จุดเปลี่ยน... ประเทศไทย 2551
จากสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถึง สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ หรือเรียกให้หรูสักนิดว่า สถานีโทรทัศน์ NBT จากเหตุการณ์ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้บุกยึดสถานั NBTและสถานที่ราชการหลายแห่งซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ของรัฐบาลชุดนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีคงจะทำให้เราๆ ท่านๆรู้สึกได้ถึงจุดเปลี่ยนของประเทศไทยที่จะนำพาประเทศไปสู่ความรุนแรงถึงขั้นวิกฤตได้ หากทั้งภาครัฐบาลและหรือฝ่ายพันธมิตรฯ ยังคงใช้ความรุนแรงเข้าหากันโดยไม่ยอมลด ละ หรือหันหน้าเข้ากันอย่างที่เป็นอยู่ รัฐบาลเองก็มีจุดยืนที่ไม่สนใจต่อแรงต้านทุกรูปแบบ มุ่งเน้นสร้างฐานเสียงให้กับตนเองและพวกพ้อง เร่งอนุมัติผลักดันโครงการใหญ่ ๆหลายโครงการ เช่น การสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ที่เกียกกาย(ประเด็นฮอตในขณะนี้) การใช้มาตรการ 6 มาตรการช่วยเหลือประชาชน ถ้ามองอย่างผิวเผินแล้วทุกมาตรการและโครงการต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ดี แต่หากมองหรือเจาะลึกในรายละเอียดจะพบว่า มาตรการต่าง ๆ โครงการของรัฐบาลนั้น ล้วนแล้วแต่ใช้เม็ดเงินซึ่งมาจากงบประมาณแผ่นดินจำนวนมากเกินความจำเป็น ซึ่งน่าจะกระตุ้นให้ประชาชนมีจิตสำนึกถึงภาวะการการเงินของประเทศมากกว่าการช่วยเหลือเพื่อหวังใช้ความนิยมจากประชาชนเป็นการชวนเชื่อมากกว่าการแก้ปัญหาระยะยาว พูดถึงโครงการที่ทางรัฐบาลจะสร้างรัฐสภาแห่งใหม่นี้ ในความเห็นส่วนตัวของผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าสถานที่เดิมนั้นคับแคบมากแต่การจะสร้างใหม่นั้น รัฐบาลก็จะต้องดูผลกระทบกับประชาชน หน่วยงานราชการ สถานศึกษาและพื้นที่ทางกายภาพด้วย ไม่ใช่รัฐบาลใช้อำนาจและทุ่มงบประมาณการก่อสร้างรวมทั้งสร้างหน่วยงาน ชุมชนเดิมที่มีอยู่ในสถานที่แห่งใหม่ รัฐบาลไม่ได้เคยทำประชาพิจารณ์หรือเกี่ยวกับเรื่องนี้และในอีกหลาย ๆเรื่องที่เป็นปัญหาคาราคาซังอยู่ในปัจจุบัน ผมมองว่ายังมีพื้นที่อีกมากมายในประเทศไทย(หากจะใช้พื้นที่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลโดยไม่กระทบต่อชุมชนรายรอบ น่าตั้งขอสังเกตนะครับว่ารัฐบาลนี้มีอะไรแอบแฝงหลายประการซึ่งเรา ๆ ท่านๆที่เป็นประชาชนคนของประเทศนี้จะต้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ผมถือคติที่ว่า กรรมใดใครก่อกรรมนั้น ย่อมตามสนองไม่ช้าก็เร็ว ประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ผมว่าหากรัฐบาลนี้มุ่งหวังกอบโกยผลประโยชน์ให้กับตนเองและบริวารมากเกินจนลืมตัว ไม่ช้าไม่เร็วรัฐบาลก็จะถูกล่มสลายโดยพวกพ้องของตนเอง ครับในฐานะที่ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเหตุบ้านการเมืองคนหนึ่งของประเทศอยากฝากวิงวอนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์อันจะนำไปสู่ความรุนแรงในอนาคต ขอให้ทุกฝ่ายตั้งมั่นในคุณธรรมและความจริง ผมว่าปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่น่าจะมีทางออกที่ทุกฝ่ายสามารถยอมรับได้ อย่างน้อยก็ให้นึกเสียว่า เราทุกคนรักและหวงแหนประเทศไทยเหมือนกัน....สวัสดี...
ความเห็น (2)
สวัสดีครับ
สิ่งที่น่าห่วงอีกเรื่อง คือ การรับรู้และความเข้าใจของเราๆ ท่าน ประชาชนพลเมืองทั่วไป ที่ได้รับข้อมูลจากสื่อเป็นส่วนใหญ่ บางเรื่องไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ครั้นจะเข้าไปดู ASTV หรือ NBT ในบางรายการทที่บอกว่าเป็น "เรื่องจริงวันนี้" ก็ยังไม่แน่ใจว่าแล้วพรุ่งนี้มันจะยังจริงอยู่หรือเปล่า เรื่องได้รับมาจากการเล่าต่อ พอชักมันก็ออกอาการคันๆ เข้าข้างฝ่ายที่ตนเองคิดว่าใช่ สร้างความวุ่นวายไปกันใหญ่.....แล้วใครหละ จะให้คำตอบและทางออกที่ดีได้
สุดท้าย ผมกลัวจริงๆ ว่ามันจะมีแต่ฝ่ายเสีย บอก บบ คูณ หาร ดูแล้ว เป็นไปได้ไหม ? (วันนี้ท่าทางจะยากแล้วหละ) ที่จะถอยออกมาคนละก้าว ปล่อยให้คนกลางขับเคลื่อน ไว้ใจกระบวนการยุติธรรม เชื่อมั่นกฎหมาย (ในขณะนี้ ไม่ดี ไม่ถูก ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ) แล้วหาทางออกร่วมกัน จะไม่ดีกว่าเหรอท่าน
ด้วยความเคารพรัก
การใช้วิจารณญาณในการรับฟังข่าวสารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตามนั้น ควรพิจารณาให้ดีเสียก่อน ต้อง ฟังหูไว้หู ... แล้วเราจะรู้ว่า หูทั้งสองข้างสอนอะไร (ท่านชุติปัญโญ) ดั่งคำพระท่านว่าไว้
นักการเมือง ผู้บริหารส่วนใหญ่มักใช้ทุกวิธีการที่ได้มาซึ่งอำนาจและผลประโยชน์ จึงต้องมีกระบวนการ "ลับ ลวง พราง" กันทั้งหมดทั้งสิ้น
เชื่อใครไม่ได้ ต้องคิดมาก ๆ ไตร่ตรองมาก ๆ แล้วไม่ต้องไปเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากนัก อาจจะทำให้กินไม่ได้ นอนไม่ได้ เสียเปล่า ๆ
มองดูด้วยเหตุและผล
ประชาชนจะเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งเท่านั้น ถ้าฟังใครแล้วไม่ไตร่ตรอง
ขอบคุณครับ :)