นักวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบร่างกายคนเรา
เหมือนต้นไม้ เมื่อปลูกต้นไม้ในดินที่ไม่ดี
หรือดินที่มีสารพิษเจือปนอยู่ รากก็จะดูดอาหารที่ไม่ดีเหล่านี้
ไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆของลำต้นและใบ ต้นไม้นั้น ก็จะทรุดโทรมและล้มตาย
ในที่สุด
เช่นเดียวกับร่างกายของเรา รากของมนุษย์อยู่ในลำไส้
มีหน้าที่ดูดอาหาร เข้าไปสู่เลือดและน้ำเหลือง
และกระจายไปเลี้ยงเซลล์ทั่วร่างกาย ทำให้ร่างกาย แข็งแรง สดชื่น
มีความต้านทานโรคดี มีอายุยืนนานอย่างสุขภาพดี
ในทางตรงข้าม หาก กินอาหารไม่ดี
ก็จะเกิดเป็นพิษสะสมอยู่ในเลือดและน้ำเหลืองตลอดจนเซลล์ต่างๆของร่างกาย
ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม เกิดโรค และอายุไม่ยืนยาวเท่าที่ควร
ปัจจุบัน พืชผักผลไม้ต่างๆ ที่ขายอยู่ในตลาด ส่วนใหญ่
ได้มาจากการปลูกที่ยังใช้ ฮอร์โมนเร่งผลผลิต และการใช้ยาฆ่าแมลง
และปุ๋ยเคมี อยู่ไม่น้อย แม้กระทั่ง พืชผักที่เรียกว่า
ปลอดสารพิษก็ตาม (ผักปลอดสารพิษนั้น มักจะหมายถึง
ผักที่ยังคงมีสารพิษตกค้างปนอยู่บ้าง แต่ไม่เกินค่า MRL
(Maximum Residue Limit) ซึ่งเป็นเครื่องมือตรวจระวังระดับของ
สารพิษตกค้างที่กำหนดโดยองค์การอนามัยโลก)
ดังนั้น เมื่อไม่นานมานี้
จึงได้มีการรณรงค์ ให้ประชาชน หันมาทำการเกษตรที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ
ที่เรียกว่า เกษตรอินทรีย์กันอย่างแพร่หลาย
ตั้งแต่ การเพาะปลูกเพื่อกินกันในครัวเรือน
เหลือออกไปขายที่ตลาด
จนถึงการกำหนดเป็นนโยบายของทางราชการเพื่อการส่งออกที่
มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
แต่ยังมี คนอีกมาก ที่ไม่เข้าใจว่า อาหารอินทรีย์สุขภาพ
คืออะไร ดิฉันเลยขออนุญาต นำนิยามศัพท์ นี้มาจาก
สำนักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี กรมส่งเสริมการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดังนี้.....
อาหารอินทรีย์สุขภาพ คือ
อาหารที่ได้มาจากระบบการผลิตที่เรียกว่า เกษตรอินทรีย์
ซึ่งเป็นการผลิตที่คำนึงถึง สภาพแวดล้อม รักษาสมดุลของธรรมชาติ
และความหลากหลายของทางชีวภาพ โดยมีระบบการจัดการนิเวศวิทยา
ที่คล้ายคลึงธรรมชาติ และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีสังเคราะห์
ทั้งปุ๋ยเคมี สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและฮอร์โมนต่างๆ
ที่ได้จากการสังเคราะห์ทางเคมี ตลอดจนไม่ใช้
พืชหรือสัตว์ที่เกิดจากการตัดต่อทางพันธุกรรม
ที่อาจเกิดมลพิษ ในสภาพแวดล้อม และเน้นการใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก
ปุ๋ยพืชสด และปุ๋ยชีวภาพ
ในการปรับปรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์
เพื่อให้ต้นพืช มีความแข็งแรง สามารถต้านทานโรคและแมลงด้วยตนเอง
รวมทั้งการนำเอาภูมิปัญญาชาวบ้าน มาใช้ประโยชน์ด้วย นอกจากนี้
ผลผลิตที่ได้ จะปลอดภัยจากสารพิษตกค้าง
ทำให้ปลอดภัยทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค โดยไม่ทำให้
สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม
สำหรับในด้านการส่งออกอาหารอินทรีย์
ปัจจุบันได้แก่ ข้าว กล้วยหอม หน่อไม้ฝรั่ง
กระเจี๊ยบเขียว สับปะรด ข้าวโพดอ่อน
ขิงและสมุนไพร เป็นต้น สำหรับเรื่องนี้
เป็นความภาคภูมิใจเป็นพิเศษ เพราะบริษัทอุตสาหกรรมอาหาร
ที่ดิฉันเคยเป็นผู้บริหารอยู่ เป็นผู้ผลิต ข้าวโพดอ่อนอินทรีย์ส่งออก
เป็นรายแรกของประเทศ
(ข้อมูลปรากฏอยู่ใน เอกสาร โครงการศึกษาวิเคราะห์และจัดทำ
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ถึงความต้องการ ของภาคเอกชน
เพื่อให้รัฐสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ด้านอาหารอินทรีย์สุขภาพ เพื่อการส่งออก ที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
โดย สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม)
ในด้านส่วนตัว ดิฉันและครอบครัว นิยมกินอาหารอินทรีย์มานานแล้ว
และมีการปลูกผักสวนครัวมาตลอด
ไม่ค่อยได้ไปซื้อผักที่จำเป็นในการประกอบอาหารมาจากตลาดเท่าใด
และรู้สึกดีใจ ที่เห็นกระแสการปลูกผักสวนครัว
เริ่มกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อกลางเดือนสิงหาคมนี้ ดิฉันไปออกกำลัง
ที่สวนเบญจกิติ
เห็นทางกทม.จัดให้มีนิทรรศการการปลูกพืชผักสวนครัว
ผสมผสานไปกับการปลูกต้นไม้ดอกไม้ เพื่อประดับบ้าน
เรียกความสนใจจากผู้มาเดินเล่นและออกกำลังกายเป็นอย่างมาก
มีภาพมาให้ชมกันด้วยค่ะ
เมื่อปี 2548-2552
ทางรัฐบาลได้กำหนด วาระแห่งชาติด้านเกษตรอินทรีย์ไว้
โดยสนับสนุนด้านวิชาการและการเรียนรู้ ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน
เพื่อพัฒนาต่อยอด ภูมิปัญญา ชุมชนท้องถิ่นในเรื่องเกษตรอิทรีย์
ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยชีวภาพ
ซึ่งการขับเคลื่อนดังกล่าว มี 3 ระยะ คือ ระยะ ที่
1เป็นการหยุดสารพิษ ลดปุ๋ยเคมี ระยะที่
2ฟื้นฟูสมรรถภาพดิน และระยะที่ 3
สร้างความอุดมสมบูรณ์
( ที่มา:แนวทางและยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน
วาระแห่งชาติ การเกษตรอินทรีย์-ชีวภาพ พ.ศ. 2548-2552)
ถ้าเราหันมาปลูกผักสวนครัวไว้กินเอง หรือเลือกซื้อแต่ผักผลไม้
ที่ปลอดภัยจากสารพิษต่างๆแล้ว เราจะมีสุขภาพที่ดี ร่างกาย
แข็งแรงสมบูรณ์ ขึ้นทุกคน ลดภาระของร่างกาย
ที่จะต้องขับสารพิษที่สะสมอยู่ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดี
ถ้าสะสมถึงในระดับหนึ่ง ก็จะเกิดโรคต่างๆต่อไปนั่นเอง
ผักผลไม้มีกากใย วิตามิน และแร่ธาตุ
ซึ่งจำเป็นต่อร่างกาย
และผลไม้ให้น้ำตาลเพื่อเพิ่มเติมพลังงานซึ่งร่างกายควรจะได้รับทั้งสองอย่างในปริมาณที่เหมาะสม
ดังนั้น เรามาปลูกผักสวนครัว และปลูกผลไม้ที่ขึ้นง่ายๆ โตไวๆ
ไว้กินกันเองในครอบครัวเถอะค่ะ
ที่ดิฉันปลูกไว้เป็นประจำอยู่ตลอดคือ...พริกขี้หนู..
มะเขือเทศ...ตะไคร้
สะระแหน่..โหระพา..แมงลัก..กะเพรา..ตำลึง...มะเขือพวง...เตยหอม
ซึ่งจะเห็นได้ว่า
ส่วนใหญ่เป็น สมุนไพรคู่ครัว ทั้งนั้น
เพราะกลิ่นรสของสมุนไพร ทำให้อาหารน่ากินและยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
แถมบางชนิดยัง สามารถชงดื่ม ช่วยบรรเทา อาการไม่สบายเล็กๆน้อยๆ เช่น
ท้องอืด คลื่นไส้ โดยไม่ต้องไปหาหมออีกด้วย เช่น ทำน้ำตะไคร้ น้ำขิง
กินสะระแหน่มากๆหน่อย ช่วยแก้อาการจุกเสียดในท้อง เป็นต้น
กำลังเตรียมที่จะปลูก กวางตุ้งและบวบด้วย แล้วแต่ว่า
เราจะชอบรับประทานผักอะไรกันในครอบครัวค่ะ
ยิ่งขณะนี้ มีข่าวใหญ่ ที่เกี่ยวกับเรื่องอาหารนม ว่า บริษัท ซานลู่ ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจผลิตภัณฑ์ประเภทนมรายใหญ่ของจีน ตกเป็นจำเลยในกรณีอื้อฉาวว่ามี เด็กป่วยเพราะดื่มนมของบริษัทมาตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว 2550 และบริษัทได้สั่งให้มีการตรวจสอบและทดสอบเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
และพบว่า มีการเติมสารเมลามีนเข้าไปในนมจริง แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตหรือป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา จนกระทั่งเรื่องมาแดงอีกครั้งเมื่อต้นเดือนนี้เที่เด็กทารกในจีนเสียชีวิต และล้มป่วยลงในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
นอกจากนมผงสูตรเลี้ยงเด็กทารกแล้ว ผลิตภัณฑ์นมและโยเกิร์ตของบริษัทนมชั้นนำของจีนอย่าง ไชน่า เหมิงหนิว แดรี่, บริษัท อินเนอร์ มองโกเลีย หยีลี่ อินดัสเทรียล กรุ๊ป และไบรท์ แดรี่ แอนด์ ฟูด ก็พบว่า มีสารเมลามีนปลอมปนเช่นกัน
นานาประเทศสั่งห้ามนำเข้าและขายผลิตภัณฑ์นมจากจีน
ข่าวที่เกิดขึ้นทำให้ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ รวมทั้งประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ต่างผวากับผลิตภัณฑ์นมจากจีน พร้อมออกมาตรการ เพื่อปกป้องประชาชนจากการบริโภคอาหารปลอมปนสารเคมี
โดยสั่งห้ามนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ที่มีนมจากจีนเป็นส่วนประกอบแล้ว และยังได้ตรวจสอบสารประกอบในผลิตภัณฑ์ประเภทนมที่นำเข้าจากจีนอย่างเข้มงวดด้วย
สิงคโปร์ได้สั่งห้ามจำหน่ายนมและผลิตภัณฑ์นมทั้งหมดจากจีนตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2551 เป็นต้นมา ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ถูกสั่งห้าม ไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะนม ไอศครีม และโยเกิร์ตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลูกกวาดและขนมหวานอื่นๆ เช่น ช็อคโกแลต บิสกิต และขนมหวานที่ผลิตในจีนอีกด้วย นอกจากนี้ ทางการยังได้เตือนผู้บริโภคไม่ให้รับประทานนมและผลิตภัณฑ์นมจากจีน
เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ( อย. )ของไ ทย
ก็ได้สั่งการให้ด่าน อย.ตามจังหวัดชายแดน ระงับการนำเข้าลูกอม ตรากระต่ายขาวจากประเทศจีน และแนะให้ประชาชนงดรับประทานลูกอมชนิดดังกล่าวไว้ก่อน จนกว่าผลการตรวจสอบจะออกมาอย่างเป็นทางการโดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
จีนเร่งแก้ปัญหา หวั่นกระทบอุตสาหกรรมนมของประเทศ
การตรวจพบสารเมลามีนในนมผงยี่ห้อซานลู่และอื่นๆ ส่งผลให้สำนักงานควบคุมคุณภาพและตรวจสอบกักกันโรค (AQSIQ) ตัดสินใจขยายผลด้วยการตรวจหาสารปนเปื้อนในนมผงยี่ห้ออื่น ซึ่งผลปรากฏว่าพบสารปลอมปนในนมผง 69 ยี่ห้อจาก 22 บริษัท จากการสุ่มตรวจทั้งหมด 491 ยี่ห้อจาก 109 บริษัท และได้สั่งให้ทำลายนมผงที่มีการปลอมปนในทันที
จนถึงตอนนี้มีผู้ต้องสงสัยรวม 18 รายที่ถูกจับกุมตัว โดย 6 รายถูกตั้งข้อหาว่าขายสารเมลามีน ส่วนอีก 12 รายเป็นพ่อค้านายหน้าที่ต้องสงสัยว่าขายนมปลอมปนให้ซานลู่
ทางด้านกระทรวงเกษตรจีนเตรียมยกเครื่องอุตสาหกรรมนมในประเทศ โดยกำหนดให้ผู้รีดนมวัวทั่วประเทศต้องลงทะเบียนกับทางกระทรวงเกษตร นอกจากนั้นการตรวจสอบนมสดยังต้องมีความเข้มงวดกว่าเดิม
ซึ่งมาตรการดังกล่าวถือเป็นความพยายามล่าสุดในการลดข้อครหาที่ว่ารัฐบาลจีนไม่สามารถทำให้ทั่วโลกเชื่อมั่นว่าอาหารจากจีนมีความปลอดภัยได้
นอกจากนั้นกระทรวงพาณิชย์ยังสั่งการให้รัฐบาลท้องถิ่นเพิ่มการควบคุมและตรวจสอบผลิตภัณฑ์นมสดและสินค้าผู้บริโภคสำหรับการส่งออก เนื่องจากหลายประเทศเริ่มนำอาหารที่ผลิตในจีนลงจากชั้นวางเพราะกลัวว่าอาจมีการปนเปื้อนหรือปลอมปน
ทุกวิกฤติ ย่อมมีโอกาส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ฉวยจังหวะนี้ ออกมาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้นมแม่แก่ลูก
ในแถบเอเซีย แม่ให้นมแม่น้อยลง สังเกตจาก ยอดขายปลีกนมผงสูตรสำหรับทารก เพิ่มมากขึ้น 19 % โดยเฉพาะจีน ยอดขายเพิ่ม พุ่งถึง 29% องค์การอนามัยโลกห่วงเหตุนมเปื้อนมาก และชี้ว่า นมแม่ดีที่สุดจริงๆ
แม้ว่าบริษัทนมของจีนจะได้ออกมาขอโทษขอโพยประชาชนและเรียกคืนสินค้า แต่คงอีกนานกว่าที่นานาประเทศจะกลับมาไว้วางใจผลิตภัณฑ์ประเภทนมจากจีน
คงอีกนาน จึงจะเ รียกความเชื่อมั่นคืนมาได้ เพราะเหยื่อความโลภของการกระทำครั้งนี้ไม่ได้เกิดกับคนอื่นคนไกล
แต่เป็นเด็กทารกที่เกิดในแผ่นดินของจีนเอง
การปลูกผักไว้กินเอง จึงเป็นหนทางหนึ่ง ที่จะช่วย ให้ทุกครอบครัว มีความปลอดภัยเกี่ยวกับอาหาร ได้ในระดับหนึ่งทีเดียว