ภูไมท์ หรือกลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟ
จะมีพื้นที่ผิวสัมผัสที่มีความพรุน โปร่ง คล้ายกับโครงสร้างของฟองน้ำ
ทำให้มีความสามารถในการกรอง ดักและจับตรึงแร่ธาตุ ก๊าซต่างๆ
ได้ค่อนข้างดี
ดังนั้นเมื่อนำไปใส่ให้แก่ต้นไม้ในปริมาณที่กำหนดไว้
หรือพอเหมาะพอดีกับความต้องการของเขา
ก็จะทำให้พืชสามารถที่จะสร้างภูมิต้านทาน มีความแข็งแกร่ง
กระตุ้นการเจริญเติบโต
ช่วยจับตรึงสารอาหารที่เป็นประโยชน์แก่พืชมิให้สูญเสียผ่านเลยไปโดยง่ายดาย
โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นดินทราย เพราะแร่ธาตุอาหารต่าง ๆ
จะถูกชะล้างเสียหายไปได้ง่าย
การนำภูไมท์หรือหินแร่ภูเขาไฟเข้าไปใช้ในการเกษตรจึงมักจะเป็นที่นิยมของพี่น้องเกษตรกรโดยโดยทั่วกัน เพราะมีประโยชน์ช่วยปรับปรุงโครงสร้างดินให้เกิดเม็ดดินที่มั่นคงขึ้น ดินไม่เกาะตัวกันอย่างเหนียวแน่น ไม่สร้างปัญหาทำให้ดินมีค่าพีเอชเปลี่ยนแปลงเหมือนกับที่ใส่กลุ่มวัสดุปูนทั้งหลาย และเมื่อสะสมอยู่ในดินทำให้ช่วยจับแร่ธาตุต่าง ๆ การใช้ในปริมาณที่ไม่มากเกินไปจะเป็นประโยชน์ต่อพืชแต่ถ้ามากเกินไปก็เป็นโทษ
เกษตรกรบางท่านที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจจะคิดว่าภูไมท์นั้นคือปุ๋ย เมื่อใส่ครั้งแรกแล้วเห็นความแตกต่างจากเดิมว่าต้นไม้มีความแข็งแรงและมีการเจริญเติบโตดีขึ้นอย่างมาก เพราะหินแร่ภูเขาไฟหรือภูไมท์มีปริมาณแร่ธาตุต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อพืชอยู่มากมายนั้นจะค่อย ๆ ละลายออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืชอย่างช้า ๆ จึงทำให้พืชมีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทีนี้เองเกษตรจึงใส่เพิ่มลงไปอีกเป็นจำนวนมาก และมากเกินไปจนไนโตรเจนถูกจับตรึงและบล็อกเสียจนพืชไม่สามารถที่จะนำไปใช้ได้อย่างเพียงพอ ทำให้พืชมีอาการใบเหลืองซีด ต้นแคระแกร็น มีอาการขาดปุ๋ย ถ้าเกษตรกรท่านใดพบปัญหาเหมือนดังที่ได้อธิบายไปดังกล่าวนี้ ให้ทำการแก้ไขโดยการใส่ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 หว่านเพิ่มลงไป จะช่วยแก้ปัญหาการขาดปุ๋ยจากการที่ใส่ภูไมท์หรือหินแร่ภูเขาไฟมากเกินไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ 0-2986-1680-2
มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
ข้อเสียของการใช้ภูไมท์หรือหินแร่ภูเขาไฟมากเกินไป
ข้อเสียของหินแร่ภูเขาไฟ
ภูไมท์ หรือกลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟ จะมีพื้นที่ผิวสัมผัสที่มีความพรุน โปร่ง คล้ายกับโครงสร้างของฟองน้ำ ทำให้มีความสามารถในการกรอง ดักและจับตรึงแร่ธาตุ ก๊าซต่างๆ ได้ค่อนข้างดี ดังนั้นเมื่อนำไปใส่ให้แก่ต้นไม้ในปริมาณที่กำหนดไว้ หรือพอเหมาะพอดีกับความต้องการของเขา ก็จะทำให้พืชสามารถที่จะสร้างภูมิต้านทาน มีความแข็งแกร่ง กระตุ้นการเจริญเติบโต ช่วยจับตรึงสารอาหารที่เป็นประโยชน์แก่พืชมิให้สูญเสียผ่านเลยไปโดยง่ายดาย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นดินทราย เพราะแร่ธาตุอาหารต่าง ๆ จะถูกชะล้างเสียหายไปได้ง่าย
การนำภูไมท์หรือหินแร่ภูเขาไฟเข้าไปใช้ในการเกษตรจึงมักจะเป็นที่นิยมของพี่น้องเกษตรกรโดยโดยทั่วกัน เพราะมีประโยชน์ช่วยปรับปรุงโครงสร้างดินให้เกิดเม็ดดินที่มั่นคงขึ้น ดินไม่เกาะตัวกันอย่างเหนียวแน่น ไม่สร้างปัญหาทำให้ดินมีค่าพีเอชเปลี่ยนแปลงเหมือนกับที่ใส่กลุ่มวัสดุปูนทั้งหลาย และเมื่อสะสมอยู่ในดินทำให้ช่วยจับแร่ธาตุต่าง ๆ การใช้ในปริมาณที่ไม่มากเกินไปจะเป็นประโยชน์ต่อพืชแต่ถ้ามากเกินไปก็เป็นโทษ
เกษตรกรบางท่านที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจจะคิดว่าภูไมท์นั้นคือปุ๋ย เมื่อใส่ครั้งแรกแล้วเห็นความแตกต่างจากเดิมว่าต้นไม้มีความแข็งแรงและมีการเจริญเติบโตดีขึ้นอย่างมาก เพราะหินแร่ภูเขาไฟหรือภูไมท์มีปริมาณแร่ธาตุต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อพืชอยู่มากมายนั้นจะค่อย ๆ ละลายออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืชอย่างช้า ๆ จึงทำให้พืชมีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทีนี้เองเกษตรจึงใส่เพิ่มลงไปอีกเป็นจำนวนมาก และมากเกินไปจนไนโตรเจนถูกจับตรึงและบล็อกเสียจนพืชไม่สามารถที่จะนำไปใช้ได้อย่างเพียงพอ ทำให้พืชมีอาการใบเหลืองซีด ต้นแคระแกร็น มีอาการขาดปุ๋ย ถ้าเกษตรกรท่านใดพบปัญหาเหมือนดังที่ได้อธิบายไปดังกล่าวนี้ ให้ทำการแก้ไขโดยการใส่ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 หว่านเพิ่มลงไป จะช่วยแก้ปัญหาการขาดปุ๋ยจากการที่ใส่ภูไมท์หรือหินแร่ภูเขาไฟมากเกินไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ 0-2986-1680-2
ตอนนี้ทำวิจัยอยุ่ค่ะอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับสเม็คไทต์เพื่อนำไปทำวิจัยในการดูดซับ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้อมูลทีมาความสำคัญเเละการดูดซับขอบคุณค่ะ
ยินดีครับ ประสานเรื่องเอกสารเข้ามาได้ที่ 081-313-7559 นะครับ (เข้ามารับเป็นเอกสารจะสะดวกมากกว่าครับ)
ผมทำวิจัยกี่ยวกับ เพอร์ไลท์ อยู่อะคับ อยากได้คำแนะนำ
คุณเหน่ง ติดต่อเข้ามาได้ที่ ชมรมเกษตรปลอดสารพิษได้เลยนะครับ หรือจะโทร.สอบถามพูดคุยแลกเปลี่ยนกันที่เบอร์นี้ 081-313-7559 ก็ได้ครับ