ปิดทีวี...เพื่อลูกและเด็กทุกคน


เรามีสิทธิ์ที่จะบริโภคข้อมูลข่าวสาร แต่เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปทำลายโลกอันสวยงามสร้างสรรค์ของเขาด้วยการบริโภคของเรา

สำหรับเด็กอายุขวบเศษๆ ตามหลักจะว่าไปก็ยังเป็นวัยที่ไม่เหมาะสมที่เด็กจะดูทีวีนะครับ

 

ผมเริ่มให้ลูกดูทีวี ตอนอายุประมาณขวบครึ่ง ดูร่วมกันพ่อแม่ลูกนะครับ เป็นพวกวีซีดีเพลงนิทานสำหรับเด็ก เพลง กอ เอ๋ย กอ ไก่ ดูวันรอบสองรอบนะครับ เพลงไพเราะ การ์ตูนสดใสน่ารัก บางเรื่องก็ใช้เสียงเด็กๆมาร้องเป็นเพลง ขนาดเราเป็นผู้ใหญ่มานั่งดูนั่งฟังด้วยก็อารมณ์ดีตาม

 

ปกติที่บ้านจะไม่ค่อยดูทีวีครับ ครอบครัวเราชอบอ่านหนังสือมากกว่า จะดูบ้างก็ตอนลูกหลับไปแล้ว บางทีก็เช่าหนังแผ่นจากร้านมาดู เพราะไม่มีเวลาติดตามละครชุด

 

ถ้าจะถามครอบครัวเพื่อนบ้าน ก็แทบไม่มีใครเลยครับที่ระวังภัยจากสื่อกับลูกเช่นนี้

 

ผมเองรู้ว่าอธิบายไปก็มากความ สู้เราทำให้เห็นเป็นตัวอย่างดีกว่า

 

พ่อแม่จำนวนมากครับ รวมถึงคนเฒ่าคนแก่ที่เลี้ยงหลานอยู่กับบ้าน หรือแม้กระทั่งในศูนย์เด็กเล็ก นิยมเปิดทีวีให้เด็กดู นัยว่ากล่อมเด็กให้อยู่นิ่งๆได้ดี คือนั่งหน้าจอ ตาค้างอยู่นิ่งๆไม่ไปไหน โดยหารู้ไม่ว่าเป็นการทำร้ายเด็กโดยไม่รู้ตัว

 

เด็กที่ดูทีวีเค้าไม่รู้หรอกครับ ว่ารายการไหนส่งผลดีผลร้ายกับเขายังไง (อย่าว่าแต่เด็กเลย ผู้ใหญ่เองก็ยังไม่รู้ บางคนถึงรู้ก็ยังประมาท คิดว่าไม่เป็นไร เป็นเรื่องธรรมดา เด็กๆจะได้รู้ความเป็นไปของโลก ว่าเข้าไปนั่น)

 

อันที่จริง ผมก็เคยคิดเช่นนั้นนะครับ คือเข้าข้างตัวเองว่า ดูหนัง โฆษณา หรือแม้กระทั่งข่าวที่มีเนื้อหารุนแรงแล้วจะได้รับมือกับโลกที่รุนแรงได้  ซึ่งมันไม่ใช่เลย แท้จริง มันเป็นการปลูกฝังให้เราเคยชินและเป็นผู้นิยมความรุนแรงโดยไม่รู้ตัว

 

สังเกตใจตัวเอง เวลาดูข่าว หลายข่าวดูแล้วเกิดอารมณ์หงุดหงิด รำคาญ เศร้า ท้อแท้ คือสื่อมากระตุ้นเราให้คล้อยตามเนื้อหา

 

สองวันมานี้  ผมก็ตามข่าวพันธมิตรบุกยึดทำเนียบ ภาพข่าวมีฝูงชนหน้าดำคร่ำเครียด ยื้อแย่ง ทุบกระจก มีการเผชิญหน้ากันด้วยอารมณ์ของฝูงชนกับเจ้าหน้าที่  ลูกชายตัวน้อยเดินเข้าดึงแขนพ่อ บอกกับผมว่า ผี ๆ พ่อ พ่อ ปิดทีวี

 

บทเรียนเล็กๆนี้ ทำให้ผมฉุกคิดขึ้นว่า ลูกกำลังบอกอะไรบางอย่างแก่เรา ผมก็หันไปบอกลูกว่า ไม่ใช่ผีนะครับ แต่เป็นคนเขาทะเลาะกัน ไม่มีอะไรน่ากลัว แล้วก็ปิดทีวี.....เพื่อลูก

 

หลังจากเจ้าชายน้อยนิทราไปแล้ว ผมค่อยเข้ามาดูข่าวรอบดึกอีกครั้ง ผมอยากจะบอกกับพ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านว่า เรามีสิทธิ์ที่จะบริโภคข้อมูลข่าวสาร แต่เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปทำลายโลกอันสวยงามสร้างสรรค์ของเขาด้วยการบริโภคของเรา

 

ในละครก็ดี ในโฆษณาก็ดี ในภาพยนตร์ก็ดี หรือแม้แต่ในข่าวและการถ่ายทอดมวยที่เปิดดูกันเกลื่อนกลาด เหล่านี้มีภัยร้ายต่อเด็กๆมากมายอย่างที่เราคาดไม่ถึง ถ้าสองปีมานี้ผมไม่ได้เข้ามาจับงานสื่อเด็กก็ยากที่จะเข้าถึงเรื่องพวกนี้ ประจวบกับที่เพิ่งมีลูกพอดี ก็เลยได้บูรณาการงานมาใช้กับชีวิตจริง ก็เลยอยากนำมาถ่ายทอดแก่ผู้อื่นนะครับ

 

ถ้าจะดูทีวี ก็ไม่เป็นไร แต่โปรดใส่ใจคนข้างๆด้วยนะครับ ว่าเขาอายุเท่าไร เขาพร้อมที่จะดูสิ่งเหล่านี้หรือยัง

หมายเลขบันทึก: 204010เขียนเมื่อ 28 สิงหาคม 2008 13:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

พี่พอ ลูกสาวคนของพี่ ไม่ชอบดู รายการตลก บอกว่า พูด ไม่เพราะ แม่ พอ ไม่อยากดู เจ้า

มีงานวิจัยมากมายระบุว่า การที่เด็กดูโทรทัศน์ ทำให้เด็กสมาธิสั้น

และไม่สร้างสรรค์จินตนาการ

ยิ่งรายการโทรทัศน์ในบ้านเรา ไม่มีรายการที่เหมาะกับช่วงวัยของเด็ก

เด็กก็จะได้รับสื่อสำหรับผู้ใหญ่ไปด้วย

จิตแพทย์เด็กบอกว่า เด็กอายุ 0-3 ขวบ ไม่ควรดูโทรทัศน์เลย

ถึงแม้จะเป็นซีดีสำหรับเด็กก็เถอะ เพราะเด็กไม่เกิดจินตนาการ

เซลล์สมองไม่สร้างรอยหยัก เด็กไม่ได้พัฒนาความคิด

สื่อที่เหมาะสำหรับเด็กคือหนังสือและวิทยุ (สำหรับเด็ก)

ที่สร้างจินตนาการได้มากกว่า

โดยเฉพาะการบริโภคสื่อตามช่วงวัย คือ 3-5, 6-9, 10-12 ปี

หลังจากนั้นก็เป็นสื่อสำหรับวัยรุ่นตอนต้นจนถึงเยาวชน

การบริโภคสื่อตามช่วงวัย ทำให้เด็กมีหน้าต่างแห่งโอกาส

และได้พัฒนาทักษะและความคิดตามวัยของตัวเอง

เป็นสื่อสร้างสรรค์และไม่ก้าวกระโดด

การไม่ใส่ใจในสื่อสำหรับเด็กของพ่อแม่

ถือว่าเป็นการทำร้ายลูกอย่างรุนแรง

เพราะสำหรับเด็กผู้บริสุทธิ์แล้ว

เราให้อะไรไป เขาก็จะรับอย่างนั้น

มาสร้างเด็กด้วยการอ่าน และการฟัง จะดีกว่านะคะ

เห็นด้วยจริงๆ ค่ะ กับการ "ปิดทีวี...เพื่อลูก"

และนกเชื่อว่า "นิทาน" ยังเป็นสื่อที่ดีทีสุดสำหรับเด็ก

นิทานเรื่อง "คุณฟองฟันหลอ" ยืนยันคำพูดนี้ได้ดี

การันตี โดย "น้องออมสิน" ครับ

ถ้าจำได้ขึ้นใจเมื่อไหร่

จะรอฟังนิทานเรื่อง คุณฟองฟันหลอ

จากน้องออมสินครับผม

ขอบคุณ คุณนกที่มาใหข้อมูลดีๆ วันนี้ ครอบครัวของผมได้ใช้ประโยชน์จากนิทานหลายเรื่อง วันหลังจะเขียนมาบอกกล่าวนะครับ

ดีใจมาก...ที่เป็นส่วนหนึ่งในความสุขค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท