สธ.กลับลำช่วยเหลือ น้องเต๋าเหยื่อหมอฟัน


สธ.กลับลำช่วยเหลือ น้องเต๋าเหยื่อหมอฟัน
       เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 21 มี.ค. น.ส.กอบพร วงศ์คำ ทนายความ นางลีนา จังจรรยา ประธานมูลนิธิลีน่า จัง พร้อมด้วยนายไชยา ประตังถาเน อายุ 34 ปี นางทิวากาล อ่อนใย อายุ 35 ปี พา ด.ช.ชนายุทธ หรือน้องเต๋า ประตังถาเน อายุ 6 ขวบ บุตรชายซึ่งกลายเป็น เจ้าชายนิทราหลังพาไปรักษาฟัน กับทันตแพทย์หญิงวลีพรรณ วีระพงษ์      ที่ รพ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เมื่อปี 2546 เดินทางมาที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอให้ทาง กระทรวงยุติ         การยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งที่ให้ชดใช้เงิน 4.49 ล้านบาท  เนื่องจากฐานะทางบ้านยากจน และบุตรชายต้องการเงินมารักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ นางทิวากาล แม่ของ “น้องเต๋า” กล่าวทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า ทางกระทรวงการคลังได้เสนอให้ทาง สธ. พิจารณาใน 3 ประเด็นคือ 1. หากเป็นข้อผิดพลาดในการรักษาจริงก็ให้เร่งชดใช้เงินดังกล่าว และตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง   2. หากเห็นว่าวงเงินชดใช้สูงเกินความเป็นจริงให้ สธ. เสนออุทธรณ์เฉพาะประเด็นวงเงิน     ที่สูงเกินไป และเร่งชดใช้เงินส่วนที่ผู้เสียหายควรจะได้รับทันที   และ 3. หากเห็นว่ามีข้อเท็จจริงที่จะสามารถโต้แย้งยืนยันได้ว่าไม่ใช่ความผิดพลาด ในการรักษาก็ให้ยื่นอุทธรณ์เพื่อให้ศาลสูงพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง“    ดังนั้น        ตนจึงขนสมาชิกในครอบครัวมาปักหลักรอฟังคำตอบของกระทรวง โดยจะพักอยู่ในชั้นล่างของสำนักงาน    ปลัดกระทรวง จนกว่าจะได้คำตอบที่แน่ชัดในเรื่องดังกล่าว” นางทิวากาลสรุปทิ้งท้าย
ต่อมาเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.สาธารณสุข ซึ่งเดินทางมาร่วมประชุม  คณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ ได้พบปะกับครอบครัวของ ด.ช.ชนายุทธประมาณ 10 นาที เพื่อสอบถามถึงจุดประสงค์ที่มาประท้วง โดยช่วงหนึ่งของการสนทนานายพินิจได้เชิญ น.ส.กอบพรและนางทิวากาล ไปพูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยขอเจรจาต่อรองเงินชดเชยค่าเสียหายจาก 4.49 ล้านบาท เหลือเพียง 2 ล้านบาท แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ นายพินิจจึงขอตัวเดินเข้าห้องประชุมทันที  
ต่อมาเวลา 19.00 น. นายพินิจ จารุสมบัติ รมว. สาธารณสุขได้กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า   ได้ปรึกษากับทางทนายความและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องแล้วได้ข้อสรุปว่า ทาง สธ. จะจ่ายเงินให้ครอบครัวของน้องเต๋าทันที 5 แสนบาท จากนั้นจะจ่ายเงินช่วยเหลือรายเดือน เดือนละ 5,000 บาท จนกว่าน้องเต๋าจะเสียชีวิต หากตกลงตามนี้ทาง สธ. ก็จะไม่ยื่นอุทธรณ์อีกต่อไป  ในส่วนของน้องเต๋าซึ่งมีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ทาง สธ.   จะรับดูแลโดยจัดให้อยู่ที่ รพ.พระนั่งเกล้าจนกว่าจะเดินทางกลับบ้านที่ จ.นครสวรรค์
ด้านนางทิวากาลและ น.ส.กอบพร ทนายความได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว และจะยื่นอุทธรณ์สู้เรียกร้องค่าเสียหายตามจำนวนเดิมที่เคยยื่นฟ้องตั้งแต่แรกคือ 12 ล้านบาทแทนที่จะรับเงิน 4.49 ล้านบาทตามที่ศาลชั้นต้นตัดสิน   อย่างไรก็ตาม นางทิวากาลยอมรับข้อเสนอที่ให้พาน้องเต๋าไปพักที่ รพ.พระนั่งเกล้า โดยทุกวันจะเดินทางมาประท้วงที่ สธ. จนกว่าจะได้ข้อยุติ และในวันที่ 23 มี.ค. จะไปประท้วงที่กระทรวงการคลังด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากรายของน้องเต๋าแล้ว ยังมีผู้ได้รับผลกระทบจากการรักษาของแพทย์อีก 2 รายเดินทางมาร้องทุกข์เช่นกัน โดยนายวันเฉลิม พรดำริ ชาวบ้าน จ.ราชบุรี ได้พา ด.ญ.กิติยากร พรดำริ หรือน้องขิม บุตรสาววัย 7 ขวบ เข้าร้องทุกข์โดยระบุว่าน้องขิมมีอาการศีรษะบวมโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นคนพิการ  สาเหตุคาดว่าน่าจะมาจากการฉีดยาผิดของแพทย์ที่ รพ.ศูนย์ราชบุรีเมื่อปี 2542 อย่างไรก็ตาม ทาง พ.ญ.ศรีวรรณา พูลสรรพสิทธิ์ ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข ระดับ 10 ด้านเวชกรรม ได้ออกมาชี้แจงว่าน้องขิมป่วยเป็นโรค  หัวบาตรหรือโรคไฮโดรเซฟาลัส หรือโรคช่องน้ำไขสันหลังอุดตัน ทำให้มีน้ำไปคั่งในสมอง ได้ประสานส่งตัวน้องขิมไปรักษาที่สถาบันประสาทวิทยาต่อไป อีกรายนางกาญจนา เกษกลาง ชาวบ้านใน จ.ตราด ได้พานายเสน่ห์ เกษกลาง สามีที่พิการเป็นอัมพาต สมองตาย โดยระบุว่าสามีไปผ่าฝีที่ขาใน รพ.ชลบุรีเมื่อ 7 เดือนก่อน หลังจากผ่าตัดสามี    ก็มีสภาพดังกล่าว ทางมูลนิธิลีน่า จังได้รับเรื่องไว้เพื่อดำเนินการต่อไป

ไทยรัฐ  22  มีนาคม  2549

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 20277เขียนเมื่อ 22 มีนาคม 2006 13:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท