@_@.แนวทางการปฏิบัติธรรม ตอนที่.๓.@_@

  ขอนอบน้อมแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

                                                                                                                                                                                    ธรรม.. คือ 

                              รู้เท่าทันธรรมชาตินั้นๆ ที่เกิดขึ้น......เพราะเหตุ

                              รู้เหตุแห่งการเกิดธรรมชาตินั้นๆ.......ตั้งอยู่

                              รู้วิธีดับธรรมชาตินั้นๆ....สลายตัว

                              รู้การอยู่เหนือธรรมชาตินั้นๆ.....ดับทุกข์

                                        
         นี้คือธรรมที่เป็นธรรมชาติทั้งหมดในโลกที่คนจะต้องรู้ให้ได้เพื่อจะไม่หลงยึดติดจนแก้ไม่ได้ แล้วหาทางปฏิบัติเพื่อให้ตนเจริญๆ ยิ่งขึ้นตามฐานะเป็นต้นไป
                    

  

          ทฤษฎีหลักสูตรแรกของโลกที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบมีอยู่ ๓ไตร คือพระสูตร พระวินัย พระอภิธรรมหรือปรมัตถ์สรุปลงที่สิกขาทั้ง๓คือ กาย วาจา ใจ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่ป่าตำบลอุรุเวลาเสนานิคม  ด้วยพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณที่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ทรงตรัสรู้มาก่อนเรียกว่าทรงรู้พระธรรมที่หลั่งออกมาจากกาย-วาจา-ใจของพระพุทธเจ้านั่นเอง

         ในสมัยแรกวันเพ็ญเดือนหก สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้คือ  

          รู้ทุกข์  เรียกว่าทรงรู้เท่าทันธรรมชาตินั้นๆ

          รู้สมุทัย  (ตัณหา) คือ ทรงรู้เหตุแห่งทุกข์ ไดแก่รู้เหตุแห่งการเกิดธรรมชาตินั้นๆ

         รู้นิโรธ คือ รู้วิธีดับธรรมชาตินั้นๆ

         รู้ทางแห่งมรรคมีองค์๘ เรียกว่ารู้การอยู่เหนือธรรมชาตินั้นๆ 

                                        

        เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า รู้อาริยสัจจ์ ๔พระพุทธองค์ทรงอยู่เหนือธรรมชาติก็ด้วย ศีล-สมาธิ-ปัญญา สัมมาอาริยมรรคมีองค์ ๘ โพธิปักขิยธรรม๓๗  นี้เอง

        ทฤษฎีหลักที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ จึงไม่ใช่การกระทำทุกรกิริยา(การกระทำที่ทำได้โดยยาก)๓ วาระเลย ภายในกำหนด๖ปีทรงกระทำทุกรกิริยา๓วาระแต่ไร้ผลเป็นอัตตกิลมถานุโยคเปล่าๆ แต่ทรงบรรลุพระโพธิญาณด้วยกำลัง พระกายพระทัยอันยิ่งด้วยข้าวมธุปายาส(ข้าวที่หุงด้วยน้ำนมโค)ของนางสุชาดาไม่กี่วันในปลายปีที่๖ด้วยอาริยสัจจ์ ๔สัมมัปปธาน๔ อิทธิบาท๔ อินทรีย์๕พละ๕ โพชฌงค์๗ สัมมาอาริยมรรคมีองค์ ๘นี้เรียกว่า สูตรครอบจักรวาล หรือเรียกตามสูตรบัณฑิตว่า ๔-๕-๗-๘ เรียกอีกสูตรหนึ่งว่า โลกกว้างศอก ยาววา หนาคืบ มีสัญญาและใจ ซึ่งประกอบด้วยธาตุ ๔ ธาตุ ๖ ธาตุ ๗ ขันธ์ ๕ รูป-นาม รวมทั้งหมดคืออาการ ๓๑ ตามบาลี ๓๒ตามอรรถกถา นี้คือธรรมะ คือการปฏิบัติครบสูตร บริบูรณ์ที่สุด ไม่มีสูตรไหนเหนือไปได้เรียกว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ นิพพานอยู่ไม่ไกล อยู่ในใจไม่มีอุปาทาน (ความยึดมั่นถือมั่น) นี้คือคำโบราณกล่าวไว้ แม้เกจิอาจารย์ไหนๆจะฉลาดหลักแหลมเลิศสักปานใด  คิดค้นมาก สอนคนมากเหมือนท่าน พระโปฐิละในสมัยพุทธกาล  แต่ไม่เหมือนสมเด็จพ่อคือพระพุทธเจ้า  ก็ต้องรู้ ดูให้มั่นใจ แล้วจะได้เข้าหาอาจารย์ที่ถูกต้องดังกล่าว สังคมต่างๆจะต้องไม่มีปัญหา ศาสนาจะเจริญยิ่งกว่านี้ทุกวันนี้บุคคลากรในศาสนาจะเป็นกาฝากไปหมดแล้ว

                   

      ส่วนทฤษฎีของโลกที่คนคิดค้นขึ้นมานั้นดีอยู่ แต่ดับทุกข์อาริยสัจจ์ไม่ได้ ดับได้ที่สุกเอาเผากินไม่เหมือนทฤษฎีของพระพุทธเจ้าเลย ทฤษฎีของโลกดับทุกข์ได้แค่๕%ส่วนทฤษฎีของพระพุทธเจ้าดับได้๙๕%แน่ๆ ขอให้ทดลองด้วยตนเอง จึงจะรู้พื้นฐานหรือรากเหง้าของการปฏิบัติ ธรรมะต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ศีลต้องเป็นใหญ่ในโลก 

          ธรรมะมีอยู่ในตัวคนครบทุกสูตร  คนทุกคนในโลกมีธรรมะ   คนจึงคือตัวธรรมะที่สมบูรณ์ ธรรมะจึงคือตัวคนทั้งหญิงทั้งชาย

          คนจะมีธรรมะหรือรู้ธรรมะต้องพร้อมด้วยสูตร คือรูป-นาม ขันธ์ ๕ ธาตุ ๔ ธาตุ ๖ ธาตุ๑๘ อายนะภายใน๖(ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ภายนอก ๖(รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์)อาการ ๓๒ ครบสมบูรณ์คือ โลกกว้างศอก ยาววา หนาคืบ มีสัญญาและใจเป็นหลัก หรือจิตวิญญาณเป็นประธานของธรรมทั้งปวง ผู้มีธรรมะ -รู้ธรรมะ -ปฏิบัติธรรมะแล้วจะปรารถนาอะไรได้ทุกอย่างแน่นอนของทุกอย่างอยู่ในธรรมะอยู่ในตัวคนจะไปหานอกตัวไม่ได้อะไร ตายเปล่า..(มีต่อ)

                         

                         

 

[ขจิต ฝอยทอง]

• นมัสการหลวงพี่
• ได้อ่านธรรมมะทุกวัน
• รู้สึกดีครับ
• ขอบคุณครับ

[บุณยกร]

• เจริญพรนะโยม.อ.ขจิต
• ยินดีด้วยที่โยมรู้สึกดี
• อนุโมทนาสาธุ
• บุญรักษา