อมูลหรือหน่วยงานได้รับทราบและใช้ประโยชน์ว่า "เป็นอย่างไรบ้าง?" จึงทำให้ไม่อยากร่วมทำงานวิจัยด้วย แต่ถ้าเพื่อการพัฒนาหน่วยงานและการทำงานก็จะขอคิดดูใหม่/ร่วมงานวิจัยด้วย/ไม่ขัดข้อง
3) ข้อคิดที่เกิดขึ้นก็คือ
เรื่องที่ 1 การขับเคลื่อนระบบส่งเสริมการเกษตร ปี 2551 และการทำงานส่งเสริมการเกษตร สามารถใช้วิธีการวิจัยได้
เรื่องที่ 2 วิธีการสร้างความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรเกี่ยวกับการทำวิจัยนั้น ถ้าใช้วิธีการเล่าสิ่งที่จะทำ แล้วมาแลกเปลี่ยนปัญหาอุปสรรค และมาหาทางออก นั้นทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความเข้าใจได้ค่อนข้างน้อย ซึ่งอาจจะมาจาก (1) ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการทำงานวิจัย (2) ประสบการณ์และความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อการทำงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ที่ตนเองได้ประสบมา และ 3) ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับการทำงานร่วมกัน เช่น อบต. และหน่วยงานอื่น ๆ เป็นต้น
เรื่องที่ 3 การดำเนินงานตามระบบส่งเสริมการเกษตร ปี 2551 นั้น ในพื้นที่ได้ดำเนินการกันอยู่แล้ว แต่ยังไม่รู้ว่า (1) งานแต่ละเรื่องทำกันอย่างไร? (2) มีปัญหาอยู่ตรงไหนบ้าง? (3) ผลที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร? (4) แล้วจะแก้ไขกันอย่างไรดี? และ 5) เป้าหมายและผลลัพธ์สุดท้าย "ต้องการเห็นอะไร?" ซึ่งเป็นงานที่ควรจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ที่น่าจะมีการจัดกระบวนการและสามารถสร้างความรู้ความเข้าใจร่วมกันและอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อ"หาคำตอบของระบบส่งเสริมการเกษตร ที่ใช้ได้/เดินได้" ที่เป็นการทำงานร่วมกันนั่นเอง
สุดท้ายนั้นหลังจากที่ทีมงานได้มีการจัดเวทีระดับอำเภอเสร็จแล้ว (ช่วงเช้า) สำหรับในช่วงบ่ายก็นำข้อมูลที่พบต่าง ๆ มาร่วมกันปรึกษาหารือเพื่อทบทวนเป้าหมายของการมาครั้งนี้ว่า "เรามาทำอะไรกันบ้างท เพื่อให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง" โดยเริ่มจากการให้ข้อมูลทีละคน ๆ ที่แต่ละคนได้สังเกตุการณ์/ร่วมเวทีในช่วงเช้า จึงสรุปได้ว่า
1) เราจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องนี้กันอีกกับทีมงานระดับอำเภอ เป็นครั้งที่ 2 โดยจะมีกรอบการปฏิบัติที่เราเองจะต้องมีความชัดเจนด้วย มีการประชุมร่วมกันก่อน และมีการแบ่งบทบาทหน้าที่ เป็นต้น
2) เราจะต้องสรุปบทบาทหน้าที่ของทีมงานวิจัยของเราเองว่า "มีหน้าที่ทำอะไร?"
3) เราน่าจะมีการพัฒนาเครื่องมือเพื่อจะได้มองเป้าหมายเป็นทิศทางเดียวกัน
4) เราควรจะทำความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ "งานวิจัย" เพื่อเป็นพื้นฐานให้กับพื้นที่และทีมงานที่จะวิจัยสำหรับดำเนินงานร่วมกันโดยช้วิธีการค่อยเป็นค่อยไป
5) ควรมีการให้กำลังใจทีมงาน/เจ้าหน้าที่และพื้นที่ที่ทำวิจัย เพราะมีความตั้งใจทำงานค่อนข้างสูง
การปฏิบัติงาน "สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ...การวิจัยเพื่อพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตร" เป็นการจัดเวทีครั้งแรก โดยใช้ช่องทางของการทำงานร่วมกันในเวทีประชุมของสำนักงานเกษตรอำเภอประจำเดือน ฉะนั้นทำให้ได้รู้ได้เห็นวิถีการจัดเวทีและข้อเท็จจริงที่เป็นประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างหลักการวิชาการ กับประสบการณ์และข้อเท็จจริงที่ปรากฎ ซึ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการทำงานเท่านั้นเอง.
ไม่มีความเห็น