ต้นเดือนพฤษภาคม 2548 ผู้เขียนรับผู้ช่วยวิจัยเพื่อเดินทางไปยัง
บ้านนากลางหมื่น
หมู่บ้านลาวเวียงที่ผู้เขียนคิดถึงบ้านด้วยความใจจดจ่อ
การเดินทางครั้งนี้อาศัยรถยนต์ส่วนตัวโดยใช้เส้นทางกาฬสินธุ์-สมเด็จ
ระยะทางจากเมืองกาฬสินธุ์ถึงบ้านกลางหมื่นระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตร
สภาพตลอดเส้นทางเป็นป่าโคกสลับทุ่งนา
ในภาพรวมจังหวัดกาฬสินธุ์จากข้อมูลปี 2540
จังหวัดกาฬสินธุ์มีเนื้อที่ป่าไม้ 1,144,700 ไร่หรือประมาณ 26.37
%[1]ของเนื้อที่ทั้งหมดของจังหวัด
เมื่อมองออกจากรถไปบนผืนดินล้วนแต่เห็นเป็นพื้นดินที่ขาวจากปริมาณของทรายที่มากจนเห็นว่าขาวทรายได้ชัดเจน
โดยทั่วไปสภาพที่เห็นคือดินร่วนปนทรายซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์และคุณภาพต่ำ
จากทางหลวงแผ่นดินกิโลเมตรที่ 20
เลี้ยวขวาเข้าเขตรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลกลางหมื่น
ผ่านบ้านแก่งนาขาม บ้านหัวช้าง บ้านโคกอุดม หนองโคกกลาง
ส่วนใหญ่เป็นบ้านขนาดเล็กไม่เกิน150หลังคาเรือนที่ตั้งบนเนินป่าสลับทุ่งนาและป่ามันสัมปะหลังในส่วนของมันสัมปะหลังนับเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญที่ทำรายได้สูงรองลงมาจากข้าว
จากสถิติการปลูกในภาพรวมของจังหวัดพบว่าในปี 2540 มีพื้นที่ปลูกจำนวน
174,295 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 47.95
นอกจากนั้นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่เป็นที่นิยมในช่วงสิบปีนี้คืออ้อย
ในส่วนของภาพรวมการปลูกอ้อยของจังหวัดพบว่าปี 2541
มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจากปี 2540 คือ 890,153 ตัน(มากว่าเดิม
362,640 ตัน)
ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ถึงแม้จะมีฝนมาบ้างแต่ก็ไม่มีหญ้าเพียงพอนักสำหรับสัตว์เลี้ยงเช่นวัวและควายที่ชาวบ้านเลี้ยงตามยถากรรมตามทุ่งนาซึ่งผอมซูบหนังเหี่ยว
และรถคันน้อยก็พาเรามาถึงป้ายบ้านกลางหมื่นหมู่ 1
ที่ตั้งทางเข้าหมู่บ้านทางทิศเหนือจนได้
หลังจากถามหาบ้านผู้ใหญ่บ้านและแนะนำตัวถึงภาระกิจที่เข้ามาในครั้งนี้เป็นอันดับแรกแล้ว
ผู้เขียนและผู้ช่วยก็เริ่มเดินทางสำรวจหมู่บ้านอย่างคร่าวๆเพื่อทำความเข้าใจสภาพภูมิประเทศของการตั้งหมู่บ้านและเดินทักทายคนกลางหมื่นเพื่อให้พวกเขาจดจำพวกเราในฐานะนักวิจัยที่ทำงานในพื้นที่ของพวกเขา
เป้าหมายแรกเรามุ่งตรงไปยังวัดก่อนเป็นอันดับแรก
บ้านกลางหมื่น เป็นหมู่บ้านขนาดกลางจำนวน 120 ครัวเรือนประชากรรวม
1604คน[2]ในจำนวนนี้รวมทั้งผู้สูงอายุ 52 คน
ประชากรเป็นคนไทยเชื้อสายลาว(เวียงจันทน์)มีลักษณะทางวัฒนธรรมภาพรวมเช่นคนลาวในภาคอีสานทั่วไป