ความใฝ่ฝันทำให้มนุษย์เราประสบกับสิ่งที่ตนปรารถนาและต้องการ มีเสียงแย้งว่าใฝ่ฝันแต่ไร้จิตนาการไร้ค่า ปรารถนาแต่ไม่ก้าวเดินเพ้อฝัน ก้าวเดินพร้อมความฝันแต่นอกเหนือความเป็นจริงต้องเหนื่อยกว่าเดิมหลายเท่า เห็นผู้คนที่ประสบความสำเร็จมาก็มาก ล้มเหลวบนทางแห่งความฝันก็ไม่ใช่น้อย สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อเตือนบอกให้รู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของความฝัน คือ มนุษย์เราเป็นคนเพ้อฝัน เพราะมีไม่กี่คนที่ฝันเป็นจริง น้อยคนนักจะได้สิ่งที่ตนวาดฝันไว้ สิ่งที่เราได้มักไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการหรือปรารนา แต่ทำให้ฉงนใจยิ่งขึ้น สิ่งที่เราไม่ได้ปรารถนา ไม่เคยคาดคิดจะเอามาครอบครอง กลับเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตและจิตใจสิ่งที่มองข้ามไม่สนใจกลับเป็นสิ่งที่มีคุณค่า บางครั้งก็อยู่กันนานจนกระทั่งล้มหายตายจากกันไปข้างหนึ่งก็มี
พูดถึงสถานที่ที่หลายคนได้ไปมาแล้ว ที่เหล่านั้นมักมีร่องรอยแห่งความทรงจำที่สวยงาม ทำให้เราสุดแสนประทับใจ เพราะว่าเป็นที่ที่เราฝันที่จะมาเยือนนานแล้ว มีที่อยู่ไม่กี่ที่ที่ไม่มีใครปรารถนาจะไปเที่ยว ไปทำกิจกรรมแห่งความสุข หรือ ประเภทแบบว่าไม่มีอะไรทำไปเดินเล่นกันดีกว่า เหมือนเดินเล่นในศูนย์การค้า ในโรงหนัง อะไรทำนองนั้น คือ
โรงพัก หรือสถานีตำรวจ นอกจากเจ้าหน้าตำรวจและผู้ที่ปฏิบัติทำงานในที่แห่งนั้นแล้ว ไม่มีใตรที่ใฝ่ฝันจะไปเดินเล่น หรือไปพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากคนที่ได้ชื่อว่าผู้ต้องหา หรือผู้ทำผิดเท่านั้น ถึงจะได้โอกาสเช่นนั้น ส่วนญาติพี่น้องที่ติดตามไปเวลามีคดีความ ลองถามดูแล้วก็ไม่เห็นมีใครบอกว่าอยากจะมาเที่ยวที่โรงพัก คนที่มาส่วนมากมีความจำเป็นต้องมา และเป็นคนป่วยทางความชอบธรรม ทางความถูกต้อง กล่าวคือ มีปัญหาทางกฏหมาย ทำลายระเบียบวินัยมาแต่เด็ก ไม่เห็นคุณค่าของความถูกต้องและชอบทำลายความชอบธรรมของตนเองหรือของผู้อื่น ไม่เว้นแม้แต่คนที่ต้องสู้กับความถูกต้อง ก็จัดอยู่ในประเภทความชอบธรรมบกพร่อง โรงพักจึงมีความจำเป็นต้องทำหน้าที่เป็นผู้รักษาสังคม และแสดงหาความชอบธรรมให้กับสังคม
โรงพยาบาล พยาบาล แปลว่า รักษา คนที่เข้าไปโรงพยาบาล ไม่ได้ไปเที่ยวงานหรือพักผ่อนแบบเต็มใจ ยกเว้นคนที่ทำงานในโรงพยาบาล คนที่ป่วยก็ไปรักษาความป่วยทางกายและทางใจ ส่วนญาติก็ไปรักษาใจให้กำลังคนป่วยอีกทีหนึ่ง แต่วันหนึ่งก็จะมีโอกาสได้มารักษาตัวเองด้วยเช่นกัน หมอและพยาบาลเจ้าหน้าที่เป็นผู้มีคุณูปการต่อสังคม เคยคิดนะว่าถ้าหมอและพยาบาลป่วยจะให้ใครรักษา ทั้งโรคทางกายและทางใจ มีคนบอกว่าขวานนะมันถากไม้อื่นได้แต่ถากด้ามขวานตนเองไม่ได้ คนไปโรงพยาลไม่ได้ไปเที่ยวเล่น แต่ไปเพื่อรักษาความป่วย ความผิดปกติของร่างกาย
วัด ทำไมวัดจึงเป็นที่ไม่มีใครอยากไป คนไปวัดมีสองประเภท หนึ่งคนมีค่า หมายความว่า เห็นค่าของความดี ค่าของชีวิต บางคนก็พึ่งเห็นและรู้ตัวตอนใกล้ไร้ค่า บางคนก็หวั่นต่อสิ่งที่จะมาพรากของมีค่าจากตัวเรา สองคนที่หมดค่า หมายความว่า ถูกความทุกข์ ความเดือดร้อน ความล้มเหลว ความประมาท ความขาดสติลืมตัวย่ำยีมา หรือไม่ก็เข้าใจว่าถูกสิ่งที่อยู่เหนืออำนาจครอบงำกระทำเอา ที่มาเป็นประจำก็มาตอนได้สติแล้ว หลังจากที่รู้คิดและวัดตัวเองได้ว่า ตัวเองมีอะไรบ้างที่มีค่า พอรู้ว่ามันมีน้อย หรือใกล้หมดแล้วจึงต้องมาเอาบางสิ่งเติมเต็ม ต้องรีบกลัวเกรงว่าจะไม่ทันการ ทำให้คิดว่า ถ้าเราเห็นค่าของตัวเองก่อนหมดค่า สิ่งนั้นจะมีค่า ถ้าเห็นค่าของตนเองตอนหมดค่า ตนจะไร้ค่า ที่สุดวัดที่เราไปกันนะก็ไม่ต่างจาก โรงพัก โรงพยาบาล ในฐานะผู้ทำหน้าที่รักษาคน แต่เป็นการรักษาใจ แต่สงสัยเหมือนกันถ้าคนในวัดป่วยใครจะรักษา เพราะว่าเวลาแสงเทียนให้แสงสว่างแก่ผู้อื่น ส่วนที่มืดคือใต้ต้นเทียน พัดลมพัดให้ผู้อื่นเย็นสบาย แต่มอเตอร์มันร้อน ที่เล่าขานมาไม่ใช่อะไรก็เป็นคนป่วยคนหนึ่งที่ต้องไปรักษาความผิดปกติ ความป่วยของชีวิตเป็นประจำเช่นกัน
สวัสดีค่ะ
- โรงพัก อ่านแล้วน่าฟัง ทำไมใครคิดได้ เพราะเมื่อไปไม่ค่อยอยากไปสักเท่าไหร่
- โรงบาล ทำงานอยู่ทุกวันจิตใจห่อเหี่ยว เพราะต้องรักษากายและใจทั้งญาติและคนไข้ แต่ต้องทำงานด้วยใจที่รักทางนี้ แต่เป็นที่ไม่อยากไป แต่สำคัญกับทุกชีวิต
- วัด เดิมคิดว่าต้องไปวัดเพื่อทำบุญ แต่เดี๋ยวนี้ไม่จำเป็น เพราะเราทำได้ทุกที่
ใจปฏิเสธ กายโอบกอด
สวัสดีค่ะ
ในฐานะที่ทำงานในสถานพยาบาล
ได้ยินคนพูดเหมือนกันว่า
คนที่เข้ามาสถานที่แห่งนี้ คือคนที่"ซวย"
แต่ในเมื่อเราต่างก็หนีการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่พ้น
ใจจริงจึงอยากให้คน เข้ามาเยี่ยมเราบ้าง แบบไม่ป่วย
และไม่คิดว่า "ซวย"ด้วยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ