เตรียมดินดี ต้นทุนไม่สูง ผลผลิตเพิ่ม สามารถรับมือกับราคาปุ๋ย - ยาที่แพงขึ้นได้


ประหยัดปุ๋ย

 

มีเสียงบ่นจากเกษตรกรเป็นจำนวนมาก ในเรื่องของราคาปุ๋ยที่ค่อนข้างจะมีราคาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากและมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากราคาตันละประมาณ 12,000 บาทก็ปรับ ขึ้นไปเป็นตันละ 16,000 บาท หรือบางพื้นที่ก็ขึ้นไปราว ๆ 18,000 บาท ทำให้ต้นทุนของเกษตรเพิ่มขึ้นมาอย่างมากมายและบางรายก็ไม่สามารถที่จะปรับตัวได้ทัน จึงทำให้ต้องหยุดกิจกรรมทางการเกษตรลงชั่วคราวในระยะนี้  เพราะสู้ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว

ราคาของปุ๋ยเคมีที่เพิ่มขึ้นมานี้  รัฐบาลน่าจะเข้ามาดูแลและตรวจสอบว่าราคาที่เพิ่มขึ้นมานั้นถูกต้องเป็นจริงเหมาะสมกับเหตุและผลหรือไม่ เพราะราคาสูงขึ้นมาจากเดิม 25 -35 เปอร์เซ็น ทำให้เกษตรกรไม่สามารถที่จะดำรงอาชีพอยู่ได้  เพราะไม่มีกำไรหรือมีก็น้อยมากไม่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องแก่สมาชิกในครอบครัวได้   เหมือนดังว่าผลิตขึ้นมาแล้วก็นำกำไรไปมอบให้กับร้านขายปุ๋ยขายยาเสียหมด หรือไม่ก็ต้องเข้ามาควบคุมดูแลหรือบริหารจัดการราคาปุ๋ยให้ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด เพื่อให้เกษตรกรของประเทศเราอยู่ได้  เพราะประเทศไทยคือประเทศเกษตรกรรม

เราจะสังเกตเห็นว่าราคาปุ๋ยและยาฆ่าแมลงเพิ่มขึ้นอยู่บ่อย ๆ แต่ราคาของผลผลิตกลับตรงกันข้าม คือค่อนข้างที่จะลดต่ำลงมาเสียมากกว่า ทั้ง ๆ ที่เราทานข้าว พืช ผัก ผลไม้ กันอยู่เป็นประจำ แต่ราคากลับไม่สูงหรือเป็นที่พอใจของเกษตรกร  น่าจะมีผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเราเข้ามาดูแลในเรื่องนี้กันบ้างนะครับ

ในช่วงที่เราคาดหวังว่าจะมีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเหลือเกษตรกร เรามาคิดวิธีการช่วยเหลือตัวเราเองกันก่อนแล้วกันนะครับ  ก็คือการทำให้ดินของเราตอบสนองต่อการใส่ปุ๋ยให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้นะครับ ดินที่สามารถที่จะละลายแร่ธาตุอาหารต่าง ๆ เพื่อให้พืชสามารถดูดกินเข้าไปได้ดีที่สุด ค่าความเป็นกรดเป็นด่างหรือพีเอชของเขาจะต้องอยู่ที่ 6.0 – 6.5 คืออยู่ในระยะกรดอ่อนๆ  ถ้าดินเป็นกรดก็ให้ทำการปรับปรุงแก้ไขโดยใช้กลุ่มวัสดุปูน และถ้าดินเป็นด่างก็ให้ใช้ ยิปซั่ม หรือ    ภูไมท์ซัลเฟตถุงสีแดงเป็นตัวแก้ไข

เกษตรกรควรเติมปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกลงไปในดินอย่างสม่ำเสมอ ปุ๋ยคอกที่กล่าวมานี้ก็ควรเป็นปุ๋ยที่เราผลิตกันขึ้นมาเองไม่ควรไปซื้อมาจากข้างนอก  โดยการนำซากพืชซากสัตว์ หญ้าแห้ง ฟางแห้ง แกลบดิบ ลำพวนข้าว ขี้วัวแห้ง ขี้ควายแห้ง เปลือกฝักถั่วเหลือง  เปลือกฝักถั่วเขียว เปลือกถั่วลิสง ซังข้าวโพดป่น  ซึ่งมีอยู่ในพื้นที่หรือแปลงเกษตรของเราเอง ถ้าเป็นกิ่งไม้ขนาดใหญ่เกินไปก็ให้นำมาหั่นย่อยเสียก่อนแล้วค่อยนำมาหมักเก็บไว้ เพื่อเป็นการสต๊อคปุ๋ย จะได้ไม่ต้องไปซื้อเขาให้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ   ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกจะช่วยปรับโครงสร้างดินให้ดีขึ้น คือ โปร่ง ร่วนซุย ดูดซับกักเก็บธาตุอาหารในดินไว้ให้แก่พืชได้อย่างดี ช่วยให้เกิดเป็นเม็ดดินที่มั่นคง ถาวร การระบายถ่ายเทน้ำดี ไม่เหนียว และ แน่นแข็งจนเกินไป และจะค่อย ๆ ย่อยสลายกลายเป็นธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืชสะสมไว้อย่างสม่ำเสมอ

เมื่อปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกที่เติมลงไปในแปลงปลูกและในดินอย่างสม่ำเสมอแล้ว จะค่อย ๆ ย่อยสลายตัวเองจนกลายเป็นปุ๋ยอยู่ในดิน และสะสมมาก ๆ ขึ้น มากบ้าง น้อยบ้าง ก็ค่อยๆ สะสมขึ้นไปทีละนิด  ทำให้ดินของเรามีอินทรียวัตถุและปุ๋ยอยู่ส่วนหนึ่งไม่มากก็น้อย  ทำให้เราสามารถลดการใช้ปุ๋ยเคมีลง คือเราจะใช้ปุ๋ยเคมี ประมาณ 20 -30 % ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องใส่ 100 % เหมือนดังแต่ก่อน ทำให้เราลดต้นทุนลงมาได้ถึง 70 – 80 % เลยทีเดียว

ในการที่เราจะทราบได้ว่าเราควรจะใช้ปุ๋ยเคมีเข้ามาเสริมในอัตราเท่าไรนั้น จะต้องสังเกตุลักษณะอาการของพืชเป็นหลักด้วยนะครับว่า เมื่อเราใส่ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก 80 % แล้วใช้ปุ๋ยเคมี 20 % ต้นไม้ของเรามีการเจริญเติบโตสมบูรณ์ดีหรือไม่ ถ้าไม่ดีก็ควรจะต้องเพิ่มปุ๋ยเคมีลงไปอีก เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของเขา จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินนั้น ๆ นะครับ  ถ้ามีการดูแลและบำรุงดินมาอย่างดีก็จะช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงไปเป็นอันมากครับ  และถ้าเรามีการเติมอินทรียวัตถุให้แก่ดินอยู่ตลอดเวลา และมีการตรวจเช็คกรดด่างของดินอยู่ทุกปี ในอนาคตก็สามารถที่จะลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้อย่างแน่นอน

 

มนตรี  บุญจรัส

ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ  www.thaigreenagro.com

 

หมายเลขบันทึก: 205403เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2008 20:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 01:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

คุณพร้อมที่จะรวยแล้วหรือยัง....?

ธุรกิจการเกษตร เป็นธุรกิจที่ยั่งยืน มีการหมุนเวียนการใช้สินค้าเกี่ยวกับ การเกษตรมาก ทุกรอบฤดูการเพาะปลูก

แม้เศรษฐกิจจะตกอยู่ในภาวะที่ไม่ดี........แต่

เกษตรกรก็ต้องใช้สินค้าทางการเกษตรอยู่เหมือนเดิม

ทำให้ธุรกิจนี้สามารถเติบโตได้ แม้ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ

แล้ว.....คุณ........จะรอช้าอยู่...???

ทีมงานมืออาชีพ ที่มีความชำนาญทางการเกษตรของเรา ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารพืชครับ.....?

1.ปุ๋ยบัวทิพย์ (อาหารทางดิน) ดูข้อมูลที่ http://www.youdo111.blogspot.com

2.โอทู ฟลาโวเจน (อาหารทางใบ) ดูข้อมูลที่ http://www.o2money.blogspot.com

แล้วคุณละ.....พร้อมที่จะร่วมงานกับทีมงานมืออาชีพ........หรือยัง...???

***ด้วยระบบแผนการตลาดที่เยี่ยมยอด และทีมงานที่ดีเยี่ยม เราจะพาคุณร่ำรวยกับธุรกิจการเกษตร อย่างยั่งยืน และถาวร***

สนใจเข้าร่วมทีมงาน โทร 086-6748882 ตุ๊กนีโอ

Email://[email protected]

ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง หากเมล์ฉบับนี้รวบกวนจิตใจท่าน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท